ฝาก like ให้เพจผมให้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/littleduckinthefog
ในที่สุดการเดินทางที่รอมานานแสนนานก็ได้เริ่มซักที20 ธันวาคม2558 18:00 ยืนตรงเคารพธงชาติสิครับ แล้วผมจะบอกว่าทำ plan เที่ยวมาทั้งปี เก็บเงินมาทั้งปีก็เพื่อการเดินทางวันนี้จนถึงสิ้นปีนี่แหละครับ ทริปนี้เป็นทริปที่พิเศษสุดสุดจริงๆ จนไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตนี้เราจะไปยุโรปกันเองได้บร๊ะเจ้าๆๆ พร้อมกันหรือยังครับทุกคน ไปพร้อมกับผมกันเลยนะครับ
ทริปนี้เป็นการเดินทาง2 ประเทศคือประเทศฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเราจึงมีการเปลี่ยนแผนไปเปลี่ยนแผนมากันหลายครั้งกันเลยทีเดียว เพื่อความปลอดภัยของเราเอง และ ความสบายใจของแฟนผมละกันเนอะค่าใช้จ่ายไม่ต้องพูดถึง ลืมๆมันไปซักเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก cancel ตั๋วรถไฟบ้างไรบ้างจึงได้แผนออกมาคือเราจะนั่งเครื่องบินไปลงที่ Paris (CDG)และนั่งรถ Disneyland shuttle bus จากสนามบินไป Disneyland Paris เลยครับ และต่อรถไฟตอนเย็นไปเจนีวา ไป Chamonix Lyon Annecy และกลับมา Paris และขึ้นเครื่องกลับเลยครับ
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลาก็ตรงดิ่งไปนั่งใน Louge kingpower เลยครับก็โชคดีอย่างแรกเลยพอดีช่วงที่ไปเป็นช่วงวันเกิดแฟนผมพอดีเลยได้ upgrade ให้เข้า platinum kingpower Louge ด้วยแหละได้ free cocktail คนละแก้วนะเออ นั่งชิวขำๆก่อนขึ้นเครื่องไป
ช่วงนี้คนมาParis เยอะมากครับต่อคิวเข้าต.ม. ยาวโคตรๆ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองมาได้เราก็นั่ง CDGVAl มาลงที่ Terminal 2E แล้วต่อ Magical shuttle Disney ไป Disneyland Paris ทันทีครับ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับค่าโดยสารคนละ20 euro ครับ
เราต้องลงที่ Train station นะครับ รถจะส่งตามโรงแรมต่างๆในเขตDisney จนหมดและแล้วผมก็ลงป้ายสุดท้าย เลยสิครับ ฮ่าๆๆ ก็ต้องนั่ง Free shuttle bus คันยาวๆสีเหลืองกลับมาที่ Marne la Vallée-Chessy Train station อีกครั้งนึงครับ
เมื่อมาถึง Disneyland ผมก็จัดการกับกระเป๋าเดินทางโดยการไปฝากที่สถานีรถไฟ Marne la Vallée-Chessy โดยสถานที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ชั้น 2 ของสถานีครับ โดยเค้าจะเขียนว่า Consigne มีเครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติอยู่ด้านในครับ ตู้ใหญ่ 9.5 Euro ครับน่าจะทั้งวันนะถ้าผมจำไม่ผิด ค่าบริการก็จะขึ้นอยู่กับ ตู้เล็ก หรือ ตู้ใหญ่ และ ระยะเวลาในการฝากครับ
และแล้วก็มาถึง Parc disneyland จนได้ผ่าน security เข้าไปแทบหอบคนเยอะมากมายมหาศาลครับ ก็อย่างที่รู้ๆกันครับทาง Security ต้องเข้มงวดในการตรวจมากขึ้นกว่าเดิมครับ
ผมซื้อตั๋ว online มาแล้วในราคา 69 euro เข้าได้ park เดียวทั้งวันนะครับแล้วผมก็ Print ใบจองมายื่นที่หน้าประตูทางเข้าได้เลยครับ (ไม่ต้อง Scan voucher อะไรข้างหน้านะครับเดินเข้ามายื่นผ่านประตูได้เลย)พอเข้ามาเดินได้ซัก 10 นาทีก็มีการตรียมขบวน Parade ผู้คนและเด็กๆต่างมายืนรออย่างเป็นระเบียบ เพื่อรอขบวนพาเหรดอย่างตื่นเต้นครับ ชั่วโมงนั้นผู้คน และเด็กๆต่างกันร้องเพลงตามเพลง Chrismas ที่ขบวนพาเหรดเปิด
แก๊งนี้นี่นั่งรอกันอย่างใจจดใจจ่อครับ
ใน Parc มีต้นคริสต์มาสใหญ่ตามเทศกาลที่สวนสนุกประดับไว้ครับ
Shop ต่างๆใน Disneyland ประดับอย่างสวยงามครับ
และแล้วก็ได้เวลาขบวนพาเหรดเดินมาถึงจุดที่เรายืนอยู่ครับ
และแล้วขบวนพาเหรดก็มาถึงขบวนสุดท้าย ผู้คนก็ทยอยสลายตัวและมุ่งหน้าเดินไปที่ปราสาทด้านในกันต่อครับ
เมื่อมาถึงจุดปราสาทผู้คนจะยืนออกันถ่ายรูปเยอะมากครับ และตรงนี้ก็มีอีกหลายโซนที่ท่านสามารถเข้าชมได้ แต่สำหรับผมไม่มีเวลาแล้วละครับ เดินชมในโซนปราสาทได้ซัก 1 ชั่วโมงก็ต้องเดินทางไปสถานี Gare de lyon เพื่อที่จะเดินทางไป Geneva ต่อแล้วละครับ(คนฝรั่งเศสจะเรียกว่า เจ-เนฟ นะครับถ้าไปบอกเจนีวาเค้าไม่รู้เรื่องนะครับฮ่าๆๆ)
มีต้นถั่วยักษ์ด้วยจร้า....
ลาไปด้วยภาพพี่ Mickey ที่คอยอำลาอยู่ตรงทางออกครับ เสียดายเหมือนกันที่ใช้เวลาที่นี่ได้ไม่นาน แต่ด้วยแผนการเดินทางที่เราวางไว้ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบ ทำให้ได้มาใช้เวลาที่นี่แค่นี้แหละครับ
เสร็จจากภารกิจ Disneyland Paris ก็ไปตามหา outlet la Valle ที่ สถานนี Val d euro ซึ่งอยู่ห่างจาก Disneyland แค่ 1 ป้ายเท่านั้นครับ แต่ช่วงนี้ไม่มีรูปนะครับ เพราะเหนื่อยกับการแบกสัมภาระอย่างมากเลยไม่มีรูปมาฝาก ท่านสามารถเดินทางได้โดยออกจากสถานีมาเลี้ยวขวา ตรงข้ามถนนมา เดินทะลุห้างตรงยาวๆไปแต่ความคิดเราเองเราว่าเฉยๆนะสำหรับเรื่องแบบและราคา เมื่อรู้ว่าคงไม่ได้อะไรจากที่นี่ เราก็ไม่รอช้าหยอดตั๋ว rer ตรงดิ่งมาที่ gare de Lyon เลย ค่าตั๋ว6.9 euro ครับเพื่อที่จะต่อรถไฟที่จองไปGeneva ค่าตั๋ว 122 euro (ขากลับจาก Outlet la valle นั่งมา 2 สถานีมีตำรวจขึ้นมาพูด 1 ประโยคแล้วแมร่งก็ลงกันทั้งรถเกิดการแบกกระเป๋าหนัก 2 ครั้ง เดวคงจะชินไปเองกับเมืองใหญ่เนอะ)
สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่แล้วมีแผนนั่งรถไฟต่อไปเมืองอื่นแนะนำให้เผื่อเวลา 1:30 - 2:00 ไปเลยนะครับ กว่าจะคลำทางออกจาก RER เจอแล้วไปหา SNCF เล่นเอาได้เหงื่อพอตัวเลยทีเดียว ผมได้อยู่ Paris แค่นิดเดียวรู้สึกว่าเหนื่อยมาก อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ศึกษามาซื้อตั๋ว RER ก็มั่ว ใครจะมาก็ทำการบ้านกันดีๆละกันครับ
Bye Bye Paris one day เจอกันอีกทีวันกลับเนอะ...
ตอนต่อไป Geneva ครับติดตามกันได้ครับ ว่างๆจะพยายามทยอยลงเรื่อยๆครับ ช่วงนี้พึ่งจะกลับมาก็เปื่อยตั้งแต่วันแรกของปีเลยครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
[CR] Review เดินตามหาตะวันในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ (Disneyland Paris)
https://www.facebook.com/littleduckinthefog
ในที่สุดการเดินทางที่รอมานานแสนนานก็ได้เริ่มซักที20 ธันวาคม2558 18:00 ยืนตรงเคารพธงชาติสิครับ แล้วผมจะบอกว่าทำ plan เที่ยวมาทั้งปี เก็บเงินมาทั้งปีก็เพื่อการเดินทางวันนี้จนถึงสิ้นปีนี่แหละครับ ทริปนี้เป็นทริปที่พิเศษสุดสุดจริงๆ จนไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตนี้เราจะไปยุโรปกันเองได้บร๊ะเจ้าๆๆ พร้อมกันหรือยังครับทุกคน ไปพร้อมกับผมกันเลยนะครับ
ทริปนี้เป็นการเดินทาง2 ประเทศคือประเทศฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเราจึงมีการเปลี่ยนแผนไปเปลี่ยนแผนมากันหลายครั้งกันเลยทีเดียว เพื่อความปลอดภัยของเราเอง และ ความสบายใจของแฟนผมละกันเนอะค่าใช้จ่ายไม่ต้องพูดถึง ลืมๆมันไปซักเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก cancel ตั๋วรถไฟบ้างไรบ้างจึงได้แผนออกมาคือเราจะนั่งเครื่องบินไปลงที่ Paris (CDG)และนั่งรถ Disneyland shuttle bus จากสนามบินไป Disneyland Paris เลยครับ และต่อรถไฟตอนเย็นไปเจนีวา ไป Chamonix Lyon Annecy และกลับมา Paris และขึ้นเครื่องกลับเลยครับ
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลาก็ตรงดิ่งไปนั่งใน Louge kingpower เลยครับก็โชคดีอย่างแรกเลยพอดีช่วงที่ไปเป็นช่วงวันเกิดแฟนผมพอดีเลยได้ upgrade ให้เข้า platinum kingpower Louge ด้วยแหละได้ free cocktail คนละแก้วนะเออ นั่งชิวขำๆก่อนขึ้นเครื่องไป
ช่วงนี้คนมาParis เยอะมากครับต่อคิวเข้าต.ม. ยาวโคตรๆ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองมาได้เราก็นั่ง CDGVAl มาลงที่ Terminal 2E แล้วต่อ Magical shuttle Disney ไป Disneyland Paris ทันทีครับ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับค่าโดยสารคนละ20 euro ครับ
เราต้องลงที่ Train station นะครับ รถจะส่งตามโรงแรมต่างๆในเขตDisney จนหมดและแล้วผมก็ลงป้ายสุดท้าย เลยสิครับ ฮ่าๆๆ ก็ต้องนั่ง Free shuttle bus คันยาวๆสีเหลืองกลับมาที่ Marne la Vallée-Chessy Train station อีกครั้งนึงครับ
เมื่อมาถึง Disneyland ผมก็จัดการกับกระเป๋าเดินทางโดยการไปฝากที่สถานีรถไฟ Marne la Vallée-Chessy โดยสถานที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ชั้น 2 ของสถานีครับ โดยเค้าจะเขียนว่า Consigne มีเครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติอยู่ด้านในครับ ตู้ใหญ่ 9.5 Euro ครับน่าจะทั้งวันนะถ้าผมจำไม่ผิด ค่าบริการก็จะขึ้นอยู่กับ ตู้เล็ก หรือ ตู้ใหญ่ และ ระยะเวลาในการฝากครับ
และแล้วก็มาถึง Parc disneyland จนได้ผ่าน security เข้าไปแทบหอบคนเยอะมากมายมหาศาลครับ ก็อย่างที่รู้ๆกันครับทาง Security ต้องเข้มงวดในการตรวจมากขึ้นกว่าเดิมครับ
ผมซื้อตั๋ว online มาแล้วในราคา 69 euro เข้าได้ park เดียวทั้งวันนะครับแล้วผมก็ Print ใบจองมายื่นที่หน้าประตูทางเข้าได้เลยครับ (ไม่ต้อง Scan voucher อะไรข้างหน้านะครับเดินเข้ามายื่นผ่านประตูได้เลย)พอเข้ามาเดินได้ซัก 10 นาทีก็มีการตรียมขบวน Parade ผู้คนและเด็กๆต่างมายืนรออย่างเป็นระเบียบ เพื่อรอขบวนพาเหรดอย่างตื่นเต้นครับ ชั่วโมงนั้นผู้คน และเด็กๆต่างกันร้องเพลงตามเพลง Chrismas ที่ขบวนพาเหรดเปิด
แก๊งนี้นี่นั่งรอกันอย่างใจจดใจจ่อครับ
ใน Parc มีต้นคริสต์มาสใหญ่ตามเทศกาลที่สวนสนุกประดับไว้ครับ
Shop ต่างๆใน Disneyland ประดับอย่างสวยงามครับ
และแล้วก็ได้เวลาขบวนพาเหรดเดินมาถึงจุดที่เรายืนอยู่ครับ
และแล้วขบวนพาเหรดก็มาถึงขบวนสุดท้าย ผู้คนก็ทยอยสลายตัวและมุ่งหน้าเดินไปที่ปราสาทด้านในกันต่อครับ
เมื่อมาถึงจุดปราสาทผู้คนจะยืนออกันถ่ายรูปเยอะมากครับ และตรงนี้ก็มีอีกหลายโซนที่ท่านสามารถเข้าชมได้ แต่สำหรับผมไม่มีเวลาแล้วละครับ เดินชมในโซนปราสาทได้ซัก 1 ชั่วโมงก็ต้องเดินทางไปสถานี Gare de lyon เพื่อที่จะเดินทางไป Geneva ต่อแล้วละครับ(คนฝรั่งเศสจะเรียกว่า เจ-เนฟ นะครับถ้าไปบอกเจนีวาเค้าไม่รู้เรื่องนะครับฮ่าๆๆ)
มีต้นถั่วยักษ์ด้วยจร้า....
ลาไปด้วยภาพพี่ Mickey ที่คอยอำลาอยู่ตรงทางออกครับ เสียดายเหมือนกันที่ใช้เวลาที่นี่ได้ไม่นาน แต่ด้วยแผนการเดินทางที่เราวางไว้ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบ ทำให้ได้มาใช้เวลาที่นี่แค่นี้แหละครับ
เสร็จจากภารกิจ Disneyland Paris ก็ไปตามหา outlet la Valle ที่ สถานนี Val d euro ซึ่งอยู่ห่างจาก Disneyland แค่ 1 ป้ายเท่านั้นครับ แต่ช่วงนี้ไม่มีรูปนะครับ เพราะเหนื่อยกับการแบกสัมภาระอย่างมากเลยไม่มีรูปมาฝาก ท่านสามารถเดินทางได้โดยออกจากสถานีมาเลี้ยวขวา ตรงข้ามถนนมา เดินทะลุห้างตรงยาวๆไปแต่ความคิดเราเองเราว่าเฉยๆนะสำหรับเรื่องแบบและราคา เมื่อรู้ว่าคงไม่ได้อะไรจากที่นี่ เราก็ไม่รอช้าหยอดตั๋ว rer ตรงดิ่งมาที่ gare de Lyon เลย ค่าตั๋ว6.9 euro ครับเพื่อที่จะต่อรถไฟที่จองไปGeneva ค่าตั๋ว 122 euro (ขากลับจาก Outlet la valle นั่งมา 2 สถานีมีตำรวจขึ้นมาพูด 1 ประโยคแล้วแมร่งก็ลงกันทั้งรถเกิดการแบกกระเป๋าหนัก 2 ครั้ง เดวคงจะชินไปเองกับเมืองใหญ่เนอะ)
สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่แล้วมีแผนนั่งรถไฟต่อไปเมืองอื่นแนะนำให้เผื่อเวลา 1:30 - 2:00 ไปเลยนะครับ กว่าจะคลำทางออกจาก RER เจอแล้วไปหา SNCF เล่นเอาได้เหงื่อพอตัวเลยทีเดียว ผมได้อยู่ Paris แค่นิดเดียวรู้สึกว่าเหนื่อยมาก อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ศึกษามาซื้อตั๋ว RER ก็มั่ว ใครจะมาก็ทำการบ้านกันดีๆละกันครับ
Bye Bye Paris one day เจอกันอีกทีวันกลับเนอะ...
ตอนต่อไป Geneva ครับติดตามกันได้ครับ ว่างๆจะพยายามทยอยลงเรื่อยๆครับ ช่วงนี้พึ่งจะกลับมาก็เปื่อยตั้งแต่วันแรกของปีเลยครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น