หนังเสียงเรื่องแรกของ Hitchcock และประเทศอังกฤษ !
IMDB: 7
Rotten Tomatoes: 90%
Director: Alfred Hitchcock
Casts: Anny Ondra, John Longden & more
Theme: Crime, Thriller
เนื้อเรื่องโดยสังเขป
เมื่อจู่ๆ Alice White แฟนสาวจอมขี้งอนเอาแต่ใจเกิดทะเลาะกับแฟนหนุ่ม Frank Webber นายตำรวจหนุ่มฝีมือดีประจำ Scotland Yard กลางโต๊ะดินเนอร์ ทำให้เธอตัดสินใจตอบรับคำชวนออกเดทกับ Mr. Crewe หนุ่มศิลปินจิตกรอีกคนแก้เซงแทน แต่เหตุการณ์พลิกล้อตเพราะเขาคิดจะข่มขืนเธอ ซึ่งนั่นทำให้เธอพลั้งมือฆ่าเขา Frank ได้รับหน้าที่ในการไขคดีและค้นพบว่าแฟนสาวของเขานั้นคือฆาตกร เขาคิดจะปกปิดหลักฐานแต่จู่ๆ ก็มีชายนิรนามรู้ความจริงและคิดจะข่มขู่พวกเขาทั้งสอง
เกร็ดเล็กๆ
1) เริ่มแรกทีหนังถูกสร้างให้เป็นหนังเงียบ แต่เพื่อสร้างรายและชื่อเสียง โปรดิ๊วเซอร์ John Maxwell จึงมอบหมายหน้าที่ให้ Hitchcock ใส่เสียงพูดลงไปด้วย แต่กระนั้นตัวปู่ Hitchcock เองกลับคิดว่ามันไร้สาระบ้าบอคอแตก ภาพรวมหนังดูไม่กระจ่าง และอีกทั้งโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่เองก็ยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ในการใช้หนังเสียง
2) Blackmail ฉบับเสียงถูกนำมาฉายก่อนและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ไม่นานนักฉบับเงียบออกฉายตามมา ซึ่งมีความยาวมากกว่า อีกทั้งได้รับความนิยมและวิจารณ์ว่าดีมากกว่าฉบับแรก
3) Blackmail ได้รับการโวตจากประชาชนว่าเป็นหนังอังกฤษที่ดีที่สุดในปี 1929
4) หนังเสียงเรื่องต้นๆ ของสหราชอาณาจักรที่ใช้เสียงพูดตลอดทั้งเรื่อง ส่วนของฝั่งอเมริกาเองทางค่าย Warner Brothers ปล่อยหนังเสียงเรื่องแรกคือ Lights of New York 1928
5) Alice White นางเอกคนสวยของเรา...ไม่ใช่เสียงของเจ้าตัวนะ ด้วยความเป็นชาว Czech จ๋าของนางเอกนำ Anny Ondra สำเนียงเธอเลยฟังยากมากๆ จึงต้องด่วนแก้ไข...ยังไงน่ะหรอ ? ก็พากย์ไง แต่ไอ้พากย์ที่ว่าเนี่ยไม่ได้พากย์ทับ (post-dub) แบบหนังสมัยนี้นะคะ แต่เป็นการนำเอานักแสดงหญิง Joan Barry มาให้เสียงแทนและให้ตัวของ Ondra ลิปซิงค์ตามเสียง
วิจารณ์
เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วไม่ได้หนักอะไรมาก ดำเนินเรื่องกระชับ ระหว่างดูฉันมั่นใจเลยว่าคนดูท่านอื่นต้องรู้สึกเหมือนกับฉัน..ในการมีความรู้สึกอึดอัดร่วมตาม Alice ตัวเอกหลัก Anny Ondra ผู้รับบทนี้เล่นตะกุกตะกักกังวลทั้งเรื่อง บางซีนมีเล่นใหญ่มาก ฉันไม่ทราบว่าเป็นเพราะเป็นหนังเงียบหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเธอรู้สึกเก้กัง ไม่สะดวกสบายกับการแสดงพร้อมกับการต้องลิปซิงค์ปากตามเสียงหลักของ Barry ส่วนนักแสดงสมทบรายอื่นเล่นดีค่ะ ชอบบรรยากาศในเรื่องนะ ตัวละครดูบ้านๆดี ผู้หญิงผมกระเซอะกระเซิงแต่งตัวลุ่มล่าม รวมถึงบรรยากาศปี 1920 จริงๆ
หนังเปิดด้วยการเล่าคร่าวเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจไม่ว่าจะเป็นตามจับผู้ต้องสงสัย สอบปากคำ พยานชี้ตัว บันลึกลายนิ้วมือ เข้าห้องขัง หนังเน้นย้ำอยู่ตรงมือ พยานหลักฐานและอาชญากรรม ซึ่งมันคือการใจความหลักๆของเรื่องนั่นเอง
หนังมีกลิ่นอายของความเป็น Hitchcock จริงๆ อย่างเช่นสาวสวยผมบลอนด์ผู้กระทำผิด, ตกอยู่ในอันตราย รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม, การใช้สถานที่ชื่อดังในการไล่ล่าระหว่างตัวเอกและตัวร้ายในฉากจบ ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีเช่นกันค่ะ เป็นฉากไล่ล่าที่ British Museum หวาดเสียวไม่แพ้กัน, ตำรวจไร้ฝีมือ-ผู้ชายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด-โดนใส่ร้าย นอกจากนี้จะเป็นการพูดเกี่ยวกับฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบ, คนไม่ดีต้องกินไข่ สืบเนื่องมาจากตัวปู่อ้างว่าเขาเกลียดไข่เพราะมันน่าขยะแขยงทั้งภายในและนอก
เทคนิค Schüfftan process
Schüfftan process จากภาพยนตร์ของ Fritz Lang จากหนัง Metropolis 1927
ฉากไล่ล่าใน British Museum เป็นฉากไฮไลท์ของ Hitchcock เลยก็ว่าได้ เขาไม่ได้แจ้งให้โปร์ดิ๊วเซอร์ทราบก่อนว่าจะใช้เทคนิค Schüfftan process ในการถ่ายทำ มันคือทริคการเล่นกับสายตา รูปฉาก มุมกล้อง และกระจก ซึ่งเป็นที่ค่อนข้างแพร่หลายในยุคต้นๆของศตวรรษที่ 20 ในฉากดูเหมือนว่าเจ้าตัวแสบ Tracy และตำรวจวิ่งไล่ล่ากันถึงเก้าที่ในพิพิธภัณฑ์ ทั้งที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้เข้าไปถ่ายทำจริงๆ ด้วยซ้ำ
ภายหลังตัวปู่เองก็ยังใช้เทคนิคนี้ในหนังเรื่องอื่นด้วยอาทิ The Ring 1927, The Man Who Knew Too Much 1934 ใน the Albert Hall และ The 39 Steps 1935 ในฉากจบ London Palladium ตามด้านล่าง ซึ่งเราจะเห็นแค่กลุ่มคนทางด้านขวาขยับแต่ส่วนอื่นจะไม่เลยซึ่งไม่มั่นใจว่าเป็นภาพถ่ายหรือว่าภาพวาด และแน่นอนคนดูไม่ทันสังเกตหรอกเพราะเราจะไปสนใจในส่วนที่นักแสดงขยับมากกว่า
( สปอยล์เนื้อ แต่ไม่สปอยล์ตอนจบ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากเด็ดๆ ที่ปู่ Hitchcock โชว์ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเสียงเพื่อสื่อความหมายทางภาพและความ รู้สึก มันกลายเป็นฉากที่ติดหู ติดตา คือฉากการเน้นเล่นคำว่า Knife โดยที่เพื่อนบ้านจอมปากมากที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุฆาตกรรม กับครอบครัวของเธอระหว่างรับประทานอาหารเช้า
ผลงานภาพอื่นๆ อาทิเช่นการตัดต่อแบบ montage นั้นมีถ่ายมาเป็นช่วงๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนฉากการเล่นคำว่า knife เป็นเหตุการณ์ช่วง Alice กำลังเดินกลับบ้าน และเธอเห็นภาพแขนของชาวบ้านและนำไปเปรียบเทียบกับแขนศพที่เธอพึ่งสังหาร ซึ่งนั้นทำให้เธอหลอน และหวาดกลัว ทำให้คนดูรู้สึกตาม (ที่เราไม่เห็นศพก็เพราะอย่างนี้แหละ เราจะโฟกัสแค่แขนของศพแทน นั่นคือการสร้างความร่วมกับ Alice) นอกจาก Hitchcock จะโชว์สกิลในการสร้างให้เรามีความรู้สึกร่วมแล้วยังต่อยอดด้วยการใช้ประโยชน์จากการตัดต่อสับไปมาระหว่างแขนในการบิ๊วไปถึงฉากพบศพ ซึ่งนั่นเป็นฉากที่เจ๋งสุดๆ ฉันนี่ตกใจเสียงป้าหวีดร้อง เพราะตอนแรกคาดไว้อีกแบบ
สรุปและหาซื้อ
หนังที่ดูแล้วอึกระทึก อึดอัดได้พอสมควรเลย จะมีแอบหงุดหงิดกับการกระตุกและจังหวะของภาพดูผิดเพี้ยน ภาพเคลื่อนไหวสมัยนั้นยังพึ่งอยู่ในช่วงต้นๆอยู่เลยอาจทำให้ไม่ชินตา แอบขำฉากเดินเหมือนกลายเป็นวิ่ง ไม่ทราบชัดว่าเกี่ยวข้องข้องกับเฟรมเร็ทหรือเปล่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังเก่าที่สุดที่ฉันเคยดูมาแถมเป็นหนังเสียงเรื่องแรกของประเทศอังกฤษอีก รู้สึกแอบภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับท่านผู้สนใจหาซื้อได้ตามเน็ตเหมือนเคย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีบรรยายไทยค่ะ
– ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ –
Classic Reviewer
[CR] Classic Reviewer ::: Blackmail 1929 [หนังเสียงเรื่องแรกของ Hitchcock และอังกฤษ]
เนื้อเรื่องโดยสังเขป
เมื่อจู่ๆ Alice White แฟนสาวจอมขี้งอนเอาแต่ใจเกิดทะเลาะกับแฟนหนุ่ม Frank Webber นายตำรวจหนุ่มฝีมือดีประจำ Scotland Yard กลางโต๊ะดินเนอร์ ทำให้เธอตัดสินใจตอบรับคำชวนออกเดทกับ Mr. Crewe หนุ่มศิลปินจิตกรอีกคนแก้เซงแทน แต่เหตุการณ์พลิกล้อตเพราะเขาคิดจะข่มขืนเธอ ซึ่งนั่นทำให้เธอพลั้งมือฆ่าเขา Frank ได้รับหน้าที่ในการไขคดีและค้นพบว่าแฟนสาวของเขานั้นคือฆาตกร เขาคิดจะปกปิดหลักฐานแต่จู่ๆ ก็มีชายนิรนามรู้ความจริงและคิดจะข่มขู่พวกเขาทั้งสอง
เกร็ดเล็กๆ
1) เริ่มแรกทีหนังถูกสร้างให้เป็นหนังเงียบ แต่เพื่อสร้างรายและชื่อเสียง โปรดิ๊วเซอร์ John Maxwell จึงมอบหมายหน้าที่ให้ Hitchcock ใส่เสียงพูดลงไปด้วย แต่กระนั้นตัวปู่ Hitchcock เองกลับคิดว่ามันไร้สาระบ้าบอคอแตก ภาพรวมหนังดูไม่กระจ่าง และอีกทั้งโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่เองก็ยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ในการใช้หนังเสียง
2) Blackmail ฉบับเสียงถูกนำมาฉายก่อนและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ไม่นานนักฉบับเงียบออกฉายตามมา ซึ่งมีความยาวมากกว่า อีกทั้งได้รับความนิยมและวิจารณ์ว่าดีมากกว่าฉบับแรก
3) Blackmail ได้รับการโวตจากประชาชนว่าเป็นหนังอังกฤษที่ดีที่สุดในปี 1929
4) หนังเสียงเรื่องต้นๆ ของสหราชอาณาจักรที่ใช้เสียงพูดตลอดทั้งเรื่อง ส่วนของฝั่งอเมริกาเองทางค่าย Warner Brothers ปล่อยหนังเสียงเรื่องแรกคือ Lights of New York 1928
5) Alice White นางเอกคนสวยของเรา...ไม่ใช่เสียงของเจ้าตัวนะ ด้วยความเป็นชาว Czech จ๋าของนางเอกนำ Anny Ondra สำเนียงเธอเลยฟังยากมากๆ จึงต้องด่วนแก้ไข...ยังไงน่ะหรอ ? ก็พากย์ไง แต่ไอ้พากย์ที่ว่าเนี่ยไม่ได้พากย์ทับ (post-dub) แบบหนังสมัยนี้นะคะ แต่เป็นการนำเอานักแสดงหญิง Joan Barry มาให้เสียงแทนและให้ตัวของ Ondra ลิปซิงค์ตามเสียง
วิจารณ์
เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วไม่ได้หนักอะไรมาก ดำเนินเรื่องกระชับ ระหว่างดูฉันมั่นใจเลยว่าคนดูท่านอื่นต้องรู้สึกเหมือนกับฉัน..ในการมีความรู้สึกอึดอัดร่วมตาม Alice ตัวเอกหลัก Anny Ondra ผู้รับบทนี้เล่นตะกุกตะกักกังวลทั้งเรื่อง บางซีนมีเล่นใหญ่มาก ฉันไม่ทราบว่าเป็นเพราะเป็นหนังเงียบหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเธอรู้สึกเก้กัง ไม่สะดวกสบายกับการแสดงพร้อมกับการต้องลิปซิงค์ปากตามเสียงหลักของ Barry ส่วนนักแสดงสมทบรายอื่นเล่นดีค่ะ ชอบบรรยากาศในเรื่องนะ ตัวละครดูบ้านๆดี ผู้หญิงผมกระเซอะกระเซิงแต่งตัวลุ่มล่าม รวมถึงบรรยากาศปี 1920 จริงๆ
หนังเปิดด้วยการเล่าคร่าวเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจไม่ว่าจะเป็นตามจับผู้ต้องสงสัย สอบปากคำ พยานชี้ตัว บันลึกลายนิ้วมือ เข้าห้องขัง หนังเน้นย้ำอยู่ตรงมือ พยานหลักฐานและอาชญากรรม ซึ่งมันคือการใจความหลักๆของเรื่องนั่นเอง
หนังมีกลิ่นอายของความเป็น Hitchcock จริงๆ อย่างเช่นสาวสวยผมบลอนด์ผู้กระทำผิด, ตกอยู่ในอันตราย รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม, การใช้สถานที่ชื่อดังในการไล่ล่าระหว่างตัวเอกและตัวร้ายในฉากจบ ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีเช่นกันค่ะ เป็นฉากไล่ล่าที่ British Museum หวาดเสียวไม่แพ้กัน, ตำรวจไร้ฝีมือ-ผู้ชายถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด-โดนใส่ร้าย นอกจากนี้จะเป็นการพูดเกี่ยวกับฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบ, คนไม่ดีต้องกินไข่ สืบเนื่องมาจากตัวปู่อ้างว่าเขาเกลียดไข่เพราะมันน่าขยะแขยงทั้งภายในและนอก
เทคนิค Schüfftan process
ภายหลังตัวปู่เองก็ยังใช้เทคนิคนี้ในหนังเรื่องอื่นด้วยอาทิ The Ring 1927, The Man Who Knew Too Much 1934 ใน the Albert Hall และ The 39 Steps 1935 ในฉากจบ London Palladium ตามด้านล่าง ซึ่งเราจะเห็นแค่กลุ่มคนทางด้านขวาขยับแต่ส่วนอื่นจะไม่เลยซึ่งไม่มั่นใจว่าเป็นภาพถ่ายหรือว่าภาพวาด และแน่นอนคนดูไม่ทันสังเกตหรอกเพราะเราจะไปสนใจในส่วนที่นักแสดงขยับมากกว่า
( สปอยล์เนื้อ แต่ไม่สปอยล์ตอนจบ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปและหาซื้อ
หนังที่ดูแล้วอึกระทึก อึดอัดได้พอสมควรเลย จะมีแอบหงุดหงิดกับการกระตุกและจังหวะของภาพดูผิดเพี้ยน ภาพเคลื่อนไหวสมัยนั้นยังพึ่งอยู่ในช่วงต้นๆอยู่เลยอาจทำให้ไม่ชินตา แอบขำฉากเดินเหมือนกลายเป็นวิ่ง ไม่ทราบชัดว่าเกี่ยวข้องข้องกับเฟรมเร็ทหรือเปล่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังเก่าที่สุดที่ฉันเคยดูมาแถมเป็นหนังเสียงเรื่องแรกของประเทศอังกฤษอีก รู้สึกแอบภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับท่านผู้สนใจหาซื้อได้ตามเน็ตเหมือนเคย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีบรรยายไทยค่ะ
– ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ –
Classic Reviewer