เหมือนเป็นความเชื่อแต่โบราณกาล หรือว่าทึกทักกันไปเองก็ไม่รู้ ประมาณว่า ถ้าเวลาเลี้ยวซ้ายก็เปิดไฟเลี้ยวซ้าย ถ้าจะเลี้ยวขวาก็เปิดไฟเลี้ยวขวา ดังนั้นถ้าจะตรงไป ก็เปิดไฟผ่าหมากมันซะเลย
แต่หารู้ไม่ว่า การเปิดไฟฉุกเฉินหรือที่เรียกว่าไฟผ่าหมากนั้น มันอันตรายมาก เพราะรถที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งจะเห็นสัญญาณไฟแค่ข้างเดียว แล้วจะคิดว่าคุณต้องการเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
วันนี้สดๆร้อนๆ ผมเจอเหตุการณ์นี้ที่สี่แยกบนถนนเส้นบางบอน5 ตามภาพ
รถปิคอัพที่วิ่งอยู่หลังรถเก๋ง กำลังเปิดไฟฉุกเฉิน (ในภาพอาจเห็นไม่ชัด) ซึ่งในมุมมองของรถผม จะเห็นแค่ไฟข้างเดียว เลยคิดว่าเขาต้องการเลี้ยวขวา ( ทางซ้ายของผม )
ตามภาพอาจจะเหมือนระยะดูห่างกับรถผม แต่ความจริงใกล้มาก เพราะรถผมกำลังเคลื่อนที่ ( แคปภาพจากกล้องหน้ารถเพราะขี้เกียจโหลดลง youtube ) ผมกำลังจะเลี้ยวขวา ก็เตรียมตัวจะเลี้ยวเต็มที่หลังจากรถเก๋งที่กำลังวิ่งตรงผ่านไปแล้ว เพราะคิดว่ารถข้างหลังกำลังจะเลี้ยวขวา
ปรากฏว่าต้องรีบหักพวงมาลัยกลับแทบไม่ทัน เพราะรถปิคอัพคันนั้นไม่ได้เลี้ยวขวา แต่ดันเปิดไฟผ่าหมากเพื่อจะตรงมาตามหลังรถเก๋ง ซึ่งมุมมองของผมจะคิดว่าเขาจะเลี้ยวขวา ( ในขณะที่มุมมองของรถที่อยู่อีกแยกหนึ่ง จะคิดว่าเขาต้องการเลี้ยวซ้าย )
คือความจริง เคสนี้ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ผมต้องเบรคหัวทิ่มหรือว่าอันตรายอะไรมากมาย เพราะผมไม่ได้ใช้ความเร็วอะไรนัก แต่ต้องการสื่อให้เห็นว่าความเข้าใจผิดเรื่องการเปิดไฟผ่าหมากตรงทางแยกของใครหลายๆคน มันทำให้ผู้ร่วมทางคนอื่นทุกมุมและทุกแยกสับสนว่าคุณจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือว่าตรงไปกันแน่
ทางตำรวจจราจรน่าจะช่วยรณรงค์เรื่องนี้หน่อยนะครับ ไม่งั้นคนไม่รู้ก็จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำตามๆกันไป หากไม่ระมัดระวังก็อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเป็นอุบัติเหตุไม่ร้ายแรงมาก แต่ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนก็จะเกิดปัญหาจราจรตามมา
อ้อ ! ไม่ใช่แค่เฉพาะเปิดไฟฉุกเฉินตอนผ่านทางแยกนะครับ เวลาฝนตกหนัก ก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินเช่นกัน เห็นบ่อยมาก ไม่รู้ใครสอนกันมา กระพริบๆๆๆ สร้างความรำคาญสายตากับรถที่วิ่งตามหลังเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ทำให้เราไม่รู้ด้วยว่ารถที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเปลี่ยนเลน ณ ตอนไหน ยังไง
ความจริง ชื่อมันก็บอกชัดเจนแล้วนะว่า "ไฟฉุกเฉิน" หากคนขับรถรู้จัก "ฉุกคิด" สักนิด ก็น่าจะรู้ว่า ตอนไหนคือสถานการณ์ฉุกเฉิน หากใช้พร่ำเพรื่อเราจะเรียกว่าไฟฉุกเฉินทำไม เนอะ
เมื่อไหร่คนไทยจะเลิกเข้าใจผิดเรื่องการใช้ไฟฉุกเฉินเวลาจะขับตรงไปเสียที
แต่หารู้ไม่ว่า การเปิดไฟฉุกเฉินหรือที่เรียกว่าไฟผ่าหมากนั้น มันอันตรายมาก เพราะรถที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งจะเห็นสัญญาณไฟแค่ข้างเดียว แล้วจะคิดว่าคุณต้องการเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
วันนี้สดๆร้อนๆ ผมเจอเหตุการณ์นี้ที่สี่แยกบนถนนเส้นบางบอน5 ตามภาพ
รถปิคอัพที่วิ่งอยู่หลังรถเก๋ง กำลังเปิดไฟฉุกเฉิน (ในภาพอาจเห็นไม่ชัด) ซึ่งในมุมมองของรถผม จะเห็นแค่ไฟข้างเดียว เลยคิดว่าเขาต้องการเลี้ยวขวา ( ทางซ้ายของผม )
ตามภาพอาจจะเหมือนระยะดูห่างกับรถผม แต่ความจริงใกล้มาก เพราะรถผมกำลังเคลื่อนที่ ( แคปภาพจากกล้องหน้ารถเพราะขี้เกียจโหลดลง youtube ) ผมกำลังจะเลี้ยวขวา ก็เตรียมตัวจะเลี้ยวเต็มที่หลังจากรถเก๋งที่กำลังวิ่งตรงผ่านไปแล้ว เพราะคิดว่ารถข้างหลังกำลังจะเลี้ยวขวา
ปรากฏว่าต้องรีบหักพวงมาลัยกลับแทบไม่ทัน เพราะรถปิคอัพคันนั้นไม่ได้เลี้ยวขวา แต่ดันเปิดไฟผ่าหมากเพื่อจะตรงมาตามหลังรถเก๋ง ซึ่งมุมมองของผมจะคิดว่าเขาจะเลี้ยวขวา ( ในขณะที่มุมมองของรถที่อยู่อีกแยกหนึ่ง จะคิดว่าเขาต้องการเลี้ยวซ้าย )
คือความจริง เคสนี้ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ผมต้องเบรคหัวทิ่มหรือว่าอันตรายอะไรมากมาย เพราะผมไม่ได้ใช้ความเร็วอะไรนัก แต่ต้องการสื่อให้เห็นว่าความเข้าใจผิดเรื่องการเปิดไฟผ่าหมากตรงทางแยกของใครหลายๆคน มันทำให้ผู้ร่วมทางคนอื่นทุกมุมและทุกแยกสับสนว่าคุณจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือว่าตรงไปกันแน่
ทางตำรวจจราจรน่าจะช่วยรณรงค์เรื่องนี้หน่อยนะครับ ไม่งั้นคนไม่รู้ก็จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำตามๆกันไป หากไม่ระมัดระวังก็อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเป็นอุบัติเหตุไม่ร้ายแรงมาก แต่ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนก็จะเกิดปัญหาจราจรตามมา
อ้อ ! ไม่ใช่แค่เฉพาะเปิดไฟฉุกเฉินตอนผ่านทางแยกนะครับ เวลาฝนตกหนัก ก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินเช่นกัน เห็นบ่อยมาก ไม่รู้ใครสอนกันมา กระพริบๆๆๆ สร้างความรำคาญสายตากับรถที่วิ่งตามหลังเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ทำให้เราไม่รู้ด้วยว่ารถที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเปลี่ยนเลน ณ ตอนไหน ยังไง
ความจริง ชื่อมันก็บอกชัดเจนแล้วนะว่า "ไฟฉุกเฉิน" หากคนขับรถรู้จัก "ฉุกคิด" สักนิด ก็น่าจะรู้ว่า ตอนไหนคือสถานการณ์ฉุกเฉิน หากใช้พร่ำเพรื่อเราจะเรียกว่าไฟฉุกเฉินทำไม เนอะ