มารยาทในการแสดงความขบขันตามซุนนะห์ของท่านศาสดามูฮัมมัด:
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ใช้ปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน, แต่ไม่มีความประสงค์ที่จะให้มุสลิมจะต้องทำตัวเป็นเทวดา,
อิสลามมีความต้องการที่จะให้มุสลิมทำตัวให้เหมาะสมกับความเป็นมนุษยที่มีค่านิยมทาง ศีลธรรมและคุณธรรมที่สูงส่ง, ศาสนาอิสลามไม่ได้ระบุว่า ทุกครั้งในการสนทนา มุสลิมจะต้องสนทนาเกี่ยวกับหลักการ ของศาสนาเสมอไป, หรือ มุสลิมควรจะนั่งฟังอัลกุรอานอยู่ทั้งคืนทั้งวันเช่นกัน, ศาสนาอิสลามไม่ได้ต่อต้านการ หัวเราะและเรื่องตลก ท่านศาสดาเองก็เคยเล่าเรื่องตลก ที่ดีๆกับเพื่อน ๆ ของท่าน
“
การหัวเราะ และขบขันอย่างไม่ถูกกาละเทศะเป็นมารยาทที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม, โดยเฉพาะการหัวเราะเยาะเย้ยผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล,โดยขาดสติปัญญานึกคิด ทางด้านจริยาธรรมและคุณธรรมที่สูงส่งในความเป็นมนุษย์ ตามอุมการณ์ ของศาสนาอิสลาม, และเป็น" ill-mannered ,ซึ่งผิดไปจาก ซุนนะห์ของท่านศาสดามูฮัมมัด”
เรื่องนี้มีความสำคัญต่อ เยาวชนมุสลิมที่ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้, เนื่องมาจากภายในครอบครัว ขาดความเข้าใจถึงคำสอนมารยาทสังคมตามหลักการของศาสนาอิสลาม
เคยได้ยินมาว่า ท่านศาสดามูฮัมมัด กล่าวว่า; “อย่าหัวเราะขบขันจนมากเกินไป เนื่องจากการหัวเราะเช่นนั้นจะฆ่าหัวใจ (ทางจิต วิญญาณ)”,
เมื่อใดก็ตามที่เราไปร่วมชุมนุมกับเพื่อนๆ หรือเพื่อนร่วมงานของเรา, บางครั้งเรามักจะหัวเราะกันมากจนเกินไป, หรือบางครั้งบางคนก็อาจจะแสดง มารยาท ที่เรียกว่า "ทะลุกลางปล้อง" แสดงความขบขันต่อเรื่องที่มี ความสำคัญของผู้อื่นในขณะที่ร่วมคุยกันในวงสนทนา การกระทำเช่นนั้นไม่ว่าเฉพาะศาสนาอิสลามเท่านั้น ที่สอนว่าเป็นมารยาทสังคมที่เลว, แต่ก็เป็นมารยาทสังคมที่สอนกันในสังคมโดยทั่วไปเช่นกัน
การหัวเราะไม่ใช่ข้อห้ามในศาสนาอิสลาม แต่การหัวเราะมากเกินไปเป็นสิ่งต้องห้าม, ท่านศาสดากล่าวว่า"
เสียงหัวเราะมากเกินไปทำความเสื่อมเสียต่อหัวใจ.", กล่าวกันว่าการหัวเราะมากเกินไปฆ่าและเป็นอันตรายต่อหัวใจ, ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราหัวเราะ เราจะผลักดันตัวเองไปสู่เหวลึกแห่งความโศกเศร้า, เมื่อใด ก็ตามที่เราหัวเราะมากเกินไป หลังจากนั้น เมื่อความสนุกขบขันหมดไป ต่อมาเราจะรู้สึกโศกเศร้า, ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการหัวเราะที่มากเกินไป เราสามารถหลีกเลี่ยงการหัวเราะที่มากเกินไปโดยตระหนักถึงผลร้ายของมัน โดยรำลึกไว้ในใจว่าถ้าเราหัวเราะสนุกขบขันมากเกินไปจนเลยเถิด กลายเป็นนิสัย มันจะเป็นผลทำให้จิตใจแห่งความ ศรัทธาของเราเสื่อม ขาดความสำรรวมและขาดสมาธิในการภักดีต่ออัลลอฮ์
ติมิซิ อิบนฺ มาญะห์ อธิบายว่า ไม่เป็นการดีที่มุสลิมจะหัวเราะสนุกขบขันจนเลยเถิด, “การสนุกขบขันทำความเสื่อมเสียต่อจิตใจของผู้ศรัทธาทำ ให้ลืมถึงชีวิตในปรโลก, ทำให้ลืม ความตาย, ทำให้จิตขาดความทรงจำรำลึกถึง อัลลอฮ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Hadith[edit]
https://en.wikipedia.org/wiki/Islamic_humour
1) The Prophet used to smile, rather than laugh.
Aisha, wife of the Prophet Muhammad narrated:
"I never saw the Messenger of Allah laugh fully to such an extent that I could see his uvula. He would only smile."
— Sunan Abu Dawood Volume 3, Book 41: Kitab Al-Adab (General Behavior), Hadith Number 5079;[1] Sahih al-Bukhari, Volume 8, Book 73: Kitab Al-Adab (Good Manners and Form), Hadith Number 114.[2]
10) The Prophet discouraged joking or laughing excessively.[15]
Prophet Muhammad said:
"Do not laugh too much, for laughing too much deadens the heart."
— Saheeh al-Jaami’, 7312; al-Tirmidhi, 2305; Ibn Majah, 4193
11) The Prophet’s companions would limit jokes, joke at appropriate times, and be cautious of joking.
Umar ibn al-Khattab narrated that;
"Whoever laughs too much or jokes too much loses respect, and whoever persists in doing something will be known for it."
— [15]
Sa`d ibn Abi Waqqas said;
"Set a limit to your jokes, for going to extremes makes you lose respect and incites the foolish against you."
— [16]
A man said to Sufyan ibn `Uyaynah, "Joking is not right, it is to be denounced." He replied, "Rather it is Sunnah, but only for those who know how to do it and do it at the appropriate time."
— [10][11][16]
Umar ibn Abd al-Aziz said;
"Fear joking, for it is folly and generates grudges."
อิสลามกล่าวว่าอย่างไร เกี่ยวกับการ "ขำกลิ้ง" ที่เลยเถิด
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ใช้ปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน, แต่ไม่มีความประสงค์ที่จะให้มุสลิมจะต้องทำตัวเป็นเทวดา, อิสลามมีความต้องการที่จะให้มุสลิมทำตัวให้เหมาะสมกับความเป็นมนุษยที่มีค่านิยมทาง ศีลธรรมและคุณธรรมที่สูงส่ง, ศาสนาอิสลามไม่ได้ระบุว่า ทุกครั้งในการสนทนา มุสลิมจะต้องสนทนาเกี่ยวกับหลักการ ของศาสนาเสมอไป, หรือ มุสลิมควรจะนั่งฟังอัลกุรอานอยู่ทั้งคืนทั้งวันเช่นกัน, ศาสนาอิสลามไม่ได้ต่อต้านการ หัวเราะและเรื่องตลก ท่านศาสดาเองก็เคยเล่าเรื่องตลก ที่ดีๆกับเพื่อน ๆ ของท่าน
“ การหัวเราะ และขบขันอย่างไม่ถูกกาละเทศะเป็นมารยาทที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม, โดยเฉพาะการหัวเราะเยาะเย้ยผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล,โดยขาดสติปัญญานึกคิด ทางด้านจริยาธรรมและคุณธรรมที่สูงส่งในความเป็นมนุษย์ ตามอุมการณ์ ของศาสนาอิสลาม, และเป็น" ill-mannered ,ซึ่งผิดไปจาก ซุนนะห์ของท่านศาสดามูฮัมมัด”
เรื่องนี้มีความสำคัญต่อ เยาวชนมุสลิมที่ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้, เนื่องมาจากภายในครอบครัว ขาดความเข้าใจถึงคำสอนมารยาทสังคมตามหลักการของศาสนาอิสลาม
เคยได้ยินมาว่า ท่านศาสดามูฮัมมัด กล่าวว่า; “อย่าหัวเราะขบขันจนมากเกินไป เนื่องจากการหัวเราะเช่นนั้นจะฆ่าหัวใจ (ทางจิต วิญญาณ)”,
เมื่อใดก็ตามที่เราไปร่วมชุมนุมกับเพื่อนๆ หรือเพื่อนร่วมงานของเรา, บางครั้งเรามักจะหัวเราะกันมากจนเกินไป, หรือบางครั้งบางคนก็อาจจะแสดง มารยาท ที่เรียกว่า "ทะลุกลางปล้อง" แสดงความขบขันต่อเรื่องที่มี ความสำคัญของผู้อื่นในขณะที่ร่วมคุยกันในวงสนทนา การกระทำเช่นนั้นไม่ว่าเฉพาะศาสนาอิสลามเท่านั้น ที่สอนว่าเป็นมารยาทสังคมที่เลว, แต่ก็เป็นมารยาทสังคมที่สอนกันในสังคมโดยทั่วไปเช่นกัน
การหัวเราะไม่ใช่ข้อห้ามในศาสนาอิสลาม แต่การหัวเราะมากเกินไปเป็นสิ่งต้องห้าม, ท่านศาสดากล่าวว่า"เสียงหัวเราะมากเกินไปทำความเสื่อมเสียต่อหัวใจ.", กล่าวกันว่าการหัวเราะมากเกินไปฆ่าและเป็นอันตรายต่อหัวใจ, ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราหัวเราะ เราจะผลักดันตัวเองไปสู่เหวลึกแห่งความโศกเศร้า, เมื่อใด ก็ตามที่เราหัวเราะมากเกินไป หลังจากนั้น เมื่อความสนุกขบขันหมดไป ต่อมาเราจะรู้สึกโศกเศร้า, ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการหัวเราะที่มากเกินไป เราสามารถหลีกเลี่ยงการหัวเราะที่มากเกินไปโดยตระหนักถึงผลร้ายของมัน โดยรำลึกไว้ในใจว่าถ้าเราหัวเราะสนุกขบขันมากเกินไปจนเลยเถิด กลายเป็นนิสัย มันจะเป็นผลทำให้จิตใจแห่งความ ศรัทธาของเราเสื่อม ขาดความสำรรวมและขาดสมาธิในการภักดีต่ออัลลอฮ์
ติมิซิ อิบนฺ มาญะห์ อธิบายว่า ไม่เป็นการดีที่มุสลิมจะหัวเราะสนุกขบขันจนเลยเถิด, “การสนุกขบขันทำความเสื่อมเสียต่อจิตใจของผู้ศรัทธาทำ ให้ลืมถึงชีวิตในปรโลก, ทำให้ลืม ความตาย, ทำให้จิตขาดความทรงจำรำลึกถึง อัลลอฮ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้