คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 42
แฟนเพิ่งตอบมาว่า เมื่อเช้าเค้าโทรไปcomplain โรงแรมแจ้งว่า ที่นี่ถ้าจะให้ทำห้องให้ หรือส่งผ้าซัก เค้าจะไม่แขวนที่หน้าประตูห้อง เพราะเสี่ยงที่เสื้อผ้าจะถูกขโมย แต่จะกดปุ่ม make up room ทุกครั้ง House keeping ถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาได้ เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้กด เพราะฉะนั้นตามกฎของโรงแรม เค้าห้ามเข้ามาในห้องเรา ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กดปุ่ม do not disturb จบนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ผมว่าพอเถอะ คือ จขกท เค้าไม่เอาคนที่เห็นต่างอ่ะครับ
เค้าต้องการคนที่เออออกับเค้า
ทั้งๆที่ความคิดคนอื่นที่เค้ามาตอบก็บอกว่า
เป็นปกติของทางโรงแรมก็กดกริ่งสามครั้งไม่ตอบเค้าก็เปิดเข้ามาทำความสะอาด
ถ้าคุณไม่อยู่แล้วเค้าไม่ไขประตูเข้ามาทำความสะอาดเพราะคุณไม่แขวนป้ายไว้เลย
คุณไปโวยวายเค้าก็โดนหัวหน้างานด่าอีก
จขกท ลองแทนตัวเองเป็นพนักงานดูนะ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะเปิดประตูเข้าไปทำหรือผ่านไปเลยไม่ทำ
ผมว่าคนปกติก็ต้องไขเข้าไปอ่ะครับเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำความสะอาด
แล้วก็กดกริ่งไปสามทีแล้ว มันก็ต้องนึกว่าไม่มีใครอยู่อยู่แล้ว
ป้ายอะไรก็ไม่มีแขวนใครจะไปรู้ว่าคุณนอนอยู่
เค้าต้องการคนที่เออออกับเค้า
ทั้งๆที่ความคิดคนอื่นที่เค้ามาตอบก็บอกว่า
เป็นปกติของทางโรงแรมก็กดกริ่งสามครั้งไม่ตอบเค้าก็เปิดเข้ามาทำความสะอาด
ถ้าคุณไม่อยู่แล้วเค้าไม่ไขประตูเข้ามาทำความสะอาดเพราะคุณไม่แขวนป้ายไว้เลย
คุณไปโวยวายเค้าก็โดนหัวหน้างานด่าอีก
จขกท ลองแทนตัวเองเป็นพนักงานดูนะ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะเปิดประตูเข้าไปทำหรือผ่านไปเลยไม่ทำ
ผมว่าคนปกติก็ต้องไขเข้าไปอ่ะครับเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำความสะอาด
แล้วก็กดกริ่งไปสามทีแล้ว มันก็ต้องนึกว่าไม่มีใครอยู่อยู่แล้ว
ป้ายอะไรก็ไม่มีแขวนใครจะไปรู้ว่าคุณนอนอยู่
ความคิดเห็นที่ 13
เราว่าคุณ จขกท. ใจเย็นๆก่อนนะคะ ลองรับฟังความเห็นของคนอื่นบ้าง ถ้ามาตั้งกระทู้แบบนี้ควรจะเปิดใจยอมรับฟังความเห็นของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ว่าใครตอบไม่ถูกใจหรือไม่เข้าข้างก้อไปแอบเหวี่ยงเค้า
จากกรณีจขกท ถ้าเป็นช่วงเวลา 9-12.00 บอกเลยว่าทางโรงแรมไม่ผิดค่ะ เพราะนี่คือเวลาทำห้องโดยสากล รูมบอยจะกดออด 3 ครั้งและยืนรอหน้าห้องประมาณ5 นาที ถ้าลูกค้าไม่ตอบเค้าจะเข้าไปทำห้องหรือเก็บถุง laundry โรงแรมระดับ 4-5 ดาวลูกค้าไม่จำเป็นต้องแขวนป้ายให้ทำห้องค่ะ แม่บ้านต้องทำอยู่แล้วทุกวัน กลับกันถ้ารูมบอยไม่เข้าไปทำห้อง นั่นแหละค่ะความผิดเค้า ถ้าลค ต้องการความเป็นส่วนตัว จำเป็นจะต้องแขวนป้าย DND ค่ะ แล้วแบบนั้นพนักงานจะแขวนถุงผ้าไว้ให้หน้าห้อง หรือโทรมาหาเวลาบ่าย 2 เพื่อย้ำเวลาเข้าทำห้องค่ะ
Edit: ขอยกมาตอบตรงนี้นะคะ
การกดป้าย make up room พูดตามภาษาโรงแรมก้อคือ ป้ายลัดคิวเพื่อให้มาทำห้องก่อน โดยปกติแล้วหลังบรีฟ แม่บ้านทุกคนจะมีเอกสารเพื่อให้ทำห้องค่ะ โดยจะเริ่มจาก
- แขก in-house ที่กดปุ่ม make up room
- แขก in-house
โดยทั้งสองกรณีนี้ ควรจะต้องเสร็จก่อนเที่ยง
และหลังเที่ยง แม่บ้านจะเริ่มทำ ห้องแขก check-out ค่ะ
ประเด็นเรื่องความปลอดภัย
แม่บ้านทุกคนจะต้องเซ็นต์รับ master key โดยที่การ์ดระบุความเป้นเจ้าของไว้ ทางโรงแรมสามารถอ่านคีย์ที่เปิดเขาห้องแขกได้ทุกใบ ย้ำว่าทุกใบค่ะ ในกรณีที่เกิดปัญหาเรื่องของหายหรืออะไรก้อแล้วแต่ ดังนั้นไม่มีพนักงานคนไหนเสียงที่จะเอาอาชีพการงาน และประวัติเสียติดตัวหรอกค่ะ
แม้กระทั่งหนังสือหรือ magazine ที่แขกทิ้งไว้ในห้อง แล้วแม่บ้านเอากลับบ้านไปโดยความไม่รู้ ผ่านมา 3 เดือนแขกมาตามหาหนังสือเล่มนั้น สอบสวนมาว่าแม่บ้านเอากลับบ้านไป โทษคือ "ไล่ออก" นะคะ
ตอบจากปสก Front office โรงแรม 5ดาว
และ ปสก คนเดินทางตปท ถือว่าบ่อยค่ะ
ถ้าไม่ถูกใจต้องขอโทษด้วยนะคะ
จากกรณีจขกท ถ้าเป็นช่วงเวลา 9-12.00 บอกเลยว่าทางโรงแรมไม่ผิดค่ะ เพราะนี่คือเวลาทำห้องโดยสากล รูมบอยจะกดออด 3 ครั้งและยืนรอหน้าห้องประมาณ5 นาที ถ้าลูกค้าไม่ตอบเค้าจะเข้าไปทำห้องหรือเก็บถุง laundry โรงแรมระดับ 4-5 ดาวลูกค้าไม่จำเป็นต้องแขวนป้ายให้ทำห้องค่ะ แม่บ้านต้องทำอยู่แล้วทุกวัน กลับกันถ้ารูมบอยไม่เข้าไปทำห้อง นั่นแหละค่ะความผิดเค้า ถ้าลค ต้องการความเป็นส่วนตัว จำเป็นจะต้องแขวนป้าย DND ค่ะ แล้วแบบนั้นพนักงานจะแขวนถุงผ้าไว้ให้หน้าห้อง หรือโทรมาหาเวลาบ่าย 2 เพื่อย้ำเวลาเข้าทำห้องค่ะ
Edit: ขอยกมาตอบตรงนี้นะคะ
การกดป้าย make up room พูดตามภาษาโรงแรมก้อคือ ป้ายลัดคิวเพื่อให้มาทำห้องก่อน โดยปกติแล้วหลังบรีฟ แม่บ้านทุกคนจะมีเอกสารเพื่อให้ทำห้องค่ะ โดยจะเริ่มจาก
- แขก in-house ที่กดปุ่ม make up room
- แขก in-house
โดยทั้งสองกรณีนี้ ควรจะต้องเสร็จก่อนเที่ยง
และหลังเที่ยง แม่บ้านจะเริ่มทำ ห้องแขก check-out ค่ะ
ประเด็นเรื่องความปลอดภัย
แม่บ้านทุกคนจะต้องเซ็นต์รับ master key โดยที่การ์ดระบุความเป้นเจ้าของไว้ ทางโรงแรมสามารถอ่านคีย์ที่เปิดเขาห้องแขกได้ทุกใบ ย้ำว่าทุกใบค่ะ ในกรณีที่เกิดปัญหาเรื่องของหายหรืออะไรก้อแล้วแต่ ดังนั้นไม่มีพนักงานคนไหนเสียงที่จะเอาอาชีพการงาน และประวัติเสียติดตัวหรอกค่ะ
แม้กระทั่งหนังสือหรือ magazine ที่แขกทิ้งไว้ในห้อง แล้วแม่บ้านเอากลับบ้านไปโดยความไม่รู้ ผ่านมา 3 เดือนแขกมาตามหาหนังสือเล่มนั้น สอบสวนมาว่าแม่บ้านเอากลับบ้านไป โทษคือ "ไล่ออก" นะคะ
ตอบจากปสก Front office โรงแรม 5ดาว
และ ปสก คนเดินทางตปท ถือว่าบ่อยค่ะ
ถ้าไม่ถูกใจต้องขอโทษด้วยนะคะ
ความคิดเห็นที่ 10
ขั้นตอนมาตรฐานของโรงแรม
เมื่อพ้นช่วงเวลาหลังอาหารเช้าไปสักชั่วโมง บรราดาคลีนเนอร์จะเริ่มทำงาน
เริ่มจากห้องที่ chk-out ไปแล้ว และต่อด้วยห้องที่ยังไม่ chk-out
กรณี หน้าห้องแขวน/ติด ป้ายว่า do not disturb ก็จะผ่านไป บางโรงแรม จะเอาผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ในห้องน้ำใส่ถุงแขวนไว้หน้าประตู
กรณี หน้าห้องไม่ได้แขวน/ติด ป้ายว่า do not disturb ไว้ โดยปรกติจะกดกริ่งห้องก่อน สักพักเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากด้านในห้อง จะทำการไขกุญแจ/คีย์การด์ เข้ามาทำความสะอาดห้อง
กรณีนี้ถือเป็นขั้นตอนการปฎิบัติงานเป็นมาตรฐานของโรงแรมทุกโรงแรมทั่วโลก . . .
กรณีของคุณเจ้าของกระทู้ ไหน้าห้องไม่ได้ติด/แขวน ป้ายว่า do not disturb หลังจากคลีนเนอร์กดกริ่งแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับจึงเปิดประตู้เพื่อเข้าไปทำคงามสะอาดห้อง ถือว่าปฎิบัติหน้าที่ "ถูกต้อง" ทุกประการ รวมถึงคุณเจ้าของกระทู้ ไม่ได้คล้องโซ่ หรือ ใช้ล๊อกประตูเพิ่มอีกอันจากด้านในเอง จึงทำให้คลีนเนอร์เข้ามาในห้องได้
เมื่อพ้นช่วงเวลาหลังอาหารเช้าไปสักชั่วโมง บรราดาคลีนเนอร์จะเริ่มทำงาน
เริ่มจากห้องที่ chk-out ไปแล้ว และต่อด้วยห้องที่ยังไม่ chk-out
กรณี หน้าห้องแขวน/ติด ป้ายว่า do not disturb ก็จะผ่านไป บางโรงแรม จะเอาผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ในห้องน้ำใส่ถุงแขวนไว้หน้าประตู
กรณี หน้าห้องไม่ได้แขวน/ติด ป้ายว่า do not disturb ไว้ โดยปรกติจะกดกริ่งห้องก่อน สักพักเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากด้านในห้อง จะทำการไขกุญแจ/คีย์การด์ เข้ามาทำความสะอาดห้อง
กรณีนี้ถือเป็นขั้นตอนการปฎิบัติงานเป็นมาตรฐานของโรงแรมทุกโรงแรมทั่วโลก . . .
กรณีของคุณเจ้าของกระทู้ ไหน้าห้องไม่ได้ติด/แขวน ป้ายว่า do not disturb หลังจากคลีนเนอร์กดกริ่งแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับจึงเปิดประตู้เพื่อเข้าไปทำคงามสะอาดห้อง ถือว่าปฎิบัติหน้าที่ "ถูกต้อง" ทุกประการ รวมถึงคุณเจ้าของกระทู้ ไม่ได้คล้องโซ่ หรือ ใช้ล๊อกประตูเพิ่มอีกอันจากด้านในเอง จึงทำให้คลีนเนอร์เข้ามาในห้องได้
ความคิดเห็นที่ 213
เสียดายจขกท.จะไม่กลับมาแล้ว เพราะเราไปอ่านกระทู้เก่าๆ แล้วงงมากกับไทม์ไลน์ชีวิตรัก (เรายอมรับว่าเราเผือกหนักมาก แต่จขกท.ก็เป็นบุคคลผู้ให้ความบันเทิงต่อสังคมคุณภาพแห่งนี้แล้วค่ะ ต้องทำใจนะ)
ช่วงต้นปี 2014 มีแฟนเป็นคนสิงคโปร์ที่เจอกันในเฟซ แล้วนัดเจอกันเพราะจขกท.ขอยืมเงินเค้ามาจ่ายค่าเทอม
พอเดือนพ.ค. 2014 ก็ตั้งกระทู้ว่าโสดและเหงา
แต่เดือนก.ค. 2014 จะแต่งงานเว้ยเฮ้ย! เออ.....คงกลับไปคืนดีกันแล้วแต่งเลย
แต่พอก.ย. เริ่มไม่แน่ใจอีกละว่าแต่งดีหรือไม่ดี ถ้าแต่งแล้วก็ไม่อยากทำงานอ่ะ อยากเป็นแม่บ้านเฉยๆ ถ้าจะให้ทำงานก็ไม่อยากทำงานบ้านอ่ะ จากนั้นก็ไม่โพสต์อะไรเรื่องนี้ละ
แต่พอก.พ. 2015 คุยกันเรื่องสินสอดเรียบร้อย อ่ะ....โอเคตกลงกันได้สักที
แล้วในที่สุดก็ได้แต่งจริงๆ น่าจะช่วงพ.ย. 2015 แต่สามีเป็นมาเลย์!!!!!
อ้าว.......เฮ้ย!!!! จากสิงคโปร์กลายเป็นมาเลเซียได้ไงฟระ????? คือถ้าบอกว่าเลิกกับสิงค์ มันมีแก็บแค่ไม่กี่เดือนเองนะระหว่างแต่ละเหตุการณ์เนี่ย
เปลี่ยนแฟนที่คบถึงขั้นแต่งงานได้ทั้ง 2 คนในระยะเวลากระชั้นชิดไม่ต่างกับเปลี่ยนงานเลย น้องมีเคล็ดลับยังไงอ่ะ เผื่อคนข้างๆ จะขอพี่แต่งงานบ้าง
ถ้าผ่านเข้ามาแวะมาชี้แจง + ด่าความเผือกของพี่ได้นะ
ช่วงต้นปี 2014 มีแฟนเป็นคนสิงคโปร์ที่เจอกันในเฟซ แล้วนัดเจอกันเพราะจขกท.ขอยืมเงินเค้ามาจ่ายค่าเทอม
พอเดือนพ.ค. 2014 ก็ตั้งกระทู้ว่าโสดและเหงา
แต่เดือนก.ค. 2014 จะแต่งงานเว้ยเฮ้ย! เออ.....คงกลับไปคืนดีกันแล้วแต่งเลย
แต่พอก.ย. เริ่มไม่แน่ใจอีกละว่าแต่งดีหรือไม่ดี ถ้าแต่งแล้วก็ไม่อยากทำงานอ่ะ อยากเป็นแม่บ้านเฉยๆ ถ้าจะให้ทำงานก็ไม่อยากทำงานบ้านอ่ะ จากนั้นก็ไม่โพสต์อะไรเรื่องนี้ละ
แต่พอก.พ. 2015 คุยกันเรื่องสินสอดเรียบร้อย อ่ะ....โอเคตกลงกันได้สักที
แล้วในที่สุดก็ได้แต่งจริงๆ น่าจะช่วงพ.ย. 2015 แต่สามีเป็นมาเลย์!!!!!
อ้าว.......เฮ้ย!!!! จากสิงคโปร์กลายเป็นมาเลเซียได้ไงฟระ????? คือถ้าบอกว่าเลิกกับสิงค์ มันมีแก็บแค่ไม่กี่เดือนเองนะระหว่างแต่ละเหตุการณ์เนี่ย
เปลี่ยนแฟนที่คบถึงขั้นแต่งงานได้ทั้ง 2 คนในระยะเวลากระชั้นชิดไม่ต่างกับเปลี่ยนงานเลย น้องมีเคล็ดลับยังไงอ่ะ เผื่อคนข้างๆ จะขอพี่แต่งงานบ้าง
ถ้าผ่านเข้ามาแวะมาชี้แจง + ด่าความเผือกของพี่ได้นะ
ความคิดเห็นที่ 23
เฮ้อ ในที่สุดที่เราคิดก็จริง คืออยากจะพูดนิดนึงในฐานะที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติเหมือนกัน เวลาเราไปไหน ทำอะไร เราจะทำตัวให้ง่ายที่สุด ติดดินที่สุด ไม่เวอร์ ไม่เรื่องมาก เพราะในฐานะที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติ เวลาไปไหนมาไหน มันเหมือนมีป้ายติดที่หน้าผาก ว่า เยอะ เวอร์ เรื่องมาก ไม่มีมารยาท ติดไว้ที่หน้าผาก ทำใจให้สงบ แล้วลองอ่านแต่ละคำตอบ ไม่ใช่เอาใจตัวเองเป็นที่ตั้ง หรือเอาคำตอบของสามีที่พยายามเอาใจคุณเป็นคำตอบ มันมีกฏ มีมารยาท ในสังคมที่ต้องทำตาม และพวกภรรยาชาวต่างชาติทั้งหลายไม่แคร์ และไม่สนใจที่จะทำตาม ทำไมไม่ลองพยายามแก้ภาพพจน์พวกนี้ในฐานะทีมีสามีเป็นชาวต่างชาติกันคะ
แสดงความคิดเห็น
แบบนี้พอเอาผิดโรงแรมได้บ้างไหมคะ ตกใจมากๆทำไมทำกันแบบนี้