เธอทั้งหลายจงเพ่งพินิจ อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลัง......







ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์  ดังนี้
ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล จึงเรียกว่า สัตว์?

-สัตตสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=4433&Z=4459






ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ เพื่อความตั้งอยู่แห่งเหล่าสัตว์ที่เกิดแล้วบ้าง
เพื่อความอนุเคราะห์เหล่าสัตว์ที่แสวงหาภพที่เกิดบ้าง อาหาร ๔ อย่าง เป็นไฉน?

-มหาตัณหาสังขยสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=8041&Z=8506






อมยิ้ม33
โพธิกถา ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ

http://84000.org/tipitaka/read/?4/1/1






ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเพ่ง อย่าประมาท
อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลังเลย นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย ฯ

-อสังขตสังยุตต์ วรรคที่ ๑-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=9026&Z=9078






ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลายจงเพ่งพินิจ อย่าประมาท
อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นคำพร่ำสอนของเราแก่เธอทั้งหลาย.

-เทวธาวิตักกสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=3953&Z=4098







อมยิ้ม33
ดูกรอานนท์ อวิชชาแทรกอยู่แล้วในธรรมเหล่านี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=931&Z=1011






ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา...

-อวิชชาสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=2712&Z=2781





อมยิ้ม33
สังขารในไตรลักษณ์กับสังขารในขันธ์ ๕

http://ppantip.com/topic/33564355




อมยิ้ม31
Anicca Vata Sankhara - by Bhikkhu Bodhi
http://www.accesstoinsight.org/lib/authors/bodhi/bps-essay_43.html






เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชราและมรณะจึงมี ชราและมรณะย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นเพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย จึงได้รู้ด้วยปัญญาว่า เมื่อชาติมีอยู่
ชราและมรณะจึงมี ชราและมรณะย่อมมีเพราะชาติเป็นปัจจัย ... เมื่ออะไรหนอมีอยู่
ชาติจึงมีชาติย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย ...

-มหาศักยมุนีโคตมสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=173&Z=240






ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ยิ่งซึ่งคุณโดยความเป็นคุณ โทษโดยความเป็นโทษ
และเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ตามความเป็น
จริงอย่างนี้ เพียงใด............

-อัสสาทสูตรที่ ๑-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=622&Z=645






เราได้พบมรรคาเก่า หนทางเก่า ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ เคยเสด็จไป ก็มรรคาเก่า หนทางเก่า
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เคยเสด็จไปนั้น เป็นไฉน คือมรรคาอันประกอบด้วยองค์ ๘ อันประเสริฐ นี้แล
ได้แก่สัมมาทิฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แล มรรคาเก่า หนทางเก่า ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ เคยเสด็จไปแล้ว
เราก็ได้ เดินตามหนทางอันประเสริฐซึ่งประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ อันเป็นทางเก่านั้น เมื่อกำลังเดินตามหนทางนั้นไป
ได้รู้ชัดซึ่งชราและมรณะ เหตุเกิดขึ้นแห่งชราและมรณะ ความดับแห่งชราและมรณะ.......

-นครสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=2780&Z=2854






[๔๐๐] ดูกรอานนท์ โดยที่แท้ เราได้กล่าวความดับแห่งสังขารทั้งหลาย โดยลำดับแล้ว
คือ เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมดับ ฯลฯ เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
สัญญาและเวทนาย่อมดับ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผู้ขีณาสพย่อมดับ ฯ

-อานันทสูตรที่ ๑-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=5864&Z=5890






ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เราเรียกว่าเวทนา เพราะผัสสะเกิดขึ้นเวทนาจึงเกิด เพราะผัสสะดับไป เวทนาจึงดับ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้นั่นแล คือ สัมมาทิฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ เป็นปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งเวทนา
สุข โสมนัส ย่อมเกิดขึ้น เพราะอาศัยเวทนาใด นี้เป็นคุณแห่งเวทนา เวทนาใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งเวทนา

-สัมพหุลสูตรที่ ๑-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=5908&Z=5933






ดูกรภิกษุก็คำนี้ว่า ความเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้ เรากล่าวหมายเอาความที่สังขารทั้งหลายนั่นเองไม่เที่ยง
ดูกรภิกษุ ก็คำนี้ว่า  ความเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทุกข์ ดังนี้  เรากล่าวหมายเอาความที่สังขารทั้งหลายนั่นแหละมีความสิ้นไป
เสื่อมไป คลายไป ดับไป แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ฯ

-รโหคตสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=5493&Z=6294






ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาหาร ๔ อย่าง เพื่อความดำรงอยู่ของสัตวโลกที่เกิดมาแล้ว
เพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด อาหาร ๔ อย่างนั้น
คือ ๑ กวฬิงการาหาร หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง ๒ ผัสสาหาร ๓ มโนสัญเจตนาหาร ๔ วิญญาณาหาร
อาหาร ๔ อย่างนี้แล เพื่อความดำรงอยู่ของสัตวโลกที่เกิดมาแล้ว
หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ

-อัตถิราคสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=2697&Z=2779






สังขาร ๓ ประการเหล่านี้ คือ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑ จิตตสังขาร ๑
นี้เรียกว่าสังขาร เพราะอวิชชาเกิด สังขารจึงเกิด เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้น คือ ความเห็นชอบ ๑ ฯลฯ ความตั้งใจชอบ ๑
เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับสังขาร ฯ

-ภิกขุสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=1075&Z=1117






อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร ฯลฯ
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก.

-สัตตัฏฐานสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=1379&Z=1448





สังขารวาร
http://www.84000.org/tipitaka/read/?12/127/99






อาการที่สุขโสมนัสอาศัยสังขารเกิดขึ้น นี้เป็นคุณในสังขาร
อาการที่สังขารไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษในสังขาร
อาการที่กำจัดฉันทราคะ ละฉันทราคะในสังขารได้ นี้เป็นทางสลัดออกในสังขาร

-มหาปุณณมสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=1980&Z=2186






บุรุษไม่ใส่หญ้าแห้ง ไม่ใส่โคมัยแห้ง และไม่ใส่ไม้แห่งในไฟกองนั้นทุกๆ ระยะ
ภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ ไฟกองใหญ่นั้น ไม่มีอาหาร พึงดับไป เพราะสิ้นเชื้อเก่า
และเพราะไม่เติมเชื้อใหม่ แม้ฉันใด................

-อุปาทานสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=16&A=2279&Z=2307&pagebreak=0






เพราะสิ้นเชื้อเก่า และเพราะไม่เติมเชื้อใหม่ แม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย
เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมดับ ฉันนั้นเหมือนกัน

-ปฐมสังโยชนสูตร -
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=2308&Z=2335&pagebreak=0






อริยสาวก ย่อมไม่ก่ออะไร ย่อมไม่ทำอะไรให้พินาศ แต่ทำให้พินาศแล้วตั้งอยู่.......

-ขัชชนิยสูตร-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=1955&Z=2041





อมยิ้ม33
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

http://www.84000.org/tipitaka/read/?4/13/18




อมยิ้ม33
โพธิปักขิยธรรม ๓๗






อมยิ้ม33
อนัตตลักขณสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=04&A=479&Z=575





อมยิ้ม33
ภิกษุอบรมจิตให้ดีด้วยปัญญาอย่างนี้ว่า
จิตของเราปราศจากราคะแล้ว จิตของเราปราศจากโทสะแล้ว
จิตของเราปราศจากโมหะแล้ว จิตของเราไม่มีราคะเป็นธรรมดา
จิตของเราไม่มีโทสะเป็นธรรมดา จิตของเราไม่มีโมหะเป็นธรรมดา
จิตของเราไม่เวียนมาเพื่อรูปราคะเป็นธรรมดา จิตของเราไม่เวียนมาเพื่ออรูปราคะเป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล ภิกษุอบรมจิตให้ดีด้วยปัญญาแล้ว
ในกาลนั้น ควรเรียกภิกษุนั้นว่า ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ฯ

-สิลายูปสูตรที่ ๑-
http://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=23&item=229&items=1&preline=0





ดอกไม้
ยอดของสังขตธรรม
http://ppantip.com/topic/32165674




สพเพธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย - ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น
http://ppantip.com/topic/31758227
เม่าฝึกจิต





อมยิ้ม33

http://www.openbase.in.th/files/ebook/sangh/set1/sangharaja014.pdf





อมยิ้ม33
จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
http://ppantip.com/topic/34388074






แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่