สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้อายุ 25 ปีค่ะ ปีนี้ก็จะ 26 แล้ว
พอดีมีเรื่องที่คิดมานานแล้ว ปรึกษาหลายๆ คนมามากแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่ได้คำตอบ
คือเรา ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี ระหว่าง
1.งานประจำที่มีเงินแน่นอน แต่น่าเบื่อ เงินน้อย แต่มีเวลาที่แน่นอน
2.อาชีพอิสระที่ชอบ แต่ไม่มีเวลาของตัว แต่เงินไม่แน่นอน บางทีได้เยอะมาก บางทีก็แทบไม่มีเงิน
เจ้าของกระทู้เรียนจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้าทำงานที่แรกเป็นอาชีพเบื้องหลังวงการบันเทิง
งานสนุกมากค่ะ เจ้านายหัวหน้าก็ดี ทุกคนสอนเราเยอะมาก ทั้งการใช้ชีวิต และการเข้าสังคม
เรื่องเงินตอบแทน (ดีพอสมควร แต่รายจ่ายก็เยอะมากเช่นกัน เพราะอยู่ใจกลางเมือง ทำให้ไม่มีเงินเก็บเหลือเลยค่ะ ทั้งๆ ที่มีภาระอย่างเดียวคือจ่ายค่าหอพัก )
แต่งานทำไม่เป็นเวลาเลย บางวันทำจนถึงเช้า แต่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องสแกนบัตร และก็เป็นงานที่ทำแล้วภูมิใจมากๆ
เวลาใครถามว่าทำงานอะไร ได้รับเชิญไปสัมมนางี้ จะภูมิใจมาก ยิ่งถ้าผลงานเป็นที่รู้จัก จะแบบดีใจสุดๆ
แต่พอทำได้ 2 ปี ก็รู้สึกว่าไม่ไหวคะ งานเครียดและกดดัน วันหยุดที่เค้าหยุดๆ กัน เราก็ไม่ได้หยุด
ต้องไปทำงาน เพื่อให้งานเสร็จทัน เช่น สงกรานต์ วันพ่อ บลาๆ
้เราห่วงสุขภาพตัวเองมากว่าถ้าจะต้องนอนเช้าแบบนี้ทุกครั้ง วันนึงอาจจะเป็นผักในโรงพยาบาล 555+
อีกทั้งเราเป็นลูกคนเดียว เราไม่อยากให้พ่อแม่เรามาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ตอนเราเป็นผักในโรงพยาบาลค่ะ
ก็เลยติดสินใจลาออกค่ะ....
ตอนนั้นทุกคนพร้อมใจกันถามว่า "ทำไม ไม่ดีหรอ ลาออกทำไม คนอยากทำเยอะแยะ เสียดายนะ"
ขนาดหลวงพ่อวัดแถวบ้านที่สนิทกับครอบครัวยังตำหนิเลยค่ะ ว่า "ไม่ฉลาด"
เสียดายเหมือนกันนะ เพราะเป็นงานที่รัก
เคยคิดว่าจะไปทำงานสายเดิม (กับบริษัทอื่น) ก็ทบทวนดูแล้วว่ามันน่าจะไม่ต่างกัน เพราะเป็นงานที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
เค้าเลยตัดสินใจมาอยู่ต่างจังหวัดค่ะ หางานประจำทำแถวชานเมืองๆ งานที่ทำเป็นงานขายค่ะ ก็ซื้อรถ แล้วขับไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน
เงินเดือนได้น้อยกว่าเดิมค่ะ แต่เราเข้าใจ เพราะว่าอยู่ต่างจังหวัด บริษัทเล็ก อีกทั้งเราเปลี่ยนสายงานมาด้วย เงินก็คงได้ไม่เยอะ
ที่ทำงานเข้างาน 8 โมงเช้า ออกงาน 5 โมงเย็น
บางวันเคลียร์งานไม่จบ เลิก 3 ทุ่ม 4 ทุ่มก็มี (ต้องอยู่กับลูกค้า)
แต่ถ้าไม่มีงาน 5 โมงก็เด้งกลับบ้านเลยค่ะ
เข้างานมาใหม่ๆ ก็งงๆ นิดนึง
ซีเนียร์ไม่ค่อยยอมสอนงานค่ะ มนุษย์ป้าในออฟฟิศดูหมั่นไส้เรา และแอบพูดจิกกัดตลอดเวลา
(ต่างกับที่แรกค่ะ ที่ทุกคนเต็มใจสอนงานเรา เอ็นดูเรา )
เราไม่เข้าใจว่าเค้าหมั่นไส้อะไรเรา แต่เราก็พยายามอยู่ให้ได้ค่ะ ...แรกๆ ร้องไห้เลย (แอบแอนตี้สังคมมนุษย์ออฟฟิศ และติดลบมาก)
แต่ผ่านไปสักระยะ พอเราเริ่มตอบโต้ใส่คืนบ้าง เค้าพูดจิกอะไรมา เราสวนกลับบ้าง
มนุษย์ป้าๆ ก็ไม่กล้ามารังแกเราแล้วค่ะ 555+
แต่งานมันน่าเบื่อมาก เรารู้สึกว่าไม่ได้ใช้ความคิด เราแค่เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้ากับกราฟฟิค
งานนั่งหน้าคอมตลอดเวลา เจ้านายนั่งอยู่ข้างหลัง ดูจู้จี้จุกจิกมากๆ แอบมองคอมเราตลอดเวลา
ความภูมิใจในหน้าที่การงานของเราไม่มีเลย รู้สึกทำงานไปวันๆ แบบไร้เป้าหมายสุดๆ
แต่ข้อดีของที่นี่คือ ไม่ต้องอยู่หอและเรามีเงินเก็บค่ะ มีเงินเหลือเก็บ ทั้งๆ ที่เงินเดือนน้อยมาก แถมผ่อนรถ และจ่ายค่าเน็ตบ้านทุกเดือนอีกต่างหาก
เราก็เลยคิดว่าจะหางานใหม่ค่ะ เราเป็นคนรักศิลปะ อยากกลับไปทำงานสายเดิม ก็กลัวเจอเรื่องสุขภาพแย่ ไม่มีเวลา
และเงินที่อาจจะไม่เหลือเก็บเลย เพราะงานที่เราชอบอยู่ใจกลางเมือง
ถ้าจะเปลี่ยนงานใหม่ แต่หางานใกล้บ้านเหมือนเดิมอีก มันก็คงมีงานแต่งานออฟฟิศ (ไม่ตรงสายที่เรียน) แบบเดิมอีก เราก็อาจจะอยู่ไม่ทน
แม่เราก็บ่นว่าเราอายุป่านนี้แล้ว ยังจะเปลี่ยนงานอยู่อีก
เรานั่งคิดมานานแล้ว คิดไม่ตกว่าจะเอางไงกับชีวิตดี
เลยอยากขอคำแนะนำทุกคนหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
[สอบถาม] อายุ 25 แล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำงานอะไรดี รู้สึกว่าตัวเองง่อยมาก
พอดีมีเรื่องที่คิดมานานแล้ว ปรึกษาหลายๆ คนมามากแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่ได้คำตอบ
คือเรา ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี ระหว่าง
1.งานประจำที่มีเงินแน่นอน แต่น่าเบื่อ เงินน้อย แต่มีเวลาที่แน่นอน
2.อาชีพอิสระที่ชอบ แต่ไม่มีเวลาของตัว แต่เงินไม่แน่นอน บางทีได้เยอะมาก บางทีก็แทบไม่มีเงิน
เจ้าของกระทู้เรียนจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้าทำงานที่แรกเป็นอาชีพเบื้องหลังวงการบันเทิง
งานสนุกมากค่ะ เจ้านายหัวหน้าก็ดี ทุกคนสอนเราเยอะมาก ทั้งการใช้ชีวิต และการเข้าสังคม
เรื่องเงินตอบแทน (ดีพอสมควร แต่รายจ่ายก็เยอะมากเช่นกัน เพราะอยู่ใจกลางเมือง ทำให้ไม่มีเงินเก็บเหลือเลยค่ะ ทั้งๆ ที่มีภาระอย่างเดียวคือจ่ายค่าหอพัก )
แต่งานทำไม่เป็นเวลาเลย บางวันทำจนถึงเช้า แต่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องสแกนบัตร และก็เป็นงานที่ทำแล้วภูมิใจมากๆ
เวลาใครถามว่าทำงานอะไร ได้รับเชิญไปสัมมนางี้ จะภูมิใจมาก ยิ่งถ้าผลงานเป็นที่รู้จัก จะแบบดีใจสุดๆ
แต่พอทำได้ 2 ปี ก็รู้สึกว่าไม่ไหวคะ งานเครียดและกดดัน วันหยุดที่เค้าหยุดๆ กัน เราก็ไม่ได้หยุด
ต้องไปทำงาน เพื่อให้งานเสร็จทัน เช่น สงกรานต์ วันพ่อ บลาๆ
้เราห่วงสุขภาพตัวเองมากว่าถ้าจะต้องนอนเช้าแบบนี้ทุกครั้ง วันนึงอาจจะเป็นผักในโรงพยาบาล 555+
อีกทั้งเราเป็นลูกคนเดียว เราไม่อยากให้พ่อแม่เรามาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ตอนเราเป็นผักในโรงพยาบาลค่ะ
ก็เลยติดสินใจลาออกค่ะ....
ตอนนั้นทุกคนพร้อมใจกันถามว่า "ทำไม ไม่ดีหรอ ลาออกทำไม คนอยากทำเยอะแยะ เสียดายนะ"
ขนาดหลวงพ่อวัดแถวบ้านที่สนิทกับครอบครัวยังตำหนิเลยค่ะ ว่า "ไม่ฉลาด"
เสียดายเหมือนกันนะ เพราะเป็นงานที่รัก
เคยคิดว่าจะไปทำงานสายเดิม (กับบริษัทอื่น) ก็ทบทวนดูแล้วว่ามันน่าจะไม่ต่างกัน เพราะเป็นงานที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
เค้าเลยตัดสินใจมาอยู่ต่างจังหวัดค่ะ หางานประจำทำแถวชานเมืองๆ งานที่ทำเป็นงานขายค่ะ ก็ซื้อรถ แล้วขับไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน
เงินเดือนได้น้อยกว่าเดิมค่ะ แต่เราเข้าใจ เพราะว่าอยู่ต่างจังหวัด บริษัทเล็ก อีกทั้งเราเปลี่ยนสายงานมาด้วย เงินก็คงได้ไม่เยอะ
ที่ทำงานเข้างาน 8 โมงเช้า ออกงาน 5 โมงเย็น
บางวันเคลียร์งานไม่จบ เลิก 3 ทุ่ม 4 ทุ่มก็มี (ต้องอยู่กับลูกค้า)
แต่ถ้าไม่มีงาน 5 โมงก็เด้งกลับบ้านเลยค่ะ
เข้างานมาใหม่ๆ ก็งงๆ นิดนึง
ซีเนียร์ไม่ค่อยยอมสอนงานค่ะ มนุษย์ป้าในออฟฟิศดูหมั่นไส้เรา และแอบพูดจิกกัดตลอดเวลา
(ต่างกับที่แรกค่ะ ที่ทุกคนเต็มใจสอนงานเรา เอ็นดูเรา )
เราไม่เข้าใจว่าเค้าหมั่นไส้อะไรเรา แต่เราก็พยายามอยู่ให้ได้ค่ะ ...แรกๆ ร้องไห้เลย (แอบแอนตี้สังคมมนุษย์ออฟฟิศ และติดลบมาก)
แต่ผ่านไปสักระยะ พอเราเริ่มตอบโต้ใส่คืนบ้าง เค้าพูดจิกอะไรมา เราสวนกลับบ้าง
มนุษย์ป้าๆ ก็ไม่กล้ามารังแกเราแล้วค่ะ 555+
แต่งานมันน่าเบื่อมาก เรารู้สึกว่าไม่ได้ใช้ความคิด เราแค่เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้ากับกราฟฟิค
งานนั่งหน้าคอมตลอดเวลา เจ้านายนั่งอยู่ข้างหลัง ดูจู้จี้จุกจิกมากๆ แอบมองคอมเราตลอดเวลา
ความภูมิใจในหน้าที่การงานของเราไม่มีเลย รู้สึกทำงานไปวันๆ แบบไร้เป้าหมายสุดๆ
แต่ข้อดีของที่นี่คือ ไม่ต้องอยู่หอและเรามีเงินเก็บค่ะ มีเงินเหลือเก็บ ทั้งๆ ที่เงินเดือนน้อยมาก แถมผ่อนรถ และจ่ายค่าเน็ตบ้านทุกเดือนอีกต่างหาก
เราก็เลยคิดว่าจะหางานใหม่ค่ะ เราเป็นคนรักศิลปะ อยากกลับไปทำงานสายเดิม ก็กลัวเจอเรื่องสุขภาพแย่ ไม่มีเวลา
และเงินที่อาจจะไม่เหลือเก็บเลย เพราะงานที่เราชอบอยู่ใจกลางเมือง
ถ้าจะเปลี่ยนงานใหม่ แต่หางานใกล้บ้านเหมือนเดิมอีก มันก็คงมีงานแต่งานออฟฟิศ (ไม่ตรงสายที่เรียน) แบบเดิมอีก เราก็อาจจะอยู่ไม่ทน
แม่เราก็บ่นว่าเราอายุป่านนี้แล้ว ยังจะเปลี่ยนงานอยู่อีก
เรานั่งคิดมานานแล้ว คิดไม่ตกว่าจะเอางไงกับชีวิตดี
เลยอยากขอคำแนะนำทุกคนหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ