สวัสดีจ้า เป็นครั้งแรกที่จะมารีวิวการเดินทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ของเรา ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นการเอาชีวิตรอดในเชียงใหม่
(จริงๆก็ไม่ขนาดนั้น แต่ก็เขียนให้มันดูมีอะไร 555555) เรามีงบ 6000 บาทถ้วน ซึ่งตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องมีเงินเหลือกลับบ้าน
ปอลิง. อย่าคาดหวังหาสาระกับกระทู้นี้เลย55555555555555 และก็ผิดพลาดประการใดอย่าเอาเรื่องกันเลยจ้า ยอม
สืบเนื่องจากช่วงนั้นมันมีโปร 0 บาทของสายการบินออช. ด้วยความกระหายหื่นอยากได้อยากโดน เลยจัดการจองไปแบบไม่คิด 555555 เราจองตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เดินทางมกราปีนี้ เราเลือกเชียงใหม่ อยากแอ่วเหนือ อยากหนาว สรุปก็เลยได้มาค่ะ ขาไป วันที่ 6 จากขอนแก่นไปดอนเมือง และนั่งต่อจากดอนเมืองไปเชียงใหม่ และขากลับ วันที่ 8 เชียงใหม่มาดอนเมือง หลังจากจองเสร็จแล้วทำให้สำนึกได้ เอ๊ะ ทำไมไป 6 กลับ 8 จะได้เที่ยวอะไรวะ 5555555555 สรุป ต้องตัดอกตัดใจสละตั๋วขากลับ (ToT) ไม่กลับ จะเที่ยว!
(ค่าตั๋วทั้งหมด 1336 บาท)
วันที่ 6 มกราคม 2559
ไปสนามบินขอนแก่นตั้งแต่ 4โมงเย็น นั่งรอไปสิ ข้าวก็หิว น้ำก็อยาก ง่วงก็ง่วง แล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ไปถึงสนามบินดอนเมืองประมาณทุ่มเกือบสองทุ่ม หิวมากก เลยตัดสินใจหาข้าวกินก่อน จะมีร้านอาหารมากมายให้เลือกสรร เห็นราคาแล้วเจ้จะเป็นลม อยากจะอดไว้ไปถึงเชียงใหม่แล้วค่อยหากิน แต่ก็นะ เอาชนะความหิวด้วยการกินค่ะ ร้านบางร้านก็เริ่มปิดแล้ว เหลืออยู่ไม่กี่ร้าน ก็เลยกินข้าวหมกไก่ ราคา 95 บาท #กินเรียบไม่ให้เหลือค่ะ
เสร็จแล้วเราก็เช็คอิน รอเวลาขึ้นเครื่องต่อไปเชียงใหม่ เรามาถึงเชียงใหม่ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ อากาศกำลังดีเลย ไม่ร้อน เราเลือกพักที่ City capsule hostel แถวๆประตูท่าแพ คืนละ 220 บาทหนึ่งคืนก่อน แล้วตอนเช้าก็จะขึ้นดอย
(ภายในห้องจะมี 10 เตียง แต่ละเตียงก็จะมีผ้าม่านกั้นให้ ส่วนตัวดี)
เราออกมาจากสนามบินเจอรถแดง บอกไปว่าไปโรงแรมบีพี (เจ้าของโอสเทลบอกว่าให้บอกรถแดงให้มาส่งแถวโรงแรมนี้เพราะเขาจะรู้จัก แล้วค่อยเดินเข้าซอยมาโฮสเทล) ลุงรถแดงบอกราคามาคนละ 50 บาท นี่อึ้งไป เพราะเปิดดูแผนที่แล้วสนามบินห่างจากโฮสเทลแค่ 3 กิโล เรียกตั้ง 50 บาท แต่ตอนนั้นเลือกอะไรไม่ได้แล้ว เหนื่อยมาก หิวด้วย เลยเอาวะ ไปก็ไปวะ มาถึงโฮสเทลเราก็เก็บของเข้าที่เข้าทาง แล้วก็ออกไปหาของกิน เดินไปค่ะ เดินไปถึงประตูท่าแพเลย ประมาณกิโลกว่าๆ ใช้กูเกิ้ลแมปเอา 555555 ระหว่างทางก็ผ่านแต่วัด แล้วก็วัด วัดนี่จะเยอะกว่าบ้านคนแล้วค่ะ ตลอดทางก็ไม่ค่อยเงียบเหงา เพราะมีนักท่องเที่ยวคนจีน ฝรั่ง แฮงค์เอ้าท์เมากันมากมาย เรามาเจอร้าน Mcdonald อยู่ตรงข้ามประตูท่าแพ คนเยอะม๊ากกกกก (นี่ขนาดดึกแล้วนะเนี่ย) ก็สูญเสียกันไปคนละ 84 บาท
กินเสร็จแล้วก็กลับโฮสเทล คราวนี้สุ่มกลับอีกทาง สรุปใกล้กว่าจ้า ที่เดินตามกูเกิ้ลแมปมานี่คืออ้อม 55555555 อาบน้ำ นอน เตรียมตื่นแต่เช้าไปขึ้นดอยอินทนนท์กัน!
วันที่ 7 มกราคม 2559
เราตื่นกันประมาณแปดโมง ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็ 9โมงกว่าๆแล้ว เราจะไปนอนที่ดอยชัวร์ญ่าหนึ่งคืน แล้วจะกลับมานอนในเมืองวันที่ 8 เลยบอกคุณป้าว่าขอจองเตียงไว้ และก็ขอฝากของไว้ เอาไปแต่เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน (สรุปเสื้อผ้าที่แบกไปไม่ได้ใช้จ้า เพราะไม่อาบน้ำ 55555555555 ล้างมือ มือยังแข็งอ่ะคิดดู๊)
เราโบกรถแดงไปที่ขึ้นรถที่จะไปอ.จอมทอง คราวนี้ต่อได้ เหลือคนละ 20 บาท (ต่อได้ให้ต่อนะคะ 55555) แวะหาข้าวกินก่อน
ข้าวซอยราคา 40 บาท
มาขึ้นรถแถวนี้
พอกินเสร็จก็ว่าจะนั่งรถเหลืองไป แต่บังเอิ๊ญญญญญ บังเอิญเจอรถประจำทางสีฟ้าไปอ.จอมทองผ่านมาพอดี ราคา 34 บาท เท่าๆกับรถเหลือง ก็เลยตัดสินใจขึ้นเลย
นั่งรถกันประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงอ.จอมทอง รถจอดหน้าวัดพระธาตุ เลยแวะเข้าไปไหว้นิดหน่อย
แล้วทีนี้ก็มึพวกลุงๆที่ขับรถขึ้นดอย มาถามว่าจะไปดอยอินทนนท์ใช่มั้ย ลุงคิดคนละ 200 เราก็ต่อราคา คนละ 100 ได้มั้ย ลุงก็บอกไม่ได้ เราก็ไม่ยอม 150 ก็ได้ นะๆ คนไทยด้วยกัน ลุงก็ยึดมั่นถือมั่นใน 200 บาท เราก็ไม่ยอมที่จะเสียเปรียบ ให้ลุงพาเที่ยวเลยค่า ผ่านที่ไหน แวะเที่ยวให้หมด แล้วต้องมาส่งที่ดอยชัวร์ญ่าด้วย 55555555 ลุงก็บอก โอเคๆ ได้ๆ
(เราโหลดแผนที่นี้เอาไว้ในมือถือ เอาไว้ดูว่ามีที่ให้ลุงแวะได้บ้าง 55555 )
สรุปพอขึ้นรถก็มีสมาชิกร่วมอีก 5 คน รวมกับแก๊งเรา 3 คน (ลุงได้ไป 1600 ชิวๆจ้า) ผ่านด่านตรวจ สูญเสียกันไปคนละ 20 บาท และจะมีคุณป้ามาขายดอกไม้ไว้ไปไหว้พระธาตุด้วย บอกว่า ขึ้นไปไม่มีขายนะจ๊ะ ต้องซื้อกับป้านะจ๊ะ 5555555 ขายช่อละ 20 แต่ให้ซื้อสองช่อจ้า เพราะไหว้สองที่อะไรสักอย่าง เราสามคนไม่มีใครซื้อเลย (นังคนบาป 55555555) แต่คนอื่นๆก็ซื้อกัน และจุดแรกที่แวะก็คือน้ำตกวชิรธาร ใหญ่มาก สวยมากกกกก
ซึ่งเรานัดกับอีกกลุ่มว่าให้เวลาคนละประมาณ 25 นาที (นี่มันชะโงกทัวร์ 555555) ชมเชยเสร็จแล้วก็ไปต่อค่ะลุง!
เรามาที่บ้านแม่กลางหลวง อยากจะมาดูนาขั้นบันได แต่มาถึง ไม่มีอะไรเลยจา ทุ่งโล่ง ว่างเปล่า เหงาๆ ไม่มีคนลง เลยไปต่อที่ยอดดอยอินทนนท์เลย หนาวมากกกกกกกกกกก สั่นหงึกๆ ตามสเต็ป
ต้องมาถ่ายกับป้ายสูงสุดแดนสยามเรา
แล้วก็กลับลงมาแวะข้างทาง จุดข้างหน้าสถานที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน (ที่เราจะมาเดินในวันพรุ่งนี้) ตรงนี้สวยมากๆ คนจอดรถแวะถ่ายรูปกันเยอะมาก
เสร็จก็ไปวัดพระมหาธาตุเจดีย์ เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท งดงามตามท้องเรื่อง มีบันไดเลื่อนขึ้นไปด้วยค่า ไฮโซวววววว
แต่ตอนลงให้เดินบันไดลง ไหว้พระในเจดีย์เสร็จ เดินลงมาก็จะเจอทุ่งดอกไม้ สวยมาก แล้วจะมีเก้าอี้ที่นั่งชมวิว ซึ่งจุดนี้สวยมากกกกกกก มองทอดออกไปก็มีแต่ภูเขายาวสุดลูกหูลูกตา
เสร็จแล้วลุงก็จะพาไปส่งที่พักแล้ว เพราะตอนนั้นก็เย็นแล้ว กลัวที่กางเต็นท์เต็ม ระหว่างทางก็ผ่านตลาดม้ง ซึ่งจะขายสตอเบอร์รี่ ขายของฝากเยอะแยะเต็มไปหมด ตอนแรกก็จะแวะ แต่ไม่มีคนอยากลงเลยอด ลุงก็พาแวะสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ก็จะมีโรงเรือนต้นไม้มากมาย มีสวนแปลงผัก ที่ตอนกลางคืนเขาจะเปิดไฟไว้ มองไกลๆจะสวยมากๆ
แต่เราสามคนลงแค่ซื้อสตอเบอร์รี่หน้าทางเข้าแล้วขึ้นรถเลย ขี้เกียจ เหนื่อยแรง 55555555 (จะบอกว่าสตอเบอร์รี่ที่ซื้อคือเปรี้ยวมาก ข้างในนี่เน่าเละ ขายแพงด้วย 150 บาท ตลาดม้งนี่ขาย 100-120 ไม่เกินนี้ เสียใจจจจจจ) ส่วนคนอื่นๆก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน ลุงไปส่งที่พักเรา คือดอยชัวร์ญ่า ที่นี่บรรยากาศดีมาก มองไปข้างหน้าก็เป็นภูเขาแล้วมีน้ำตก
เราจองเต็นท์ขนาด 2-3 คน 400 บาท เช่าเครื่องนอนอีก 2 ชุด ชุดละ 100 บาท เรานอน 3 คนต่อ 1 เต็นท์ เป็นคนละ 200 บาท เขาก็จะมากางเต็นท์ให้ เราก็เลือกที่เอาเลย คนมานอนเต็นท์เยอะมาก เราได้ที่ใกล้ๆทางเข้า แต่ก็สะดวกดี ทีนี้คนกางเต็นท์ไม่มาสักที เราก็ยืนรอ ก็มีพี่เขามาถามว่ากางเต็นท์ยัง เราก็บอกว่ายัง พี่เขาเลยยกเต็นท์ที่มันกางแล้วเอามาให้เราเลย ซึ่งใหญ่กว่าเต็นท์ที่เราเช่ามาอีก โชคดีมาก 5555555555
อาหารที่นี่ก็มีแค่หมูกระทะ (ชุดเล็ก 400 ชุดใหญ่ 600 น้ำตาจิไหล) แต่ก็กิน เพราะมาม่ากลัวไม่อิ่ม เรากินกันทั้งหมด 5 คน เลยเลือกชุดใหญ่ในราคา 600 บาท ได้หมูสองถาดจ้า ให้พี่เขายกมาส่งหน้าเต็นท์ ปิ้งย่างกันมันส์ หมูสุกยากมาก แต่น้ำจิ้มอร่อยดี ระหว่างกินกันก็มีลุงคนนึงเดินมาขายมันเผา ถุงละ 20 บาท สตอเบอร์รี่ก็มี 120 บาท ลุงลดให้เหลือ 100 บาท (เสียดาย 150 ที่ซื้อไปก่อนหน้านี้มาก) กินกันจนเสร็จเราก็พากันไปแปรงฟัน ไม่มีใครอาบน้ำสักคน ใครอาบนี่แกร่งเกินไปแล้ว คือมันหนาวมาก แล้วลมก็แรงมากกกกกก พัดจนเต็นท์จะปลิว ดีที่มีของถ่วงไว้อยู่ แล้วประมาณ 2 ทุ่มไฟดับ คือจะไปแปรงฟันก็ลำบากมาก ต้องเปิดไฟฉายในมือถือเอา แต่มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน สวยสุดๆ เสร็จธุระก็เข้านอนกัน วางแผนไว้ว่าจะตื่นตีห้าครึ่ง ขอโบกรถไปกิ่วแม่ปานกัน!
[CR] เอาชีวิตรอดในเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน
สวัสดีจ้า เป็นครั้งแรกที่จะมารีวิวการเดินทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ของเรา ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นการเอาชีวิตรอดในเชียงใหม่
(จริงๆก็ไม่ขนาดนั้น แต่ก็เขียนให้มันดูมีอะไร 555555) เรามีงบ 6000 บาทถ้วน ซึ่งตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องมีเงินเหลือกลับบ้าน
ปอลิง. อย่าคาดหวังหาสาระกับกระทู้นี้เลย55555555555555 และก็ผิดพลาดประการใดอย่าเอาเรื่องกันเลยจ้า ยอม
สืบเนื่องจากช่วงนั้นมันมีโปร 0 บาทของสายการบินออช. ด้วยความกระหายหื่นอยากได้อยากโดน เลยจัดการจองไปแบบไม่คิด 555555 เราจองตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เดินทางมกราปีนี้ เราเลือกเชียงใหม่ อยากแอ่วเหนือ อยากหนาว สรุปก็เลยได้มาค่ะ ขาไป วันที่ 6 จากขอนแก่นไปดอนเมือง และนั่งต่อจากดอนเมืองไปเชียงใหม่ และขากลับ วันที่ 8 เชียงใหม่มาดอนเมือง หลังจากจองเสร็จแล้วทำให้สำนึกได้ เอ๊ะ ทำไมไป 6 กลับ 8 จะได้เที่ยวอะไรวะ 5555555555 สรุป ต้องตัดอกตัดใจสละตั๋วขากลับ (ToT) ไม่กลับ จะเที่ยว!
(ค่าตั๋วทั้งหมด 1336 บาท)
วันที่ 6 มกราคม 2559
ไปสนามบินขอนแก่นตั้งแต่ 4โมงเย็น นั่งรอไปสิ ข้าวก็หิว น้ำก็อยาก ง่วงก็ง่วง แล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ไปถึงสนามบินดอนเมืองประมาณทุ่มเกือบสองทุ่ม หิวมากก เลยตัดสินใจหาข้าวกินก่อน จะมีร้านอาหารมากมายให้เลือกสรร เห็นราคาแล้วเจ้จะเป็นลม อยากจะอดไว้ไปถึงเชียงใหม่แล้วค่อยหากิน แต่ก็นะ เอาชนะความหิวด้วยการกินค่ะ ร้านบางร้านก็เริ่มปิดแล้ว เหลืออยู่ไม่กี่ร้าน ก็เลยกินข้าวหมกไก่ ราคา 95 บาท #กินเรียบไม่ให้เหลือค่ะ
เสร็จแล้วเราก็เช็คอิน รอเวลาขึ้นเครื่องต่อไปเชียงใหม่ เรามาถึงเชียงใหม่ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ อากาศกำลังดีเลย ไม่ร้อน เราเลือกพักที่ City capsule hostel แถวๆประตูท่าแพ คืนละ 220 บาทหนึ่งคืนก่อน แล้วตอนเช้าก็จะขึ้นดอย
(ภายในห้องจะมี 10 เตียง แต่ละเตียงก็จะมีผ้าม่านกั้นให้ ส่วนตัวดี)
เราออกมาจากสนามบินเจอรถแดง บอกไปว่าไปโรงแรมบีพี (เจ้าของโอสเทลบอกว่าให้บอกรถแดงให้มาส่งแถวโรงแรมนี้เพราะเขาจะรู้จัก แล้วค่อยเดินเข้าซอยมาโฮสเทล) ลุงรถแดงบอกราคามาคนละ 50 บาท นี่อึ้งไป เพราะเปิดดูแผนที่แล้วสนามบินห่างจากโฮสเทลแค่ 3 กิโล เรียกตั้ง 50 บาท แต่ตอนนั้นเลือกอะไรไม่ได้แล้ว เหนื่อยมาก หิวด้วย เลยเอาวะ ไปก็ไปวะ มาถึงโฮสเทลเราก็เก็บของเข้าที่เข้าทาง แล้วก็ออกไปหาของกิน เดินไปค่ะ เดินไปถึงประตูท่าแพเลย ประมาณกิโลกว่าๆ ใช้กูเกิ้ลแมปเอา 555555 ระหว่างทางก็ผ่านแต่วัด แล้วก็วัด วัดนี่จะเยอะกว่าบ้านคนแล้วค่ะ ตลอดทางก็ไม่ค่อยเงียบเหงา เพราะมีนักท่องเที่ยวคนจีน ฝรั่ง แฮงค์เอ้าท์เมากันมากมาย เรามาเจอร้าน Mcdonald อยู่ตรงข้ามประตูท่าแพ คนเยอะม๊ากกกกก (นี่ขนาดดึกแล้วนะเนี่ย) ก็สูญเสียกันไปคนละ 84 บาท
กินเสร็จแล้วก็กลับโฮสเทล คราวนี้สุ่มกลับอีกทาง สรุปใกล้กว่าจ้า ที่เดินตามกูเกิ้ลแมปมานี่คืออ้อม 55555555 อาบน้ำ นอน เตรียมตื่นแต่เช้าไปขึ้นดอยอินทนนท์กัน!
วันที่ 7 มกราคม 2559
เราตื่นกันประมาณแปดโมง ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็ 9โมงกว่าๆแล้ว เราจะไปนอนที่ดอยชัวร์ญ่าหนึ่งคืน แล้วจะกลับมานอนในเมืองวันที่ 8 เลยบอกคุณป้าว่าขอจองเตียงไว้ และก็ขอฝากของไว้ เอาไปแต่เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน (สรุปเสื้อผ้าที่แบกไปไม่ได้ใช้จ้า เพราะไม่อาบน้ำ 55555555555 ล้างมือ มือยังแข็งอ่ะคิดดู๊)
เราโบกรถแดงไปที่ขึ้นรถที่จะไปอ.จอมทอง คราวนี้ต่อได้ เหลือคนละ 20 บาท (ต่อได้ให้ต่อนะคะ 55555) แวะหาข้าวกินก่อน
ข้าวซอยราคา 40 บาท
มาขึ้นรถแถวนี้
พอกินเสร็จก็ว่าจะนั่งรถเหลืองไป แต่บังเอิ๊ญญญญญ บังเอิญเจอรถประจำทางสีฟ้าไปอ.จอมทองผ่านมาพอดี ราคา 34 บาท เท่าๆกับรถเหลือง ก็เลยตัดสินใจขึ้นเลย
นั่งรถกันประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงอ.จอมทอง รถจอดหน้าวัดพระธาตุ เลยแวะเข้าไปไหว้นิดหน่อย
แล้วทีนี้ก็มึพวกลุงๆที่ขับรถขึ้นดอย มาถามว่าจะไปดอยอินทนนท์ใช่มั้ย ลุงคิดคนละ 200 เราก็ต่อราคา คนละ 100 ได้มั้ย ลุงก็บอกไม่ได้ เราก็ไม่ยอม 150 ก็ได้ นะๆ คนไทยด้วยกัน ลุงก็ยึดมั่นถือมั่นใน 200 บาท เราก็ไม่ยอมที่จะเสียเปรียบ ให้ลุงพาเที่ยวเลยค่า ผ่านที่ไหน แวะเที่ยวให้หมด แล้วต้องมาส่งที่ดอยชัวร์ญ่าด้วย 55555555 ลุงก็บอก โอเคๆ ได้ๆ
(เราโหลดแผนที่นี้เอาไว้ในมือถือ เอาไว้ดูว่ามีที่ให้ลุงแวะได้บ้าง 55555 )
สรุปพอขึ้นรถก็มีสมาชิกร่วมอีก 5 คน รวมกับแก๊งเรา 3 คน (ลุงได้ไป 1600 ชิวๆจ้า) ผ่านด่านตรวจ สูญเสียกันไปคนละ 20 บาท และจะมีคุณป้ามาขายดอกไม้ไว้ไปไหว้พระธาตุด้วย บอกว่า ขึ้นไปไม่มีขายนะจ๊ะ ต้องซื้อกับป้านะจ๊ะ 5555555 ขายช่อละ 20 แต่ให้ซื้อสองช่อจ้า เพราะไหว้สองที่อะไรสักอย่าง เราสามคนไม่มีใครซื้อเลย (นังคนบาป 55555555) แต่คนอื่นๆก็ซื้อกัน และจุดแรกที่แวะก็คือน้ำตกวชิรธาร ใหญ่มาก สวยมากกกกก
ซึ่งเรานัดกับอีกกลุ่มว่าให้เวลาคนละประมาณ 25 นาที (นี่มันชะโงกทัวร์ 555555) ชมเชยเสร็จแล้วก็ไปต่อค่ะลุง!
เรามาที่บ้านแม่กลางหลวง อยากจะมาดูนาขั้นบันได แต่มาถึง ไม่มีอะไรเลยจา ทุ่งโล่ง ว่างเปล่า เหงาๆ ไม่มีคนลง เลยไปต่อที่ยอดดอยอินทนนท์เลย หนาวมากกกกกกกกกกก สั่นหงึกๆ ตามสเต็ป
ต้องมาถ่ายกับป้ายสูงสุดแดนสยามเรา
แล้วก็กลับลงมาแวะข้างทาง จุดข้างหน้าสถานที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน (ที่เราจะมาเดินในวันพรุ่งนี้) ตรงนี้สวยมากๆ คนจอดรถแวะถ่ายรูปกันเยอะมาก
เสร็จก็ไปวัดพระมหาธาตุเจดีย์ เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท งดงามตามท้องเรื่อง มีบันไดเลื่อนขึ้นไปด้วยค่า ไฮโซวววววว
แต่ตอนลงให้เดินบันไดลง ไหว้พระในเจดีย์เสร็จ เดินลงมาก็จะเจอทุ่งดอกไม้ สวยมาก แล้วจะมีเก้าอี้ที่นั่งชมวิว ซึ่งจุดนี้สวยมากกกกกกก มองทอดออกไปก็มีแต่ภูเขายาวสุดลูกหูลูกตา
เสร็จแล้วลุงก็จะพาไปส่งที่พักแล้ว เพราะตอนนั้นก็เย็นแล้ว กลัวที่กางเต็นท์เต็ม ระหว่างทางก็ผ่านตลาดม้ง ซึ่งจะขายสตอเบอร์รี่ ขายของฝากเยอะแยะเต็มไปหมด ตอนแรกก็จะแวะ แต่ไม่มีคนอยากลงเลยอด ลุงก็พาแวะสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ก็จะมีโรงเรือนต้นไม้มากมาย มีสวนแปลงผัก ที่ตอนกลางคืนเขาจะเปิดไฟไว้ มองไกลๆจะสวยมากๆ
แต่เราสามคนลงแค่ซื้อสตอเบอร์รี่หน้าทางเข้าแล้วขึ้นรถเลย ขี้เกียจ เหนื่อยแรง 55555555 (จะบอกว่าสตอเบอร์รี่ที่ซื้อคือเปรี้ยวมาก ข้างในนี่เน่าเละ ขายแพงด้วย 150 บาท ตลาดม้งนี่ขาย 100-120 ไม่เกินนี้ เสียใจจจจจจ) ส่วนคนอื่นๆก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน ลุงไปส่งที่พักเรา คือดอยชัวร์ญ่า ที่นี่บรรยากาศดีมาก มองไปข้างหน้าก็เป็นภูเขาแล้วมีน้ำตก
เราจองเต็นท์ขนาด 2-3 คน 400 บาท เช่าเครื่องนอนอีก 2 ชุด ชุดละ 100 บาท เรานอน 3 คนต่อ 1 เต็นท์ เป็นคนละ 200 บาท เขาก็จะมากางเต็นท์ให้ เราก็เลือกที่เอาเลย คนมานอนเต็นท์เยอะมาก เราได้ที่ใกล้ๆทางเข้า แต่ก็สะดวกดี ทีนี้คนกางเต็นท์ไม่มาสักที เราก็ยืนรอ ก็มีพี่เขามาถามว่ากางเต็นท์ยัง เราก็บอกว่ายัง พี่เขาเลยยกเต็นท์ที่มันกางแล้วเอามาให้เราเลย ซึ่งใหญ่กว่าเต็นท์ที่เราเช่ามาอีก โชคดีมาก 5555555555
อาหารที่นี่ก็มีแค่หมูกระทะ (ชุดเล็ก 400 ชุดใหญ่ 600 น้ำตาจิไหล) แต่ก็กิน เพราะมาม่ากลัวไม่อิ่ม เรากินกันทั้งหมด 5 คน เลยเลือกชุดใหญ่ในราคา 600 บาท ได้หมูสองถาดจ้า ให้พี่เขายกมาส่งหน้าเต็นท์ ปิ้งย่างกันมันส์ หมูสุกยากมาก แต่น้ำจิ้มอร่อยดี ระหว่างกินกันก็มีลุงคนนึงเดินมาขายมันเผา ถุงละ 20 บาท สตอเบอร์รี่ก็มี 120 บาท ลุงลดให้เหลือ 100 บาท (เสียดาย 150 ที่ซื้อไปก่อนหน้านี้มาก) กินกันจนเสร็จเราก็พากันไปแปรงฟัน ไม่มีใครอาบน้ำสักคน ใครอาบนี่แกร่งเกินไปแล้ว คือมันหนาวมาก แล้วลมก็แรงมากกกกกก พัดจนเต็นท์จะปลิว ดีที่มีของถ่วงไว้อยู่ แล้วประมาณ 2 ทุ่มไฟดับ คือจะไปแปรงฟันก็ลำบากมาก ต้องเปิดไฟฉายในมือถือเอา แต่มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน สวยสุดๆ เสร็จธุระก็เข้านอนกัน วางแผนไว้ว่าจะตื่นตีห้าครึ่ง ขอโบกรถไปกิ่วแม่ปานกัน!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น