อยากระบายค่ะ เมียน้อยของพ่อ เราต้องไหว้ด้วยเหรอ

มีเรื่องอยากขอระบาย ยาวหน่อยนะคะ

พ่อเรามีเมียน้อยตอนเราห้าขวบกว่า   พ่อมาบอกแม่ทีหลัง  ตอนตาเสียไปแล้ว
พอแม่รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย ก็ทะเลาะจะหย่ากัน
เรายังจำวันนั้นได้ แม้จะผ่านมานานแล้ว  หลังจากวันนั้น ครอบครัวก็ไม่เคยกลับไปเหมือนเดิมอีก
เรานั่งเล่นอยู่ดีๆ  เค้าก็ทะเลาะกันเสียงดังมาก  แล้วทุกคนก็ร้องไห้  แม่เข้าไปในห้องนอน
แล้วพ่อก็ถามเราว่า ถ้าพ่อกับแม่หย่ากัน หนูจะอยู่กับใคร

จะให้เด็กห้าขวบกว่าตอบว่ายังไง

จากนั้น แต่ละคนเหมือนจะให้ลูกเข้าข้าง   แม่บอกว่าพ่อเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่มีใครอีก...   พ่อบอกว่าแม่ไม่ยอมเข้าใจ...    ใครพูดที เราก็เขวตาม
แม่เซ็นต์ใบหย่าไว้ แต่พ่อไม่ยอมหย่า   ยื้อไปยื้อมา  จนสุดท้ายก็ไม่ได้หย่า  
เราไม่ต้องเครียดอีกว่าจะอยู่กับใครดี  
(แม่บอกทีหลังว่า สมัยก่อน เค้าไม่ค่อยหย่ากัน  แม่ออกจากงาน มาเป็นแม่บ้านหลายปี   และพ่อจะไม่ให้อะไรไปเลยถ้าหย่า)

แต่หลังจากนั้น พ่อก็ไปๆมาๆระหว่างสองบ้าน   เราเคยโดนเอาไปฝากญาติเลี้ยงบ้าง
บางทีเราตื่นขึ้นมาดึกๆ พบว่าตัวเองอยู่มืดๆคนเดียว ตกใจมาก นึกว่าโดนทิ้ง  ปรากฎว่าเเม่อยู่นอกห้อง
บางวันเราร้องไห้ตอนพ่อจะไปบ้านนั้น  พ่อถามว่าเป็นอะไร   แต่พ่อก็ไปอยู่ดี  (แล้วจะถามทำไม)
เราร้องไห้แทบทุกวัน เป็นปีๆ หลายปี  คิดย้อนไปไม่รู้ทำไมต้องขนาดนั้น  กลางคืนก็นอนไม่หลับ ฝันร้าย

พ่อบอกว่าจะแบ่งเวลาให้เท่าๆกัน  ที่เค้าบอกแม่ก็เพราะหายตัวไปบ่อยๆยังไงก็ต้องรู้  
ของอะไรต่างๆก็จะให้เท่ากัน  ยุติธรรม
ยุติธรรม ตื๊ด ดิ  
ทำไมนังเมียน้อยมันต้องมาได้อะไรเท่ากันด้วย

ถ้าพ่อบอกแม่ก่อนแต่งว่า แต่งไปแล้วจะมีเมียน้อย และอะไรๆก็จะหารสอง แล้วแม่ยังแต่งด้วย ก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่นังเมียน้อยมันรู้อยู่ฝ่ายเดียว ว่ามันแต่งไปแล้วต้องแชร์สามีกับชาวบ้าน แล้วมันรับได้  มันยังจะเอา
แม่เราอยู่มาก่อน ตั้งแต่บ้านยังไม่มีน้ำประปา  บริเวณเป็นกรวดทราย  จนมีประปาและเป็นพื้นปูน  แม่เล่าว่าตอนแต่ง ตาก็ให้เงินพ่อมาตั้งตัวส่วนนึงด้วย   
แล้วทำไมต้องมาแชร์อะไรเท่ากันกับนังเมียน้อย    มันยุติธรรมตรงไหน  

เมียน้อยเข้ามาไม่นานก็มีลูก แล้วก็มีอีกคนๆติดกันเลย
รวมมีลูกจำนวนเท่ากัน  ยุติธรรมตามความคิดพ่อเรา    ตอนคนสุดท้ายแม่จับได้เพราะเห็นขวดนมเขียนชื่ออยู่ในรถ
พ่อแอบพาเมียน้อยกับลูกสองคน มาเจอเรากับน้อง ตอนน้องประมาณขวบสองขวบ
ตอนเจอกันครั้งแรก เป็นความรู้สึกที่แปลกสำหรับเรา   แบบนี่เหรอ ลูกของพ่อ กับคนที่ทำให้พ่อแม่เราทะเลาะกัน   อยู่ดีๆพ่อก็พามาเล่นของเล่นของบ้านเรา    เมียน้อยไม่ได้คุยกับเราเท่าไหร่ เอาแต่ดูลูกเค้า
เรารู้สึกแปลกๆ   แต่ก็คิดขึ้นมาว่า เด็กไม่ได้ผิดอะไรด้วย
มีหลายคนบอกเราว่า ลูกเมียน้อยไม่ได้ผิดอะไร    คือไม่ต้องบอกหรอก เราคิดตั้งแต่แรกที่เห็นเด็กแล้ว   
แต่พูดตรงๆ เราไม่อยากให้พ่อมีลูกกับเมียน้อยนั่น   เหตุผลกับความรู้สึกมันต่างกัน

ตั้งแต่ราวป.2 ถึงป.4  เราใช้เวลาพักกลางวัน คิดว่าทำยังไงพ่อถึงจะเลิกกับมัน  คิดหลายวิธีแต่เหมือนพายเรือวนในอ่าง  บางทีก็เอาหัวโขกกำแพง
เราเหมือนอยากตาย  ลองกลั้นหายใจตาย ซึ่งไม่สำเร็จ   ลองเอาเชือกมาผูกราวบันได ผูกกับคอ   
ไปดาดฟ้าตึกบ่อยๆ คิดว่าโดดลงไปดีไหม   และคิดจะโดดน้ำตาย   แต่ไม่ได้โดดซักที   
เราคิดว่า ลองมีชีวิตต่อไปซักพัก พ่ออาจจะเลิกกับมัน  เหมือนเมียน้อยคนก่อน
แต่พอเราถามตอนป.4 พ่อบอกเราว่า พ่อไม่เลิกกับเค้าหรอก  เพราะมีลูกด้วยกันแล้ว   ตอนนั้นเสียใจมาก แบบความหวังพังทลายลง  


พ่อพามันมาเจอแม่เรา  แล้วก็เจอกันตามงานรวมญาติ  แบบเปิดตัวขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกแม่กับเมียน้อยก็คุยกันบ้าง คงแบบเสียไม่ได้  ต้องทำครัวทำอะไรในงานด้วยกัน  

พอเราขึ้นป.5 พ่อย้ายครอบครัวเรา จากใกล้ๆบ้านญาติ ไปอีกจังหวัดที่ทำงาน
แล้วก็ให้เมียน้อยย้ายไปอยู่บ้านใกล้ญาติของพ่อ กว้างใหญ่กว่าบ้านเรา พื้นเป็นหินอ่อน มีห้องเยอะจนทิ้งว่างไม่ใช้
เราเคยอยู่แต่บ้านชั้นเดียว สองห้องนอนกับโถงกลางและครัว
เมียน้อยอยู่ใกล้บ้านญาติๆพ่อ เค้าเลยสนิทกัน มากกว่าทางเราที่อยู่ต่างจังหวัด

เราไม่ชอบไปงานรวมญาติข้างพ่อ  พ่อบอกให้ไปจะได้สนิทกับญาติ
แต่ต้องไปเจอเมียน้อย หัวเราะเสียงดัง  ในบ้านที่พ่อแม่เราทะเลาะจะหย่ากันเพราะมัน   ที่เราเคยร้องไห้ทุกวัน คิดฆ่าตัวตายสารพัดวิธี
เห็นญาติพ่อคุยกับเมียน้อย มันก็แสลงใจ   ตอนแรกญาติก็ปิดบัง ไม่บอกแม่เรื่องเมียน้อย
ในแง่นึงเราก็เข้าใจญาติ  เค้าญาติพ่อ ไม่ใช่ญาติแม่
แต่อารมณ์เราตอนนั้น ไม่อยากไปเจอเมียน้อย  ดูญาติพ่อคุยสนิทกับมัน  แล้วเราไม่สนิทกับญาติ ด้วยความห่าง และอยู่ต่างจังหวัด นิสัยรสนิยมไม่ตรงกัน


พอม.2 แม่จะไปเที่ยวปีใหม่  พ่อบอกวางแผนไปกับเมียน้อยแล้ว  แม่ก็ขึ้นว่าทำไม   
พ่อโทรศัพท์คุยกับเมียน้อย เราแอบฟังได้แป๊บเดียว จนเค้าสงสัยถึงเลิก
พ่อคุยว่า แม่เราจะให้ไปด้วย   เมียน้อยมันก็โวยวายว่า พี่สัญญากับ...ไว้แล้ว  พี่สัญญากับ...ไว้แล้ว

ตอนนั้นเรางงมาก  ไม่คิดว่าเมียน้อยจะพูดเรียกร้องเอาขนาดนั้น  ปกติเจอเรา มันไม่เคยพูดอย่างนั้นให้เห็น
เมียน้อยไม่คิดเหรอว่า มาเอาสามีชาวบ้าน เวลาก็ต้องแบ่งกัน  ปีใหม่เค้าอาจไปเที่ยวที่บ้าน
แล้วคำพูดสัญญา มันคิดเหรอว่า คนมีเมียน้อยจะทำตาม   
ขนาดคำสาบานว่าจะไม่มีคนอื่น ยังมีเมียน้อยมาได้   คิดเหรอว่าคนมีเมียน้อยเค้าจะรักษาสัญญา
ต่อมาเราถึงเข้าใจขึ้นว่า ที่แท้เมียน้อยมันเป็นอย่างนั้น เห็นแก่ตัว ชอบเรียกร้องเอา  ไม่แคร์แม้ต้องแย่งอะไรกับชาวบ้าน
ที่เค้าพูด มันเป็นวิธีเรียกร้อง  มันไม่ได้เชื่อว่าพ่อจะรักษาสัญญาหรอก   มันอาจได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ใกล้ญาติพ่อ เพราะการเรียกร้องแบบนี้
พ่อบอกแต่ว่า จะให้ทำยังไงล่ะ ต้องมาตามใจคนโน้นคนนี้ แต่ละคนเอาแต่ใจ   (ก็เอามันมาสร้างปัญหาไว้เอง น่าจะรู้ว่ามีเมียมากมันต้องแบ่งเวลากัน คิดว่าจะรักกันดีงั้นเหรอ)

ปีใหม่นั้น พ่อไปกับแม่เรา   แต่หลังจากนั้นเราไปบ้านเมียน้อย เจอรูป ลูกเค้าบอกว่าไปเที่ยวต่างประเทศกันมา   
คือเราแก่กว่าน้องตั้งหกเจ็ดปี  เท้ายังไม่เคยได้ไปสัมผัสนอกมาเลย
คิดว่าพ่อคงชดเชยที่ไม่ได้ไปปีใหม่กับมัน
พอถามพ่อ พ่อบอกว่าไม่ได้ไปเมืองนอก   เราจะเชื่อเด็กหรือพ่อดีล่ะ

คือเด็กเค้าก็ซื่อ ไม่คิดอะไร  น้องเค้าเคยมาบ้านเรา ขอดูของสะสมของเล่น
น้องเค้าพูดประมาณว่า แม่เค้าบอกถ้าบ้านเรามีอะไร เค้าต้องมีด้วย  บ้านเราได้อะไร เค้าต้องได้ด้วย
โห แบบ เมียน้อยสอนลูกให้คิดอย่างนี้เลยเหรอ ฟังดูมันโรคจิตนะ  
ส่วนเราที่ร้องไห้แทบทุกวันตั้งแต่เด็ก แล้วคิดฆ่าตัวตาย และหมกมุ่นกับเรื่องเมียน้อยแต่เด็ก ก็คงโรคจิตไปอีกแบบ
ไม่รู้โตมาน้องเค้าคิดรึเปล่า  แล้วจำได้มั้ยว่าเคยเล่าเรื่องนี้


หลังจากแย่งตัวพ่อไปเที่ยวปีใหม่  แม่เราก็ทะเลาะกับเมียน้อยตอนเจอกันในครัวในงานรวมญาติ เรื่องอะไรก็จำไม่ได้   คงทนกันต่อไปนี้มาหลายเรื่อง
เค้าไม่เคยทะเลาะกันขนาดนี้มาก่อน
พ่อก็มาโวย แล้วบอก ถ้างั้นต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่    (แต่ต้องเจอกันประจำในงานรวมญาติ)

พ่อบอกว่าเมียน้อยเป็นคนดี   
มันอาจดีกับพ่อ    แต่กับบ้านเรา  มันสร้างปัญหามาตั้งแต่ยังไม่โผล่หัวมาเจอแล้ว   แค่รู้ว่ามีมันเป็นเมียน้อย  บ้านเราก็แตกแล้ว
จะมาบอกว่า มันเป็นคนดี   แต่มันสร้างปัญหาขนาดนี้ให้ครอบครัวเราแบบไม่มีใครทำมาก่อน
เมียน้อยคนก่อน ยังไม่สร้างปัญหาให้บ้านเราขนาดนี้เลย

เมียน้อยคนก่อน พ่อบอกไม่ดี เลยไม่สร้างปัญหา เพราะพ่อก็เลิกไป   
ตลกที่ยิ่งพ่อบอกเมียน้อยเป็นคนดี มันยิ่งสร้างปัญหามาก  
พ่อว่า ปัญหาอยู่ที่ตัวเราเอง  ให้เราเปิดใจให้กว้าง    สรุปเป็นความผิดฝ่ายเรา ที่ยอมรับเมียน้อยไม่ได้   ไม่เปิดใจดู ว่าเค้าเป็นคนดี

ก็ถ้ามันไปหาสามีเป็นของตัวเอง  บ้านเราคงไม่มีปัญหา  ไม่ว่ามันจะเป็นคนยังไง
ถ้ามันดีจริง ทำไมไม่หาสามีเป็นของตัวเอง
มันรู้ชัดแต่แรกอยู่แล้วว่าเค้ามีเมียมีลูกแล้ว   หรือมันจะคิดว่า เดี๋ยวก็แย่งมาเป็นของตัวเองได้
ถามจริง ถ้าพ่อไม่มีเงิน มันจะเอามั้ย   
อยากบอกว่า ถ้าใครคิดว่ามันดีมาก เชิญอธิษฐานให้ชาติหน้า ได้มันไปเป็นเมียน้อยพ่อตัวเองเถอะ  ดี๊ดีขนาดนี้


พ่อบอกว่า พ่อก็ดูแลทางเรา ไม่ได้ทิ้งไปไหน   แต่เหมือนพ่อให้ทางฝ่ายนั้นมากกว่า
อยู่บ้านเรา เครียดทำงาน   อยู่บ้านเมียน้อย พาไปเดินห้าง
เรายอมรับว่าอิจฉาน้อง ได้อยู่บ้านหลังใหญ่มีหลายห้อง มีเปียโนในบ้านด้วย ได้ไปเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ไปซัมเมอร์ เรียนพิเศษ เรียนอินเตอร์
พ่อเคยบอกว่าให้เราสอบเข้าเอง ไม่เซ่น บอกโรงเรียนไหนก็เหมือนๆกัน   แต่พอถึงคราวน้องสอบไม่ได้ เสียเป็นแสน เซ่นเข้าโรงเรียนดัง  
พ่อบอกเราไม่ต้องเรียนพิเศษ   แต่ไปส่งน้องเรียนพิเศษด้วยตัวเอง  แล้วบอกว่ารุ่นหลังนี่มันเเข่งกันมาก   
มันคืออะไร   แบบเราหงุดหงิด น้อยใจ เคยรู้สึกเป็นตัวอิจฉาในครอบครัวตัวเอง


รวมๆแล้ว เป็นเหตุให้ตอนปีสอง ตอนเราอยู่บ้านญาติ  น้องเดินเข้ามา เราเซ็ง เลยเดินเข้าไปอีกห้องนึง
แป๊บนึง ใครไปบอกพ่อ พ่อก็มาโวยใส่เราว่า ทำไมทำอย่างนั้น    เราบอกว่าก็แค่เดินเข้าห้องเอง   
พ่อบอก งั้นต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาคุยกันอีก
เรารู้สึกเหมือนน้องขี้ฟ้อง พ่อก็เข้าข้างน้อง   จริงๆเราก็ทำไม่ถูก  น้องไม่ได้ผิดอะไร  แต่คุยกันแล้วหงุดหงิด
หลังจากผ่านเหตุการณ์สะสมมาหลายปีแล้วเราอิจฉาน้อง   ถ้าอารมณ์ไม่ดีไม่อยากคุย

พ่อแม่เราที่ทะเลาะกันเรื่องเมียน้อยอยู่เป็นระยะ  ก็แรงจะหย่ากันอีก  ประมาณอยู่ก็มีปัญหา จะหย่าก็ไม่ขาด
เราก็รู้สึกผิดที่ทำให้พ่อแม่ทะเลาะจะหย่ากัน   
ทะเลาะกันอีก แต่ไม่หย่า  ไม่พูดกันหลายวัน  พ่อก็ไปอยู่บ้านเมียน้อย  สุดท้ายก็กลับมา


ตอนนี้เรื่องมันก็ผ่านมานาน  เราก็เรียนจบมาหลายปี   น้องก็โตหมดแล้ว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
อ่านๆ อยู่ เเล้วมันขึ้นค่ะ
ถ้าพ่อเป็นหนักขนาดนั้น เราจะขอเเก้เผ็ดสักทีนะ
อันนี้ไอเดียเรา จขกท อย่าเอาไปทำจริงๆ ละ

วันดีคืนดีเราจะเดินไปบอกพ่อว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเเฟนนะ (ถ้าเขาถามต่อก็เข้าทาง)
ถ้าเขาถามต่อ เราค่อยเล่าว่า ไม่ได้เเต่งหรอก เพราะเป็นเมียน้อยเเฟน เขามีเมียหลวงอยู่
พี่เขาบอกว่าเราเป็นคนดี จะซื้อบ้านใหญ่ๆ ให้ จะให้อยู่ดีกินดี เขาเลิกกับเมียไม่ได้ เพราะเขามีลูกด้วยกัน
เราก็คิดว่าจะมีบ้าง เพราะพี่เขาบอกว่าบ้านใหญ่มีอะไร บ้านหนูต้องมีให้ดีกว่า
ที่มาบอกพ่อนี่ก็คงคิดว่ารับได้ เพราะหนูเป็นลูกที่ดี เป็นผู้หญิงที่ดี หนูเลยจะไปเป็นเมียน้อยเขา

เเล้วก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียว ดูสิว่าพ่อจะแฮปปี้ไหม
ความคิดเห็นที่ 17
วันหลังเจอข้างนอกบ้าน ยกมือไหว้ พูดดังๆเลยว่า "สวัสดีค่ะ เมียน้อยพ่อ" อยากให้ไหว้นัก
ไหว้ในฐานะอะไรก็ป่าวประกาศเลยแล้วกัน บ้านเมียน้อยรังควาญบ้านจขกท.มากเลย
ลูกเมียน้อยก็คงโดนเสี้ยมมา ไปเรียกร้องกับพ่อบ้างสิคะ ความยุติธรรมอยู่ไหน ผิดที่พ่อแต่แรกแล้ว เรื่องนี้ไม่มีคำว่า ยุติธรรม
ความคิดเห็นที่ 4
ตอบจขกท.: ไม่จำเป็นต้องไหว้ค่ะ
แต่ต่อหน้าคนอื่น (ในที่สาธารณะ) ก็ไหว้ซะหน่อย
ไม่ใช่เพื่อเคารพเค้า แต่เพื่อให้เราดูรู้จักกาลเทศะ
และเพื่อวางตัวให้อยู่เหนือเรื่องผิดศีลพวกนี้
เราไม่ลดตัวลงไปยุ่งกับเรื่องคาว ๆ ของผู้หญิงคนนี้

คคห.ที่ 1: เป็นอะไรมากไหมคะ
น้องจขกท.เค้าก็เว้นวรรค เว้นอะไรสบายตาดี
คำพูดคำจาก็ไม่ได้หยาบคาย
ภาษาเขียนก็ถูกต้อง ไม่มีอะไรให้อ่านแล้วรำคาญตา
เค้ามาระบายเพราะไม่สบายใจ และมาขอความคิดเห็น
ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ

คคห.ที่ 2: เป็นน้อง (คนละแม่) ของจขกท.แหง ๆ   -_-
ความคิดเห็นที่ 24
อ่านไม่จบนะครับ ตาลาย
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว
พ่อมีเมียน้อยตั้งแต่อนุบาลแยกจากแม่ไป
เราอยู่กับแม่คนเดียวจนเด็ก
แฟนใหม่พ่อก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเราครับ ถึงเขาจะไม่ถูกกับแม่
คอยช่วยอะไรเราหลายๆอย่าง ผมจึงเป็นมิตรกับเขาเพราะเขาเป็นมิตรกับเรา
พอโตขึ่นเข้าสู่วัยรุ่นเริ่มแรก แม่มีแฟนใหม่ครับ
ตอนแรกรับไม่ได้ทะเลาะกับแม่
น้อยใจครับ จนเกเรียนจนเกือบเสียคน พอสุดท้ายเข้าใจแม่
และแฟนใหม่แม่ก็พยายามเป็นมิตรกับเราครับ จากนั้นอะไรหลายอย่างจึงดีขึ้น
สุดท้ายแค่ยากจะบอกว่า อย่าให้ใครมามีอิธิพลกับชีวิตเรามากไปครับ
ทุกคนมีเหตุผลการตัดสินใจของตนเอง แม้ไม่ถูกใจเรา
แต่เราไม่ควรเสียเพราะเรื่องคนอื่น ตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีครับ
สุดท้ายมนุษย์ทุกคนต้องพึ่งตนเอง
ความคิดเห็นที่ 6
เพิ่งเห็นข้อความที่ 3 ของจขกท.
คุณจบการศึกษาแล้ว... ต่อไปจะเริ่มทำงานใช่ไหมคะ
ต่อไปนี้นะ เลิกให้ตัวและความคิดไปผูกกับคุณพ่อคุณค่ะ
ไม่งั้นชีวิตคุณจะไม่มีความสุข
เพราะคุณเปลี่ยนคุณพ่อไม่ได้
เปลี่ยนใคร ๆ ในโลกก็ไม่ได้ ยกเว้นตัวคุณเอง

เลิกคิดถึงเค้า หันไปเอาใจใส่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณ
เช่น ทำงานให้ดี ตั้งใจพัฒนาตัวเองในเรื่องต่าง ๆ
ในโลกนี้มีอะไรให้เปิดหูเปิดตา ให้ทำที่น่าสนใจอีกตั้งเยอะแยะ
หรือเอาใจใส่กับคนที่เค้ารักคุณ (และคุณก็รักเค้า)
เช่นคุณแม่ หรือน้อง (แท้ ๆ) ของคุณดีกว่า

อีกอย่างนะ...
ให้แนะนำ พี่ว่าคุณพ่อคุณน่ะชอบคำหวานค่ะ
เพราะอย่างนี้ถึงตกหลุมผู้หญิงอื่น ๆ ได้ง่าย
ดังนั้น เวลาพูดกับคุณพ่อ อย่าทำสายแข็งค่ะ
ไม่ได้ให้ใส่หน้ากากนะคะ
แต่คนเราต้องรู้จักจริตของคนอื่นค่ะ เรียนรู้ด้านจิตวิทยาบ้าง
จะได้อยู่ในสังคมได้อย่างดีและมีความสุข
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่