เราเคยรักกันมากค่ะระยะเวลา 2 ปีกว่า มากๆเลยจนใครๆต้องอิจฉา ลงรูปคู่ทุกที่ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
เราเริ่มทะเลาะกันด้วยการที่เขาอยากกลับไปทำงานเป็นเทรนเนอร์ ซึ่งเขาเคยตกลงว่าเขาจะไม่กลับไปทำอีก ก่อนหน้าคบกันเขาเคยทำค่ะ จขกท.ก็เป็นคนขี้หึง ไม่ค่อยสบายใจ แต่พอเขาพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรกคบก็เลยตัดประเด็นไป ไม่คิดว่ามันจะกลับมาทำปัญหาให้กับเราจนลามมาถึงขั้นนี้
แรกๆที่เราคบกัน เขามีคนของเขาอยู่ซึ่งระหองระแหงไม่คุยกัน แต่อยู่ด้วยกันมา เขาจีบเรามาปีกว่าๆค่ะ เริ่มแบบหมาหยอกไก่ห่างๆ จนมาจีบจริงจัง สิ่งที่เราระแคะระคายก็เป็นจริง คือเขามีคนของเขาอยู่แล้ว เราเลยถอยออกมาหลายหน แต่หนสุดท้ายนี้เขาขึ้นรูปคู่เรากับทุกสิ่ง และบอกว่าจบกับคนนั้นแล้ว ช่วงนี้ก็กินเวลานานอยู่ค่ะ กว่าเราจะกลับไปคุยและคบกัน ตลอดระบะเวลา 4 เดือนแรก เขายังคงแอบติดต่อคนเก่าห่วงใย หรือปรึกษาเรื่องเราบ้างเป็นระยะ และก็ยังโกหกเพื่อไปเที่ยวและอยู่กับเพื่อนบ้าง เราไม่ห้ามนะ แต่เอือมกับการโกหก ทำให้เราถอดใจอยากเลิกหลายหน เขาขอโอกาสแก้ตัว เราลำบากใจมาก เพราะเราไม่สามารถไว้ใจเขาได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เราก็บอกเขาตรงๆ เขาก็บอกเขาจะทำทุกอย่าง ให้ดูตำแหน่ง เปิดกล้อง โทรเช็ค password ทุกสิ่งให้เราได้ทั้ง line ทั้งเฟซ เราก็ค่อยๆเชื่อใจเขา จนมีวันนึง เราไปทานข้าววันเกิดแม่ เขาขอรอข้างนอก ตัดผมทำอะไรรอ เพราะยังไม่สนิทกับแม่มาก ตอนนั้นคบกันได้ 4 เดือน มีผญ.มาเอาไลน์มาให้ เขาแอด และคุยกัน แม้เขาบอกคนนั้นว่ามีแฟนแล้ว แต่เขาควรแอดเหรอ เขาอ้างว่านึกว่าเพื่อนแกล้ง แต่เขาเปิดกล้อง แชทกันลับหลังโดยไปใช้ we chat เรามารู้ความจริงอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมา เราเห็นผญ.เขียนเรียกที่รัก แต่แฟนเราเรียกเธอเฉยๆ พอเราถามไปว่า รู้จักแฟนเราได้อย่างไร เขาก็ด่าเราว่า ควาย แฟนนอกใจมาอยู่กะกูยังไม่รู้ แฟนเรายืนยันว่าไม่จริงไม่เคยเจอตัว ไม่เคยเรียกว่าที่รักกลับ เขาเรียกเอง แฟนเราโทรไปเปิด speaker phone ให้ฟังว่า นี่เรานะ ทำไมมาบอกกะแฟนเขางี้ เราไม่เคยเจอกันบลาๆ สุดท้ายผญ.ตอบว่าก็มันเขียนมายุ่งกับเขาก่อน แล้วก็วางสายไป ลักษณะเธอปั่นเฉยๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริงจากผช.คนนี้อีก
จากนั้นเขาก็ย้ายไปทำงานธนาคารแห่งนึง เขาแอดกลุ่มอบรมพนักงานใหม่ ยอมรับค่ะ เรากลัวเกิดเหตุการณ์อย่างเคยอีก เราหลอน นอนไม่ได้มาหลายวัน เราก็คอยติดตามดูเขาคุยกะสาวๆในนั้น เห็นไม่มีอะไรก็พยายามเชื่อใจ เรามารู้ความจริงเรื่องเขาเคยบอกเราบางเรื่องมันไม่จริงอีก แต่มันเป็นเรื่องในอดีตก่อนคบเรา เราเลยพยายามลืมมันไปให้โอกาสเขา เขาไม่ผ่านโปรที่นี่ เขาอ้างว่าทะเลาะกะเราบ่อยเลยทำให้เขานอนดึกเบลอๆมาทำงาน จากนั้นเขาเข้าทำงานที่ธนาคารอีกแห่งนึงค่ะ ที่นี่เป็นที่ที่เราอยากให้เขาเข้า เป็นคนเอาข่าวเปิดรับสมัครไปให้เขาด้วยซ้ำ แต่แล้วเรื่องราวก็เกิดขึ้น เมื่อพี่ที่กลุ่มทำงานให้เขาแอดกลุ่มทำงาน แฟนเรามาถามว่าแอดนะ เราก็เงียบๆ คิดๆ ก็บอกแล้วแต่ ถ้าจำเป็นก็แอด แต่ใช่เราไม่ค่อยสบายใจ แฟนเราก็แคร์เราเลยไม่กล้าแอดทันที แต่ที่แย่หน่อยคือ เขาดันไปบอกกะหัวหน้าเขาตรงๆไปตอนเขาถามว่าทำไมยังไม่รับแอดว่า กลังแฟนมีปัญหา ขอคุยกะแฟนก่อน เลยเป็นเรื่องสิคะ เพราะเขาก็แบบ เฮ้ย ชั้นเป็นหัวหน้าแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกเหรออะไรแบบนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาเห็นเขาอึดอัด เรากดรับกลุ่มให้เอง เพื่อจบปัญหา จากนั้นเขาก็ทำงานมาซักพัก วันเสาร์เขาได้รับมอบหมายไปขายงานที่หมู่บ้านแห่งนึง เราก็ไปส่งแล้วเลยไปทำงานต่อ จากนั้นก็ไปรับ แต่ตอนไปรับเวลาเลิกงาน เขาติดลูกค้าเลยดีเลย์ เราก็รอ แต่ไม่คิดว่าการรอเซลล์เขาจะไปฟ้องหัวหน้าว่า เราไปเฝ้า โอเค แฟนเราโดนอีก ตอนนั้นแฟนเรามีท่าทีเปลี่ยนไป เหมือนเราเป็นตัวปัญหา เราก็เครียดมากเลยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจทั้งนั้น
ก่อนหน้านั้นนิดนึง เราไปทำงานตปท.2-3 วัน เรามีการถกเถียงกันทางโทรศัพท์ในวันก่อนกลับ เราดูgps เขามุ่งหน้าไปบ้านแฟนเก่าเขาอีกแล้ว แล้วกลับ เราคิดว่าถ้าเขาจะกลับไปหาคนเก่าเขาควรไปเลย นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เราเหนื่อยใจ เรารักกันมาก แต่เรื่องแบบนี้แต่ละครั้งมันทำให้เราไม่เชื่อใจเขาอีก เราไม่อยากระแวงหลอนจนเขาเองจะกระทบต่องานไปด้วยอีก แต่มันก็เกิด สุดท้ายเขาไม่ผ่านโปร ด้วยเหตุเรื่องการทำงานไม่ตรงเป้าและเรื่องบุคคลภายนอกเข้ามาในที่ปฏิบัติงาน เราโดนอีก เราช่วยเหลือเขาโดยให้เขาทำบริษัทต่างประเทศ เดือนนึงทำไม่กี่วัน ได้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ 1 หมื่น แต่ไม่มีโบนัสกะคอม ก็คือว่า 12 เดือนก็ 120000 ที่มากกว่าคือโบนัสนะงี้ เขายังได้ค่าชดเชยจากบริษัทที่ไล่เขาออก พร้อมกะประกันสังคม ซึ่งเราช่วยดูให้ ทุกอย่างเริ่มโอเค เขาก็ทำไมได้ 3-4เดือน เขาเริ่มรู้สึกว่างานนี้ไม่ใช่ น่าเบื่อเหงาอยู่แต่บ้านไม่มีสังคม เราก็เห็นใจ คิดว่าให้เขาทำอันนี้เสริมแล้วไปหางานหลักที่ชอบเงินจะได้เยอะขึ้น และชำระหนี้ได้ อ้อ เขามีหนี้บัตรเครดิตติดตัวมาตั้งแต่เรายังไม่ได้คบกัน 300,000 บาท เดือนนึงใช้ไม่ค่อยพอ fixed cost เป๊ะมาก เราแก่กว่าเขาหลายปี ทำงานที่มั่นคง ตำแหน่งหน้าที่มี มีคอนเนคชั่น พอเขาเกิดปัญหา เราอ่านออกว่าต้องแก้ไขอย่างไร เลยพยายามช่วยเขา ตอนแรกเขาก็รับฟังดี แต่หลังๆพอเขาเบื่องานนี้เขาคงมองความหวังดีเราคือวุ่นวาย ทำลาย พอเขาเบื่อเขาก็ดองงาน บอกไม่ใช่งานที่รัก ขี้เกียจทำ เลยนั่งเล่นเกมส์เสียส่วนใหญ่ เราเตือนให้ทำอะไรก็ทะเลาะกัน จนในที่สุดงานส่งออกตู้นั้น ดีเลย์และเสียหาย เพื่อนเราที่เราฝากงานต้องจ่ายชดเชยไปเกือบแสน
เราอยู่ในภาวะที่อึดอัดกัน เขาเริ่มเปลี่ยนจากอยากไปไหนด้วยตลอดเป็นไม่อยากไป เข้าใจเราผิดๆง่ายมาก เกิดเหตุสุดวิสัยให้ช่วยจอดรถแล้วเราวิ่งลงไปจ่ายอะไรให้ทันเวลาก็ตีความเป็นเราใช้งาน แต่กลับมาบ้านเราก็ยังรักกันดี กอดกันดีอยู่นะคะ แต่หลายทีคิดต่าง เรายอมนะ พยายามผลักดันว่าชอบงานอะไรก็สมัคร เดี๋ยวอันนี้เราแจ้งยกเลิกกะพี่เขาเราไม่อยากฝืนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปสมัคร หรือทำอาชีพเสริมไหน เห็นมีไอเดียอยากขายโน่นทำนี่ แต่ก็ยังไม่ได้ทำ วันนึงมาบอกเราว่าอย่กกลับไปเป็นเทรนเนอร์ เราก็อึ้งๆนะ จากเหตุการณ์ที่เล่าให้ทุกคนฟัง คงรู้ว่าเรากลัว หลอนๆพอควร เราเจอเรื่องทีเราก็เป็นคนใจร้อน โวยวาย แต่พอหายดีกันเราก็เป็นแมว เรายืนยันว่าเราไม่สบายใจ จนขอว่าสิ้นปีค่อยว่ากันนะอาชีพนี้ ขอเราเรียกป.เอกจบก่อน เรายังไม่อยากเครียดตอนนี้ ทำงานอื่นได้มั้ย เขาก็ไม่อยากทำอย่างอื่น บอกว่าเราฝืนใจเขา ส่วนเราก็บอกแล้วที่เขารับปากเราล่ะ คาราราซังงี้มาตั้งแต่กลางปี แต่ก็ดีกันมาเรื่อยๆ
พอเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เรารู้สึกเขาใส่ใจเราน้อยลง เราถามถึงและงอนเขาเล็กน้อย เลยนอนหันหลังไม่ให้กอดเหมือนเคยแต่เช้ามาเราก็ไปง้อ แต่เขาตึงไปเลย พอเราขอโทษก็ไม่หาย และลามไปเรื่องงานนี้ขึ้นมาอีกหน คราวนี้เรายังไม่กล้าตัดสินใจอะไร เลยบอกแค่ว่าเราไม่รู้ ถ้าเขาทำไปเราอาจเลิกกันก็ได้ เพราะมันมีโอกาสเสี่ยง เขาเลยมองว่าเราห้ามเขากักอิสระ ไม่สนับสนุนงานที่เขารัก เราไม่อยากทะเลาะเลยโอเคยอมที่เขาเคยตกลงกะเราก็ได้ แต่เรามีเงื่อนไข ตกลงกันเรื่องที่เราจะไม่สบายใจต้องไม่เกิดขึ้นได้มั้ย เขาบอกเขาไม่มีใครอยู่แล้ว แต่เวลาให้กันอาจนิอยลงเพราะหยุด 1 วันต่ออาทิตย์เอง เราก็เงียบไป เหมือนจะดีกันซักพักเขาก็ไม่คุยด้วยอีกแล้ว และบอกว่าจะประท้วงอย่างสันติ คือไม่พูดด้วย จนกว่าจะได้ทำ เราบอกมีอะไรเราคุยกันดีกว่ามั้ย เราเองก็อยาสบายใจที่คบกันมีอนาคตร่วมกัน ถ้ารักงานฟิตเนสจริงๆจบโทมาทำตำแหน่งอะไรที่อัพเปอร์กว่าที่เราเคยทำตอนป.ตรีมั้ย ตอนแรกเขาบอกจะเป็นเซลเป็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับที่เขาชอบ เราก็โอเคเซลหรืออะไรก็ได้ แต่พอมาอีกวันเขาตึงใส่อีกแล้ว บอกว่ามาคิดดูแล้วอยากเป็นเทรนเนอร์อย่างเดียว เราบอกอย่ากลับไปกลับมาเราเดาใจไม่ถูก เขาบอกจะเอาอันนี้ล่ะ เราก็ร้องไห้นะ คือใจก็กังวลอยู่แล้ว เขาเองก็ตึงกะเราไม่ได้ให้ความสบายใจส่าเขายังรักยังแคร์ที่จะตกลงกันแล้วไปทำอย่างสบายใจทั้งคู่เลย บอกว่าไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งที่ทำงาน เข็ดแล้ว เดี๋ยวต้องโดนออกอีก เราไม่มีทางเลือกเราก็บอกว่าจะทำก็ทำ เราจัดการตัวเองเอง ถ้าไหวเราก็อยู่ต่อ ไม่ไหวเราก็ไป เขาบอกเราพูดแบบนี้ใครจะกล้าสมัคร ระหว่างนั้นเราเดี๋ยวดีเดี๋ยวบึ้งมาตลอแต่เขาไม่เคยเอารูปคู่ออกและยังเรียกเราว่าแฟน
จนกระทั่งวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันส่งงานป.เอก เขาไม่มาดูกาีแสดงของเรา ถามว่าเป็นอะไร บอกขี้เกียจไป เราน้อยใจมาก เลิกงานกลับมาหาเขาพบว่าเขายืนคุยกะผญ.คนนึงที่ฟิตเนสในคอนโดอยุ่ เราจอดรถและเดินลงไปถามเขาว่าตะกี้คุยกับใครแต่เจากลับตอบว่าไม่ได้คุยกะใคร เขาโกหก เราเลยเดินไปหาผญ.ถามว้าดมื่อกี้คุณคุยกับแฟนเราใช่มั้ย เขาบอกว่าอ้อเป็นเพื่อนของเพื่อนที่เคยทำงานที่ธนาคารเก่า ผญ.บอกไม่มีอะไรนะ อย่าคิดมาก เขาคุยกันตอนนั้น เราก็ยังวางใจ แต่พอเราขึ้นไปข้างบนคอนโดคุยกะเขาต่อ เขาบอกเลิกเรา เขาบอกเขาไม่รักเราแล้ว ไม่รู้สึกอะไรด้วยแล้ว เราบอกเพราะเรื่องงานนี้อ่ะเหรอ เรายอมแล้วไง ทำไมทิ้งกันแบบนี้ เขาบอกเขาอึดอัดหลายๆอย่าง ในขณะที่เราทำเพื่อเขาทั้งชีวิต หาทางต่างๆนานา เราร้องไห้ปางตาย ย้ายออกไม่ไหว ยอมทนอยู่ทนง้อมา 5-6 วัน เขาเอารูปคู่ออก เริ่มโพสต์fb บ่อยขึ้น เราร้องไห้รับกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ทัน สุดท้าย เรายอมย้ายออก ย้ายไปได้ 3 วัน เรายังคิดถึงเขาตามดู gps ตามเขาไปดูตามที่ต่างๆเขาไปคนเดียว สมัครงานคนเดียว เราคิดถึงไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าจะทำลายเขา เขาบอกเขาอยากอยู่คนเดียวทำอะไรคนเดียวไม่มีใครมาบังคับอีก เขาไม่ได้มองที่เขาทำคือปัญหาของเราบ้าง เขามองที่เราระแวงคือทำให้เขาแย่อย่างเดียว แต่เราไม่เคยคิดจะทิ้งเขา แบะทุกอย่างเขาoffer เราเอง เพื่อให้เราไม่เลิกกะเขาในตอนนั้น ไม่ใช่เราตามไปเช็คก่อน
เลิกกับแฟนก่อนปีใหม่ แต่ยังอยู่ด้วยกัน กับสถานภาพ และสถานการณ์ที่อึดอัด ไม่รู้จะทำอย่างไร
เราเริ่มทะเลาะกันด้วยการที่เขาอยากกลับไปทำงานเป็นเทรนเนอร์ ซึ่งเขาเคยตกลงว่าเขาจะไม่กลับไปทำอีก ก่อนหน้าคบกันเขาเคยทำค่ะ จขกท.ก็เป็นคนขี้หึง ไม่ค่อยสบายใจ แต่พอเขาพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรกคบก็เลยตัดประเด็นไป ไม่คิดว่ามันจะกลับมาทำปัญหาให้กับเราจนลามมาถึงขั้นนี้
แรกๆที่เราคบกัน เขามีคนของเขาอยู่ซึ่งระหองระแหงไม่คุยกัน แต่อยู่ด้วยกันมา เขาจีบเรามาปีกว่าๆค่ะ เริ่มแบบหมาหยอกไก่ห่างๆ จนมาจีบจริงจัง สิ่งที่เราระแคะระคายก็เป็นจริง คือเขามีคนของเขาอยู่แล้ว เราเลยถอยออกมาหลายหน แต่หนสุดท้ายนี้เขาขึ้นรูปคู่เรากับทุกสิ่ง และบอกว่าจบกับคนนั้นแล้ว ช่วงนี้ก็กินเวลานานอยู่ค่ะ กว่าเราจะกลับไปคุยและคบกัน ตลอดระบะเวลา 4 เดือนแรก เขายังคงแอบติดต่อคนเก่าห่วงใย หรือปรึกษาเรื่องเราบ้างเป็นระยะ และก็ยังโกหกเพื่อไปเที่ยวและอยู่กับเพื่อนบ้าง เราไม่ห้ามนะ แต่เอือมกับการโกหก ทำให้เราถอดใจอยากเลิกหลายหน เขาขอโอกาสแก้ตัว เราลำบากใจมาก เพราะเราไม่สามารถไว้ใจเขาได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เราก็บอกเขาตรงๆ เขาก็บอกเขาจะทำทุกอย่าง ให้ดูตำแหน่ง เปิดกล้อง โทรเช็ค password ทุกสิ่งให้เราได้ทั้ง line ทั้งเฟซ เราก็ค่อยๆเชื่อใจเขา จนมีวันนึง เราไปทานข้าววันเกิดแม่ เขาขอรอข้างนอก ตัดผมทำอะไรรอ เพราะยังไม่สนิทกับแม่มาก ตอนนั้นคบกันได้ 4 เดือน มีผญ.มาเอาไลน์มาให้ เขาแอด และคุยกัน แม้เขาบอกคนนั้นว่ามีแฟนแล้ว แต่เขาควรแอดเหรอ เขาอ้างว่านึกว่าเพื่อนแกล้ง แต่เขาเปิดกล้อง แชทกันลับหลังโดยไปใช้ we chat เรามารู้ความจริงอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมา เราเห็นผญ.เขียนเรียกที่รัก แต่แฟนเราเรียกเธอเฉยๆ พอเราถามไปว่า รู้จักแฟนเราได้อย่างไร เขาก็ด่าเราว่า ควาย แฟนนอกใจมาอยู่กะกูยังไม่รู้ แฟนเรายืนยันว่าไม่จริงไม่เคยเจอตัว ไม่เคยเรียกว่าที่รักกลับ เขาเรียกเอง แฟนเราโทรไปเปิด speaker phone ให้ฟังว่า นี่เรานะ ทำไมมาบอกกะแฟนเขางี้ เราไม่เคยเจอกันบลาๆ สุดท้ายผญ.ตอบว่าก็มันเขียนมายุ่งกับเขาก่อน แล้วก็วางสายไป ลักษณะเธอปั่นเฉยๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริงจากผช.คนนี้อีก
จากนั้นเขาก็ย้ายไปทำงานธนาคารแห่งนึง เขาแอดกลุ่มอบรมพนักงานใหม่ ยอมรับค่ะ เรากลัวเกิดเหตุการณ์อย่างเคยอีก เราหลอน นอนไม่ได้มาหลายวัน เราก็คอยติดตามดูเขาคุยกะสาวๆในนั้น เห็นไม่มีอะไรก็พยายามเชื่อใจ เรามารู้ความจริงเรื่องเขาเคยบอกเราบางเรื่องมันไม่จริงอีก แต่มันเป็นเรื่องในอดีตก่อนคบเรา เราเลยพยายามลืมมันไปให้โอกาสเขา เขาไม่ผ่านโปรที่นี่ เขาอ้างว่าทะเลาะกะเราบ่อยเลยทำให้เขานอนดึกเบลอๆมาทำงาน จากนั้นเขาเข้าทำงานที่ธนาคารอีกแห่งนึงค่ะ ที่นี่เป็นที่ที่เราอยากให้เขาเข้า เป็นคนเอาข่าวเปิดรับสมัครไปให้เขาด้วยซ้ำ แต่แล้วเรื่องราวก็เกิดขึ้น เมื่อพี่ที่กลุ่มทำงานให้เขาแอดกลุ่มทำงาน แฟนเรามาถามว่าแอดนะ เราก็เงียบๆ คิดๆ ก็บอกแล้วแต่ ถ้าจำเป็นก็แอด แต่ใช่เราไม่ค่อยสบายใจ แฟนเราก็แคร์เราเลยไม่กล้าแอดทันที แต่ที่แย่หน่อยคือ เขาดันไปบอกกะหัวหน้าเขาตรงๆไปตอนเขาถามว่าทำไมยังไม่รับแอดว่า กลังแฟนมีปัญหา ขอคุยกะแฟนก่อน เลยเป็นเรื่องสิคะ เพราะเขาก็แบบ เฮ้ย ชั้นเป็นหัวหน้าแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกเหรออะไรแบบนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาเห็นเขาอึดอัด เรากดรับกลุ่มให้เอง เพื่อจบปัญหา จากนั้นเขาก็ทำงานมาซักพัก วันเสาร์เขาได้รับมอบหมายไปขายงานที่หมู่บ้านแห่งนึง เราก็ไปส่งแล้วเลยไปทำงานต่อ จากนั้นก็ไปรับ แต่ตอนไปรับเวลาเลิกงาน เขาติดลูกค้าเลยดีเลย์ เราก็รอ แต่ไม่คิดว่าการรอเซลล์เขาจะไปฟ้องหัวหน้าว่า เราไปเฝ้า โอเค แฟนเราโดนอีก ตอนนั้นแฟนเรามีท่าทีเปลี่ยนไป เหมือนเราเป็นตัวปัญหา เราก็เครียดมากเลยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจทั้งนั้น
ก่อนหน้านั้นนิดนึง เราไปทำงานตปท.2-3 วัน เรามีการถกเถียงกันทางโทรศัพท์ในวันก่อนกลับ เราดูgps เขามุ่งหน้าไปบ้านแฟนเก่าเขาอีกแล้ว แล้วกลับ เราคิดว่าถ้าเขาจะกลับไปหาคนเก่าเขาควรไปเลย นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เราเหนื่อยใจ เรารักกันมาก แต่เรื่องแบบนี้แต่ละครั้งมันทำให้เราไม่เชื่อใจเขาอีก เราไม่อยากระแวงหลอนจนเขาเองจะกระทบต่องานไปด้วยอีก แต่มันก็เกิด สุดท้ายเขาไม่ผ่านโปร ด้วยเหตุเรื่องการทำงานไม่ตรงเป้าและเรื่องบุคคลภายนอกเข้ามาในที่ปฏิบัติงาน เราโดนอีก เราช่วยเหลือเขาโดยให้เขาทำบริษัทต่างประเทศ เดือนนึงทำไม่กี่วัน ได้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ 1 หมื่น แต่ไม่มีโบนัสกะคอม ก็คือว่า 12 เดือนก็ 120000 ที่มากกว่าคือโบนัสนะงี้ เขายังได้ค่าชดเชยจากบริษัทที่ไล่เขาออก พร้อมกะประกันสังคม ซึ่งเราช่วยดูให้ ทุกอย่างเริ่มโอเค เขาก็ทำไมได้ 3-4เดือน เขาเริ่มรู้สึกว่างานนี้ไม่ใช่ น่าเบื่อเหงาอยู่แต่บ้านไม่มีสังคม เราก็เห็นใจ คิดว่าให้เขาทำอันนี้เสริมแล้วไปหางานหลักที่ชอบเงินจะได้เยอะขึ้น และชำระหนี้ได้ อ้อ เขามีหนี้บัตรเครดิตติดตัวมาตั้งแต่เรายังไม่ได้คบกัน 300,000 บาท เดือนนึงใช้ไม่ค่อยพอ fixed cost เป๊ะมาก เราแก่กว่าเขาหลายปี ทำงานที่มั่นคง ตำแหน่งหน้าที่มี มีคอนเนคชั่น พอเขาเกิดปัญหา เราอ่านออกว่าต้องแก้ไขอย่างไร เลยพยายามช่วยเขา ตอนแรกเขาก็รับฟังดี แต่หลังๆพอเขาเบื่องานนี้เขาคงมองความหวังดีเราคือวุ่นวาย ทำลาย พอเขาเบื่อเขาก็ดองงาน บอกไม่ใช่งานที่รัก ขี้เกียจทำ เลยนั่งเล่นเกมส์เสียส่วนใหญ่ เราเตือนให้ทำอะไรก็ทะเลาะกัน จนในที่สุดงานส่งออกตู้นั้น ดีเลย์และเสียหาย เพื่อนเราที่เราฝากงานต้องจ่ายชดเชยไปเกือบแสน
เราอยู่ในภาวะที่อึดอัดกัน เขาเริ่มเปลี่ยนจากอยากไปไหนด้วยตลอดเป็นไม่อยากไป เข้าใจเราผิดๆง่ายมาก เกิดเหตุสุดวิสัยให้ช่วยจอดรถแล้วเราวิ่งลงไปจ่ายอะไรให้ทันเวลาก็ตีความเป็นเราใช้งาน แต่กลับมาบ้านเราก็ยังรักกันดี กอดกันดีอยู่นะคะ แต่หลายทีคิดต่าง เรายอมนะ พยายามผลักดันว่าชอบงานอะไรก็สมัคร เดี๋ยวอันนี้เราแจ้งยกเลิกกะพี่เขาเราไม่อยากฝืนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปสมัคร หรือทำอาชีพเสริมไหน เห็นมีไอเดียอยากขายโน่นทำนี่ แต่ก็ยังไม่ได้ทำ วันนึงมาบอกเราว่าอย่กกลับไปเป็นเทรนเนอร์ เราก็อึ้งๆนะ จากเหตุการณ์ที่เล่าให้ทุกคนฟัง คงรู้ว่าเรากลัว หลอนๆพอควร เราเจอเรื่องทีเราก็เป็นคนใจร้อน โวยวาย แต่พอหายดีกันเราก็เป็นแมว เรายืนยันว่าเราไม่สบายใจ จนขอว่าสิ้นปีค่อยว่ากันนะอาชีพนี้ ขอเราเรียกป.เอกจบก่อน เรายังไม่อยากเครียดตอนนี้ ทำงานอื่นได้มั้ย เขาก็ไม่อยากทำอย่างอื่น บอกว่าเราฝืนใจเขา ส่วนเราก็บอกแล้วที่เขารับปากเราล่ะ คาราราซังงี้มาตั้งแต่กลางปี แต่ก็ดีกันมาเรื่อยๆ
พอเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เรารู้สึกเขาใส่ใจเราน้อยลง เราถามถึงและงอนเขาเล็กน้อย เลยนอนหันหลังไม่ให้กอดเหมือนเคยแต่เช้ามาเราก็ไปง้อ แต่เขาตึงไปเลย พอเราขอโทษก็ไม่หาย และลามไปเรื่องงานนี้ขึ้นมาอีกหน คราวนี้เรายังไม่กล้าตัดสินใจอะไร เลยบอกแค่ว่าเราไม่รู้ ถ้าเขาทำไปเราอาจเลิกกันก็ได้ เพราะมันมีโอกาสเสี่ยง เขาเลยมองว่าเราห้ามเขากักอิสระ ไม่สนับสนุนงานที่เขารัก เราไม่อยากทะเลาะเลยโอเคยอมที่เขาเคยตกลงกะเราก็ได้ แต่เรามีเงื่อนไข ตกลงกันเรื่องที่เราจะไม่สบายใจต้องไม่เกิดขึ้นได้มั้ย เขาบอกเขาไม่มีใครอยู่แล้ว แต่เวลาให้กันอาจนิอยลงเพราะหยุด 1 วันต่ออาทิตย์เอง เราก็เงียบไป เหมือนจะดีกันซักพักเขาก็ไม่คุยด้วยอีกแล้ว และบอกว่าจะประท้วงอย่างสันติ คือไม่พูดด้วย จนกว่าจะได้ทำ เราบอกมีอะไรเราคุยกันดีกว่ามั้ย เราเองก็อยาสบายใจที่คบกันมีอนาคตร่วมกัน ถ้ารักงานฟิตเนสจริงๆจบโทมาทำตำแหน่งอะไรที่อัพเปอร์กว่าที่เราเคยทำตอนป.ตรีมั้ย ตอนแรกเขาบอกจะเป็นเซลเป็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับที่เขาชอบ เราก็โอเคเซลหรืออะไรก็ได้ แต่พอมาอีกวันเขาตึงใส่อีกแล้ว บอกว่ามาคิดดูแล้วอยากเป็นเทรนเนอร์อย่างเดียว เราบอกอย่ากลับไปกลับมาเราเดาใจไม่ถูก เขาบอกจะเอาอันนี้ล่ะ เราก็ร้องไห้นะ คือใจก็กังวลอยู่แล้ว เขาเองก็ตึงกะเราไม่ได้ให้ความสบายใจส่าเขายังรักยังแคร์ที่จะตกลงกันแล้วไปทำอย่างสบายใจทั้งคู่เลย บอกว่าไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งที่ทำงาน เข็ดแล้ว เดี๋ยวต้องโดนออกอีก เราไม่มีทางเลือกเราก็บอกว่าจะทำก็ทำ เราจัดการตัวเองเอง ถ้าไหวเราก็อยู่ต่อ ไม่ไหวเราก็ไป เขาบอกเราพูดแบบนี้ใครจะกล้าสมัคร ระหว่างนั้นเราเดี๋ยวดีเดี๋ยวบึ้งมาตลอแต่เขาไม่เคยเอารูปคู่ออกและยังเรียกเราว่าแฟน
จนกระทั่งวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันส่งงานป.เอก เขาไม่มาดูกาีแสดงของเรา ถามว่าเป็นอะไร บอกขี้เกียจไป เราน้อยใจมาก เลิกงานกลับมาหาเขาพบว่าเขายืนคุยกะผญ.คนนึงที่ฟิตเนสในคอนโดอยุ่ เราจอดรถและเดินลงไปถามเขาว่าตะกี้คุยกับใครแต่เจากลับตอบว่าไม่ได้คุยกะใคร เขาโกหก เราเลยเดินไปหาผญ.ถามว้าดมื่อกี้คุณคุยกับแฟนเราใช่มั้ย เขาบอกว่าอ้อเป็นเพื่อนของเพื่อนที่เคยทำงานที่ธนาคารเก่า ผญ.บอกไม่มีอะไรนะ อย่าคิดมาก เขาคุยกันตอนนั้น เราก็ยังวางใจ แต่พอเราขึ้นไปข้างบนคอนโดคุยกะเขาต่อ เขาบอกเลิกเรา เขาบอกเขาไม่รักเราแล้ว ไม่รู้สึกอะไรด้วยแล้ว เราบอกเพราะเรื่องงานนี้อ่ะเหรอ เรายอมแล้วไง ทำไมทิ้งกันแบบนี้ เขาบอกเขาอึดอัดหลายๆอย่าง ในขณะที่เราทำเพื่อเขาทั้งชีวิต หาทางต่างๆนานา เราร้องไห้ปางตาย ย้ายออกไม่ไหว ยอมทนอยู่ทนง้อมา 5-6 วัน เขาเอารูปคู่ออก เริ่มโพสต์fb บ่อยขึ้น เราร้องไห้รับกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ทัน สุดท้าย เรายอมย้ายออก ย้ายไปได้ 3 วัน เรายังคิดถึงเขาตามดู gps ตามเขาไปดูตามที่ต่างๆเขาไปคนเดียว สมัครงานคนเดียว เราคิดถึงไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าจะทำลายเขา เขาบอกเขาอยากอยู่คนเดียวทำอะไรคนเดียวไม่มีใครมาบังคับอีก เขาไม่ได้มองที่เขาทำคือปัญหาของเราบ้าง เขามองที่เราระแวงคือทำให้เขาแย่อย่างเดียว แต่เราไม่เคยคิดจะทิ้งเขา แบะทุกอย่างเขาoffer เราเอง เพื่อให้เราไม่เลิกกะเขาในตอนนั้น ไม่ใช่เราตามไปเช็คก่อน