นั่งรถไฟฟรีไปเชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการไปเชียงใหม่ แต่เป็นครั้งแรกของการเขียนพันทิป หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ว่าแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า  การเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางกัน  4 คน พวกเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสมัยเรียนมัธยมด้วยกัน ซึ่งตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว (ยังไม่แก่เท่าไหร่ 555) ช่วงนี้ปิดเทอม เลยอยากพักผ่อนก่อนกลับไปสู่โลกของการเรียนสักหน่อย
เสาร์ 2 มกราคม 2559
          หลังจากปีใหม่ได้เพียง  1  วัน เราก็เริ่มออกเดินทางกันโดยรถไฟ(ฟรี)  ขึ้นที่สถานีรถไฟลพบุรี รถไฟขบวนที่ 109 ออกจากหัวลำโพง 12.45 น. ถึงลพบุรี 14.30 และถึงเชียงใหม่   04.05 น. (เที่ยวนี้รถไฟล่าช้าไปประมาณครึ่งชั่วโมงเลยถึงเชียงใหม่ 05.00 น.) ระหว่างเดินทางก็กินกันไป คุยกันไป ตกดึกก็หลับยาว เช้าถึงเชียงใหม่





อาทิตย์ 3 มกราคม 2559
              ฝุ่นควัน กลิ่นสนิมปนกลิ่นเหงื่อ ขออาบน้ำที่ห้องน้ำสถานีรถไฟก่อนก่อนแล้วกัน ค่าอาบน้ำ 15 บาท ทำใจอยู่สักพักเพราะน้ำเย็น 555 เมื่อเสร็จภารกิจส่วนตัวกันแล้ว โทรนัดพี่คนขับรถที่ติดต่อไว้มารับที่หน้าสถานีรถไฟแล้วไปกันเลย

เราได้ทำการยึดพื้นที่หน้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว 555




รองท้องมื้อเช้าเบาๆกับโจ๊กหมูไข่ลวกถ้วยนี้

                       เพียง 25 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟเชียงใหม่ ก็ถึงที่หมายแรกของเรา Grand canyon Chiangmai เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 08.30 น. เรามากันก่อนครึ่งชั่วโมงเป็นกลุ่มแรกเลย   ค่าเข้าคนละ 50 บาท แลกน้ำสมุนไพรฟรี 1 แก้ว    






               10.00 น. ออกจาก Grand canyon ไปยัง The giant Chiangmai เป็นที่ที่สอง ใช้เวลาเดินทางไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ทางขึ้นเขาหักศอกมากพอสมควร จนพี่ขับถึงกับเอ่ย “ทางอย่างนี้ก็ยังมากันนะ”  555 แต่เราไม่หวั่น เพื่อร้านกาแฟต้นไม้ยักษ์ของเรา 11.30 น. ถึงที่หมายแล้ว ร้านนี้เปิด 11.00 น. - 15.00 น. (คนต่อคิวเยอะมากขนาดมาเร็วนะเนี่ย)




               13.00 น. ออกจาก The Giant ไปที่ ดอยอินทนนท์ที่หมายสุดท้ายของวันแรก ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ ผ่านน้ำตกวชิรธารก็แวะสักนิด

               15.30 น. ถึงที่พัก เราพักกันที่ดอยชัวร์ญ่า วิวที่นี้สวยเลยที่เดียว ค่ากางเต็นท์คนละ 100 บาท  ถ้าเช่าเต๊นท์ของที่พักก็เสียค่าเต๊นท์เพิ่ม แต่เราแบกเต็นท์มาเอง ประหยัดไปได้เยอะ กางเต็นท์ด้วยวิชาลูกเสือ  - เนตรนารี เสร็จเรียบร้อยแล้ว เริ่มหิว ไปหาอะไรเติมพลังกันหน่อยดีกว่า เราเดินเท้าลงมาจากที่พัก เพื่อมาหาอะไรกินที่ลานกางเต็นท์ดงสนหน้าอุทยาน มีร้านอาหาร เครื่องดื่มเล็กๆอยู่ 3-4 ร้าน


มาเหนือแต่มากินอาหารอีสานซะงั้น 5555

       เมื่อกินอิ่มแล้ว หลังจากนี้คือจุดเริ่มต้นของพวกเรา “สายโบก” โบกที่ว่านี้คือ โบกรถ นั่นเอง 555 ขาลงเดินลงมาผลปรากฏว่าเหนื่อยใช่ได้ ขากลับจึงเป็นการโบกครั้งที่ 1
          ดอยชัวร์ญ่ามีหมูกระทะขายชุดเล็ก 400 บาท ชุดใหญ่ 600 บาท แต่พวกเราไม่ได้กินกัน ค่ำๆอากาศเริ่มหนาวแล้ว รีบอาบน้ำอาบท่า กินขนม กินนม รีบก่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า (เอ้อ ที่นี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ ที่ชาทแบตโทรศัพท์มือถือครั้งละ 20 บาท แบตสำรอง 40 บาท ต่อพวงปลั๊กแต่ต้องเอาปลั๊กมาเอง 200 บาท) คืนนี้หลับสนิทตลอดคืนนะทุกคน Zzz


จันทร์ 4 มกราคม 2559
    04.30 น. ตื่นๆ ล้างหน้า แปรงฟัน (น้ำไม่อาบ) เก็บข้าวของไว้ เตรียมตัวไปกิ่วแม่ปาน และนี้คือการโบกครั้งที่ 2 เราเดินมาที่ทางออกที่พัก เพื่อรอรถที่จะออกไปกิ่วแม่ปานที่เดียวกัน เจอรถเก๋งหนึ่งคันจอดเตรียมของอยู่ จึงเข้าไปถาม “ พี่ฮะ พี่ไปกิ่วแม่ปานรึเปล่าฮะ อ๋อ ไม่ได้ไปครับ แต่ไปส่งได้” เย้ ใจดีจริงๆ การโบกรถครั้งนี้ทำให้เราได้เพื่อนใหม่เฉยเลย

โฉมหน้ารูปงามของเหล่าชายหนุ่มที่มาส่งเรา 555


หาอะไรอุ่นๆดื่มกันก่อนระหว่างรอ เช้านี้ 5 องศาเซลเซียส สบายมาก ควันออกปากเบาๆ ก่อนจะเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ขอดูพระอาทิตย์ขึ้นก่อน



          การเดินป่านี้คิดค่าไกด์นำ กลุ่มละ 200 บาท (กลุ่มละ 1-10 คน)  07.15 น.เริ่มเดินกัน  เส้นทางช่วงแรก เป็นบันได้ขึ้นๆลงๆ ทางไม่ลำบากมาก แต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน  อาจเพราะอากาศหนาวด้วยมั้ง  ถึงช่วงที่กลางๆที่เป็นทุ่งหญ้าเริ่มโอเคขึ้นแล้ว อากาศโปร่ง โล่ง สบาย มีแลนด์มาร์คให้ถ่ายรูป คนต่อคิวกันเพียบ พอเข้าสู่กิโลเมตรที่ 3 กิโลเมตรสุดท้าย เป็นทางลงซะส่วนใหญ่ มีขึ้นบ้างเล็กน้อยพองาม







เดินป่าไปเก็บกินไป สนุกดีนะ

          09.30 น. เป็นเวลาที่เราเดินป่ากันเสร็จ ทำเวลาได้ดีทีเดียว  2 ชั่วโมง โดยประมาณ หาอะไรกินกันหน่อยก่อนเดินทางต่อ เราออกมาโบกรถตรงที่เราดูพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อเช้า อาจเพราะเป็นทางลง อันตรายเลยไม่มีใครจอด เราจึงนั่งรถสองแถวฟรีไปยังวัดพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริที่อยู่ใกล้ๆกัน


          หลังจากไหว้พระกันเสร็จ การโบกครั้งที่ 3 จึงให้พี่อ้วนพี่ทหารที่คอยจัดการเรื่องที่จอดรถให้นักท่องเที่ยว หารถกลับที่พักให้ รถเหลืองพี่ๆกลุ่มนี้เค้าเหมากันมา แต่เค้าลงแค่ที่ตลาดของฝาก ไม่เป็นไร  เราขอติดไปด้วยนะ



การโบกครั้งที่ 4 เห็นรถที่ซื้อของฝากเสร็จแล้วกำลังจะออกพอดีจึงขอติดไปด้วยแต่เขาไปแพร่จึงส่งเราที่สามแยกโครงการหลวง


       การโบกครั้งที่ 5 รถขนไผ่จากโครงการหลวงผ่านมาขอติดไปด้วย พี่เค้าใจดีไปส่งถึงที่พักดอยชัวร์ญ่าเลย เก็บเต็นท์ เก็บข้าวของกันด้วยความรวดเร็วเพราะล่วงเลยเวลาที่วางแผนไว้มาพอสมควรแล้ว เดินมารอที่เดิมหน้าทางเข้าออกที่พัก
          การโบกครั้งที่ 6 เจอรถโครงการหลวงอีกแล้วไปส่งถึงสามแยกเดิมเลย ใจดีจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะนั่งรถสองแถวสีเหลืองเพื่อไปจอมทองแล้วต่อรถเข้าเมือง แต่ไหนๆก็โบกรถมาขนาดนี้ลองโบกอีกสักทีจะเป็นไรไป การโบกครั้งที่  7 เกิดขึ้นจนได้  โชคดีมากรถกระบะคันนี้ผ่านทางที่เราจะไปพอดี สงสัยเพราะที่เราพากันไปไหว้พระธาตุแน่ๆ จริงๆพี่เค้าชวนให้นั่งข้างหน้าแหละ แต่เราเกรงใจนั่งข้างหลังดีกว่า รับแสงแดดและสายลมกันหน่อย พี่เค้าขับด้วยความเร็วสูงมากจริงๆ แซงทุกโค้ง ไม่มีหลุด ไฟแดงก็ต้องมาจอดเป็นคันหน้าทุกไฟแดงถ้าทำได้ แอบกลัวอยู่เหมือนกัน ตอนแรกเราคิดว่าพี่เค้าเมาด้วยซ้ำ

      พอถึงทางผ่านที่พี่เค้าจอดให้ลง พี่เค้าก็ลงไปหารถแดงสองแถวต่อให้เราที่เราจะไปคือร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ AYA ใกล้กับสถานีรถไฟเชียงใหม่ เพราะเป็นนักท่องเที่ยวเลยโดนไปคนละ 50 บาท ถ้าปกติแค่ 20 บาท พี่เค้าว่าอย่างนั้น “โชคดี เที่ยวให้สนุก แล้วเจอกันใหม่ ” คำลาจากปากพี่คนขับรถกระบุสุดซิ่ง(พอล วอคเกอร์ เมืองเชียงใหม่คนนี้ 555)
          ถึงแล้วร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ AYA จริงๆมีอีกร้านนึงอยู่ใกล้ๆกันแต่แพงกว่าเราเลยเลือกร้านนี้ ระหว่างรอนักท่องเที่ยวเอารถมาคืน ก็กินข้าวกันที่ร้านข้างๆ อิ่มแล้วรถมาพอดี ทำเรื่องเช่ามอเตอร์ไซค์เสร็จสับ ค่าเช่ารถคันละ 140 บาท ค่าประกัน 40 บาท (เอาหรือไม่เอาแล้วแต่เรา) ค่ามัดจำหมวกกันน็อคใบละ 100 บาท ค่ามัดจำรถคันละ 2,000 บาท  พร้อมแล้ว ที่หมายที่ 4 ม่อนแจ่ม เป็นระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตรที่เราขับกันมา ระหว่างทางมีแวะซื้อเสื้อผ้าชาวดอย ก่อนจะถึงที่หมาย  คืนนี้เรานอนที่นี้แต่ไม่ได้แพลนไว้ว่านอนม่อนไหน(มีหลายม่อนซะเหลือเกิน 555)

ม่อนตะวันมีพื้นที่กางเต๊นท์ แต่ราคาพอๆกับกระท่อมที่สวนอีเดน เลือกกระท่อมสิเนอะ รอไร 5555

     18.30 น. เป็นเวลาที่เราถึงม่อนแจ่ม แต่ที่นี้ไม่มีลานกางเต๊นท์ให้ เราจึงต้องลองหาที่อื่นๆ จากที่ลองเช็คเปรียบเทียบราคาและความเหมาะสมแล้ว ได้ที่พักเป็นกระท่อมที่สวนอีเดนระหว่างแยกทางขึ้นไปม่อนแจ่ม ราคา 800 บาทเท่านั้น



(อบอุ่น มีปลั๊กไฟพร้อม ห้องน้ำรวม มีเครื่องทำน้ำอุ่น) เก็บของในกระท่อมเสร็จแล้ว สมควรแก่เวลาออกไปหาอะไรกิน ก็เหนื่อยมาทั้งวันกันแล้วนี่

ใกล้ๆสวนอีเดนมีร้านอาหารพวก ส้มตำ ไก่ย่าง (มาเหนือแต่มากินส้มตำอีกแล้ว 555)

หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ขอตัวทำความสะอาดร่างกายที่เผชิญอะไรมาทั้งวัน สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ Zzz

อังคาร 5 มกราคม 2558
      เช้านี้ตื่นสายเลยไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย เสร็จภารกิจส่วนตัวกันแล้ว ขับมอเตอร์ไซค์คู่กายไปม่อนแจ่มกันนนน


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่