โรค......ล้างโลก 2

กระทู้สนทนา

ความเดิมตอนที่แล้ว

http://ppantip.com/topic/34658305

      พระเจ้าช่วยด้วย... เรื่องที่ผู้คนกลัวกันนักกันหนาก็บังเกิดขึ้นจนได้ หลังการระบาดของโรคแพ้ความหล่อ ก็มีพวกนักวิจัยทางการแพทย์และนักจิตวิทยาประกาศเตือนว่าให้ระวังโรคอีกชนิดหนึ่งที่จะตามมา นั่นคือ โรคแพ้ความสวย ประสาทของผมลั่นเปรี้ยะก่อนอาเจียนอาหารมื้อเช้าออกมาจนหมดไส้หมดพุงดาวนับพันกระจายเต็มหน้า


             โรคนรกมาถึงที่นี่แล้ว รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว



===================
โรค......ล้างโลก
บทที่ 2
===================
Psycho G.



             วาระสุดท้ายของโลกคงมาถึงหรืออย่างไร

              ทันใดนั้น หางตาผมเห็นขางามๆของเธอก้าวเข้ามา รู้สึกว่าปากถูกบีบจนอ้ากว้างแบบไม่ปรานีปราศรัย  วัตถุบางอย่างถูกทิ้งลงไปในลำคอในขณะผมพยายามจะสำลักสิ่งแปลกปลอมออกมา แต่หล่อนตบเปรี้ยงเต็มแรงจนดาวกระจายเต็มหน้าพร้อมเสียงเฉียบขาดสำทับ

              “กินลงไป นี่เป็นยารุ่นทดลองของพวกเรา ยาป้องกันโรคแพ้ความสวย”

               ผมดิ้นพราด เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่เจ็บใจเหลือทน แต่พอนึกได้ว่าโดนคนสวยตบ จิตใจก็ชุ่มชื้นแจ่มใสเยือกเย็นอย่างประหลาด ถ้าเป็นคนไม่สวยตบอย่างไรก็ไม่มีวันยินยอมอย่างแน่นอนเพราะตบนิดเดียวก็เจ็บปวดรวดร้าวสาหัส ตบหนึ่งบาทเจ็บสองร้อย  ส่วนคนสวยๆ ตบสองร้อยเจ็บหนึ่งสลึง อาจยินดียิ้มรับยอมให้ตบจนตายคามือสวย

               “เห็นแก่น้ำใจของคุณก็แล้วกัน”

               หล่อนว่า แล้วเหมือนยืนมองสังเกตปฏิกิริยาอย่างเฉยเมย ผมหอบหายใจหนัก ก่อนพยายามฝืนใจชำเลืองมองหน้าเธออย่างหวาดระแวง แต่พอไม่มีอะไรผิดปกติจึงลอบถอนใจอย่างโล่งอก ให้ตายเถอะ... เป็นใบหน้าสวยและมีเสน่ห์ ถ้าไม่มียาป้องกันความสวยบางทีอาจขาดใจตายไปอย่างน่าเวทนา

              “คุณเป็นคนสวยจริงๆ พระเจ้า.....สวยจนน่ากลัว”

              ผมพึมพำขณะแก้วหูยังลั่นเปรี๊ยะ.....แต่ยาดูเหมือนจะออกฤทธิ์แล้ว จึงสามารถมองหน้าเธอได้อย่างค่อนข้างสบายใจ

              ดูเหมือนว่าโรคแพ้ความสวยจะระบาดขึ้นอย่างทันทีทันใด ถนนสายนั้นพลันเต็มไปด้วยสภาพโกลาหลวุ่นวายอีกครั้ง  พวกผู้ชายหลายคนแผดร้องเลียงลั่นวิ่งออกมาจากบ้านเหมือนคนบ้ากระเจิดกระเจิงอย่างขาดสติ บางคนอาการหนักถึงกับตะกายผนังตึกล้มลงชักตาตั้ง บางคนอ้าปากค้างนั่งน้ำลายยืดอย่างคนไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ผู้หญิงหน้าตาดีมีมากมายทั้งในบ้านและนอกบ้านจึงเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง

               แต่ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากโรคแพ้ความหล่อคือ พวกชายหล่อส่วนใหญ่ยังอยู่กันแบบหลบๆซ่อนๆ ความหล่อ ไม่เปิดเผยเท่าไรนัก แต่พวกผู้หญิงสวยกลับไม่รู้จักหลบใบหน้าสวยๆ ของพวกเธอเลย ทั้งที่รู้ว่าเป็นพิษเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ผมเห็นหลายคนเริ่มออกมาเดินโปรยยิ้มไปมาอย่างภาคภูมิใจ  แจกยิ้มหวานไปทั่ว เป็นการทดสอบประสิทธิภาพความสวยของตนเอง อาการที่พวกผู้ชายสบตาพวกเธอแล้วชักตาตั้งกลับกลายเป็นความภาคภูมิใจเหลือแสน ใครทำให้ผู้ชายแพ้ปางตายได้มากที่สุด กลายเป็นเรื่องน่าชื่นชม

               ยังดีว่าโรคนี้เพิ่งระบาด มิฉะนั้นพวกเธอต้องเจอกับนักล่าสาวสวยแล้ว ค่าหัวของพวกเธอคงแพงลิ่วไม่ห่างจากคนหล่อเท่าไร

               หัวมุมถนน เห็นหญิงรูปร่างอ้วนดำสูงใหญ่เหมือนนักมวยปล้ำหญิงคนหนึ่ง แต่งหน้าทาปากจัดจ้านสวมเสื้อผ้าสีลายดอกฉุดฉาด กำลังลอยหน้าลอยตายิ้มไปมาให้บรรดาชายหนุ่มไม่หล่อทั้งหลาย แต่พวกชายหนุ่มเหล่านั้นมองแล้วเฉยไม่เกิดอาการแพ้แต่อย่างไร พวกเขาพยายามหนีกลับบ้านโดยเร็วที่สุดก่อนจะโดนโรคแพ้ความสวยเล่นงานจากผู้หญิงคนอื่น

               หญิงร่างยักษ์ท่าทางผิดหวังที่ไม่เห็นหนุ่มใดสบตาเธอแล้วเป็นลมสลบ และในที่สุดดูเหมือนเธอจะฟิวส์ขาด กระชากคอเสื้อผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งผู้วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรีบร้อนยกขึ้นจากพื้นด้วยแขนข้างเดียวจนตัวลอย จ้องหน้าร้องถามเสียงลั่นถนน

              “มองหน้าฉันสิ พ่อหนุ่ม เป็นไง มองให้เต็มตา”

               ชายเคราะห์ร้ายร้องเสียงหลง หญิงอ้วนท่าทางแข็งแรงมาก บางทีอาจเป็นนักมวยปล้ำหญิงจริงๆ ก็เป็นได้  นัยน์ตาของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายเหลือกลานแบบคนใจจวนขาดใจตาย เพราะโดนบีบคอยกขึ้นสูงเท้าลอยพื้นลูกกระเดือกแทบหลุด สองมือพยายามแกะนิ้วอูมๆออกจากคอหอยอย่างน่าสงสาร

               “ทำไมมองแล้วไม่ชักตาตั้งฟะ ฉันไม่สวยพอหรือไง” หล่อนตะคอกเสียงดัง

                ชายหนุ่มในอุ้งมือแข็งแรงดิ้นกระแด่วๆ อย่างน่าเวทนาและชักกระแด่วจนตาตั้ง

                “ฮึๆ.... ในที่สุดก็ออกอาการแพ้จนได้”

                เธอแสยะยิ้มอย่างพอใจ คิดไปว่าอาการทุรนทุรายกระแด่วจนตาตั้งของชายหนุ่มเป็นอาการของโรคแพ้ความสวย  เธอทำปากจู๋ยืนเข้าไปใกล้ใบหน้าซีดเผือดใกล้ตายของอีกฝ่ายหนึ่ง

               “มามะ...จะให้รางวัลสำหรับคนตาถึงมองเห็นความสวยอันซ่อนเร้นของฉัน จูจุ๊บ...จูจุ๊บ!!!”

              “อ้าก..!”

             ผู้ชายเคราะห์ร้ายตาเหลือกค้างก่อนสลบคามือไปแล้วด้วยความหวาดกลัวสุดขีด หญิงร่างยักษ์สบถอย่างขัดใจโยนร่างปวกเปียกลงไปในถังขยะด้วยท่าทางผิดหวัง คงนึกว่านั่นเป็นอาการแพ้ความสวยขั้นรุนแรงเป็นแน่แท้

             “เสียดายด้วยนะพ่อหนุ่ม”

             เธอส่ายหน้าก่อนปรากฏรอยยิ้มแห่งความมั่นใจในความงามแห่งตนขึ้นมาทีละนิด

             “ที่เธอแพ้ความสวยของฉันจนสลบไปเสียก่อน จึงไม่มีวาสนารับรอยจูบแสนหวานของฉัน หวังว่าคงนอนฝันดีนะพ่อหนุ่ม ขอบใจที่ทำให้ฉันตระหนักถึงความสวยงามของตัวเอง”

              เธอบังเอิญหันมามองผมผู้ยังนั่งมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างกำแพงตึกแล้วยิ้มเหมือนเห็นเหยื่อความสวยรายใหม่  ผมใจหายวาบ แข้งขาอ่อนวิ่งไม่ไหว แต่รับรองได้ว่าไม่ใช่อาการแพ้ความสวยเด็ดขาด  เป็นความกลัวมากกว่า และผลของโรคแพ้ความสวยยังทำให้ร่างกายไม่ฟื้นเต็มร้อย จะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับสาวสวยมหายักษ์ พยายามมองหาเผื่อว่าจะมีมนุษย์หล่ออยู่แถวนั้นสักคนจะได้ช่วยแก้ปัญหาแต่ก็ไร้วี่แวว แน่ละ...คนหล่อที่ไหนจะมากล้าออกมาเดินให้เห็นนอกจากพวกหล่อผ่าเหล่า ซึ่งก็โดนเก็บความหล่อไปโลกหน้าเสียแล้ว

              “ว่าไง พ่อหนุ่ม...”

               นั่นไง.. เธอเดินยิ้มหวานตรงเข้ามาอย่างหมายมั่นปั้นมือ แต่เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องข้างหูเข้ามาขัดจังหวะ หญิงสาวนักล่าคนนั้นเอง เธอคร่อมจักรยานยนต์คันใหญ่ขนาด 500 ซีซี บิดคันเร่งกระหึ่มพร้อมจะกระโจนออกได้ทุกขณะ

               “ขึ้นมา ถ้าไม่อยากตาย”

               ไม่ต้องให้บอกซ้ำสอง ผมตั้งสติรวบรวมพลังกายและใจตะกายขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์สุดชีวิต หางตายังพอมองเห็นมืออวบอูมคว้าเฉียดก้านคอไปหวุดหวิดจนเย็นวาบขณะรถจักรยานยนต์กระโจนออกจากแหล่ง นึกแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย


             ผมฝัน....ฝันร้าย

              สงครามโลกครั้งที่สามก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง เพราะสาวสวยกับหนุ่มหล่อต่างฝ่ายอยากจะยึดครองโลก (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยึดครองไปทำไม)  เข้ากันไม่ได้ สงครามทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้น กองทัพหนุ่มหล่อแต่ละคนอยู่ในชุดสุดเท่ราคาแพงหรูหราเสื้อผ้ารีดกลีบโง้ง แต่ก็มีบางคนมาในมาดหล่อแบบเถื่อนๆ คล้ายดาราร็อค ส่วนกองทัพสาวสวยมักจะมาในชุดวาบหวามเห็นแล้วจะขาดใจ

              กองทัพหนุ่มหล่อและสาวสวยเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมินรก ไม่มีอาวุธในมือ ไม่มีอาวุธทันสมัย  มีพียงความหล่อและความสวยเท่านั้นที่ประหัตประหารกัน คนหล่อกับสาวสวยเป็นปฏิกิริยากันอย่างรุนแรงราวกับ ปฎิสสาร กับสสาร สบตากันพร้อมกันเมื่อไรหัวใจวายตายทั้งคู่
ผมเฝ้ามองสังเกตการณ์รบอยู่วงนอก แต่ใจแอบเชียร์ฝ่ายสาวสวย เพราะถ้าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหญิงชนะสงครามก็ขอให้เป็นฝ่ายสาวสวยจะดีกว่า แต่ก็พอจะรู้ว่าบรรดาสาวๆ คงจะเชียร์ฝ่ายหนุ่มหล่ออย่างแน่นอน แม้ว่าจะหล่ออันตรายเพียงใดก็ตามพวกเธอก็ไม่มีวันยอมแพ้ ขอให้ได้ตายเพราะความหล่อก็ยินยอม

              ทั้งสองฝ่ายวิ่งหลบหลีกไปตามบังเกอร์ และแนวรบ พอเห็นฝ่ายตรงข้ามเผลอจะยืดคอโผล่หน้ายิ้มหวานใส่กันทันที ใครหลบไม่สบตามองก็แล้วไป ใครเผลอมองก่อนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหวุดหวิดหวาดเสียวเหลือเกิน

             ใครเผลอมองก่อน เป็นฝ่ายแพ้ นั่นคือเงื่อนไขของสงครามโลกครั้งที่สาม

             สนามรบจึงเต็มไปด้วยกองทัพซึ่งพยายามหาโอกาสยิ้มหวานส่งความหล่อความสวยใส่กันอย่างดุเดือด พวกหนุ่มหล่อสาวสวยต่างยืดคอหดคอหาจังหวะยิ้มหวานโต้ตอบอย่างเร้าใจตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่ายิงกันด้วยอาวุธสงครามเสียอีก

              โน่น..มุมหนึ่งของสมรภูมิ สาวสวยเซ็กซี่ผิวขาวราวหยวกกล้วยกลุ่มหนึ่งในชุดเสื้อสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเลยเข่าคืบกว่ากำลังออกมาเรียงแถวเต้นยักย้ายส่ายตะโพกอย่างวาบหวามหัวใจ อนงค์นางหนึ่งกำลังทำท่าเกาะรูดเสาอกลีลาทำท่าจะเป็นจะตายแบบเดียวกับสาวในบาร์อะโกโก้

              กองทัพคนหล่อปั่นป่วนแตกกระเซ็นซ่านทันทีเพราะเผลอไปมองเข้าให้

              "อย่ามอง อย่ามอง...อันตราย"

             ""อยากมอง แต่ไม่กล้ามองวุ้ย....โอย...ใจจะขาดแล้วเอ้ย"

             “ถอยออกมาตั้งหลักด่วน”

             “ส่งหน่วยพยาบาลเข้าไปดูแลเร็ว”

             เสียงกองทัพมนุษย์หล่อร้องกันระงมเมื่อเจอกับ “เต้นยั่วยวนสะท้านภพ” ทหารหนุ่มหลายคนก้มหัวลงพื้นเอามือกดหัวตัวเองแน่นไม่ให้โงหัวขึ้นมาดู แต่ความอยากดูคล้ายมีอำนาจลึกลับบงการ

             “ผมคงไม่รอดแน่”

             ทหารหนุ่มคนหนึ่งนอนตัวสั่นมือกุมอกใบหน้าบิดเบี้ยวเหงื่อไหลท่วมตัวราวฝนซัด ท่าทางเหมือนคนกำลังต่อสู้กับตัวเองอย่างรุนแรง เพราะเมื่อครู่เผลอมองกองทัพสาวสวยแวบหนึ่ง อาการแพ้ความสวยกำเริบทันที

             “ทำใจดีๆไว้เพื่อน นายต้องไม่เป็นอะไร หน่อยพยาบาลกำลังจะมา”

             เพื่อนทหารออกหล่อข้างกายกดบ่าของคนเจ็บไว้แน่นพลางกล่าวปลอบใจ ในที่สุดทหารพยาบาลก็มาถึง สิ่งที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บไม่ใช่ยาแต่เป็นรูปถ่ายของผู้หญิงหน้าตาไม่สวยยื่นมาให้ดูตรงหน้าคนเจ็บ

             “ตั้งสติครับ คุณไม่เป็นไร รีบดูให้เต็มตาเลยครับ ถ้าไม่ดีขึ้นยังมีรูปแย่กว่านี้อีก แล้วท่องไว้ ยุบหนอ พองหนอ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา สังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิด แก่ เจ็บ ตาย  เกิด แก่ เจ็บ จน”

             นายทหารผู้บาดเจ็บพอเห็นภาพสาวไม่สวย สายตาคล้ายมีประกายขึ้นมาเล็กน้อย กองทัพเชื่อว่า การเอาภาพสาวไม่สวยมาดูให้คนเจ็บดูจะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บได้ นายทหารผู้นั้นพยายามฝืนใจหลับตาท่องตามคำสั่งของทหารพยาบาล

             “ยุบหนอพองหนอ เกิด แก่ เจ็บ สวย  ยุบหนอ พองหนอ สวยหนอ  อยากดูหนอ ทนไม่ไหวแล้วหนอ ตายเป็นตายหนอ  ขอดูก่อนล่ะหนอ”

             พูดจบทหารผู้เคราะห์ร้ายก็ลืมตาโพลงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเพื่อนๆ และก่อนจะมีใครห้ามรั้งไว้ทัน เข้าก็วิ่งเข้าหากองทัพสาวสวยที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันท่ามกลางเสียงเพลงแดนซ์เร้าใจ ตายเป็นตายขอให้ดูของสวยๆงามๆ

             “สวย โอ้ย....”

             พอเห็นภาพสวยงามเต็มตาโรคแพ้ความสวยกำเริบเฉียบพลันทำให้เขาร้องสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย ร่างหมุนคว้างล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นขาดใจตายไปทันที มุมปากยังมีรอยยิ้มอย่างสุขใจก่อนตาย

             มีคนยอมตายเพราะความสวยจริงๆ ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด

             เพื่อนแนวหลังหลายคนน้ำตาซึม ไม่ว่าจะเป็นแนวรบด้านใดดูเหมือนจะถูกกองกำลังความสวยโจมตีอย่างหนัก ถ้าไม่หาทางโต้ตอบคาดว่าอาจจะต้องแพ้สงครามครั้งนี้อย่างแน่นอน







..........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่