จบปีซักที 1ปีของการพยายามจะเป็น trader มือสมัครเล่นอย่างจริงจัง
1ปีที่ผ่านมานี้ ได้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อตัวเองมากมาย
เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ บรรลุทุกข้อและได้ผลที่ตามมาเกินกว่าที่ผมจะคิดฝัน
ข้อคิดที่ได้จากการ trade หลายปีที่ผ่านมา มีหลายอย่างมากๆ
ในตลอดช่วงที่หุ้น กับ commodity ต่างๆ ยังคงลงอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่ port ผมกลับโชคดีทำตามเป้าหมาย 100 % ได้ตั้งแต่ปลาย Q1
โดยที่ผมยังคงโชคดีต่อเนื่อง
ที่หลังจากนั้น SET index กลับตัวเป็นขาลง ตามแผนที่วางไว้
โดย port หลักผมยังคง เก็บ cash flow และทำ higher high ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ผมเลยสามารถกันกำไรส่วนเกินออกมา trade ใน product ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ผมไม่กล้าพูดว่า ผมมาถูกทางหรือไม่ กำไรที่ผ่านมา ผมว่ามันก็พิสูจน์ อะไรไม่ได้
แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้และทำมีอยู่ไม่กี่อย่างคือ
1.เลิกคาดเดาตลาด และเลือก Product ที่เหมาะสม กับตลาดในช่วงเวลานั้นๆ
ไม่ว่าตลาดไปทางไหนเราก็มีแผนรองรับและมี product ที่ทำกำไรได้เสมอ
"ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันว่า ตลาดจะขึ้นหรือจะลง
เราควรถกเถียงกันเรื่องจะทำยังไงให้อยู่รอดในตลาดได้ ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือลง"
Mindset นี้ฝังเข้าไปใน ซีรีบรัม By พี่ต้าน Mudley Group
2.แบ่ง port ชัดเจน ว่าส่วนไหนเอาไป trade อะไร
สำหรับในปีในผมใช้ สมการของ Ray Dalio ที่ว่า
Return = Cash + Beta +Alpha มาใช้
โดยโครงสร้าง สมการของผมคือ 30%+40%+30%
(เงินสด+productที่มีความผันผวนสูง+productที่มีไม่มีทางมีค่าเป็น0)
อธิบายง่ายๆก็คือ ผมหา cash flowจากการ tradeต่างๆที่มีความผันผวนขึ้นลง(beta)
ถ้าขาดทุนก็เอาเงินตรง cash มาเติมให้เป็น 40% อยู่เสมอ
แต่ถ้ากำไรก็ไปดู cash ก่อนว่าอยู่ครบ 30%มั้ย
ถ้าขาดก็เติมให้ครบ 30% แต่ถ้าครบแล้วก็แบ่งเงินไปซื้อ alpha(เช่นพวกหุ้น)
ซึ่งก็ต้องรอจังหวะที่ เข้า buy case อีกที
3.มีแผนชัดเจนไม่มั่ว และต้องทำตามแผนที่วางไว้
แบ่ง Position size ตาม port และ วาง timing การเข้าซื้อในราคาที่มีนัยยะ
แบ่ง case เสมอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ไหนจะต้อง action ยังไง จะเข้าแต่ละไม้ตรงไหน
ทุกอย่างนี้ต้องคิดก่อนแล้วถึง take action ไม่ใช่รอให้เหตุการณ์มาแล้วค่อยคิด
พร้อมกันนี้ยัง คำนวน Risk Reward Ratio และ %win % lose เก็บไว้ใน trading diary เป็น excel เท่าที่ทำได้
4.Hedging ทุกอย่างเท่าที่ทำได้
ความได้เปรียบของการซื้อ asset จริงคือเราสามารถเอา asset นั้น
มาป้องกันความเสี่ยงได้ เหมือนซื้อประกันเลยครับ
ผมชอบซื้อหุ้นเก็บไว้ระยะยาว มอง upside 100% ใน 3 ปี
โดยในระหว่างการเก็บหุ้นในตลาดขาลงผมทำทุกอย่าง
ทั้ง หาค่าความสัมพันธ์ของราคาหุ้นที่ผมสนใจเทียบกับราคา SET index
(เรียกว่าค่า beta ของหุ้น ซึ่งมันเป็นคนละแบบกับ Beta ข้างบนในสมการนะ)
ทำให้ผมสามารถคำนวน position size ที่เหมาะสมกับ port ของผม ในproductเช่น
Future index ,Put DW,short call/ short put option
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเก็บ cash flow เพื่อไปเพิ่มจำนวนหุ้นใน port ได้เรื่อยๆ
โดยที่ผมไม่ต้องสนใจราคาหุ้นเลยแม้ตลาดจะยังคงลงต่อเนื่อง
5.โลภในสถาวะที่ควรโลภ และป๊อดในสภาวะที่ควรป๊อด
ในจังหวะที่สุ่มเสี่ยง ที่สามารถทำให้ port เสียหายได้ถ้ามันผิดทาง
ผมจะเลือกป๊อด แต่ถ้าผมมีกำไรอยู่ ผมสามารถ
เอากำไรส่วนเกินไป trade โดยรับความเสี่ยงมากขึ้น
กำไรส่วนเกินที่ได้มา ที่รอจะซื้อหุ้นแต่ราคายังไม่น่าสนใจ เก็บไว้ก็คงไม่ได้ทำอะไร
เอาเงินตรงนี้ไป trade บน productอื่นที่มีความเสี่ยงสูงเช่น
Long call /Long put option มันมีโอกาสผิดทางสูงอยู่แล้ว
หรือสามารถเพิ่มขนาด position future index ได้อีก
เพราะถ้าผิดทางก็เราไม่เสียหาย เพราะเราเอากำไรมาเล่น
แต่ถ้าถูกทาง เราก็เตรียมได้รับ Double-Triple profit ได้เลย
6.พร้อมเรียนรู้ และปรับปรุงการtrade อยุ่เสมอ
ปีที่ผ่านไปผมพยายามออกสังคมมากขึ้น 555+
พยายามไปฟังสัมนา ว่าคนอื่นเค้า trade กันยังไง
มีไอเดียอะไรที่พอจะเอามาปรับใช้กับตัวเราได้บ้าง
โดยพยายามไม่มีอคติกับตัวบุคคล ไม่มีถูกไม่มีผิด
ผลที่ได้ทำให้ สมองเราเรียนรู้ ประสบการณ์ และกลยุทธ์มากมาย
และที่สำคัญ มันทำให้เรารุ้ว่า เรา
โคตรกากแค่ไหน
ปีนี้คงเป็นปีที่หลายคนยากลำบาก แต่ผมคิดว่า ทุกคนคงรู้อยุ่แล้วว่า ตัวเองขาดอะไรไป
มีเครื่องมือมีมากมายให้เราใช้ ในยามที่ตลาดลง เราคงไปห้ามให้ราคาหุ้นลงต่อไม่ได้
แต่เรายังสามารถทำกำไรจาก product อื่นๆได้ ผมคิดว่าควรจะเลิกอ้างว่าไม่มีเวลาศึกษากันได้แล้วมั้ง ใครก็ตามที่สามารถปรับปรุง จุดอ่อนและข้อผิดพลาดของตัวเองได้
คุณก็สมควรได้เงินไปครับ
เรื่องมีแค่นั้นจริงๆ หวังปีนี้ผ่านไปแล้ว เก็บเป็นบทเรียน ปีหน้าเอาใหม่เนอะ
สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ
credit :
https://www.facebook.com/seamhoon/posts/1694992024046656
ความจริงจัง 1 ปี กับการเป็น Trader มือสมัครเล่น
1ปีที่ผ่านมานี้ ได้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อตัวเองมากมาย
เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ บรรลุทุกข้อและได้ผลที่ตามมาเกินกว่าที่ผมจะคิดฝัน
ข้อคิดที่ได้จากการ trade หลายปีที่ผ่านมา มีหลายอย่างมากๆ
ในตลอดช่วงที่หุ้น กับ commodity ต่างๆ ยังคงลงอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่ port ผมกลับโชคดีทำตามเป้าหมาย 100 % ได้ตั้งแต่ปลาย Q1
โดยที่ผมยังคงโชคดีต่อเนื่อง
ที่หลังจากนั้น SET index กลับตัวเป็นขาลง ตามแผนที่วางไว้
โดย port หลักผมยังคง เก็บ cash flow และทำ higher high ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ผมเลยสามารถกันกำไรส่วนเกินออกมา trade ใน product ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ผมไม่กล้าพูดว่า ผมมาถูกทางหรือไม่ กำไรที่ผ่านมา ผมว่ามันก็พิสูจน์ อะไรไม่ได้
แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้และทำมีอยู่ไม่กี่อย่างคือ
1.เลิกคาดเดาตลาด และเลือก Product ที่เหมาะสม กับตลาดในช่วงเวลานั้นๆ
ไม่ว่าตลาดไปทางไหนเราก็มีแผนรองรับและมี product ที่ทำกำไรได้เสมอ
"ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันว่า ตลาดจะขึ้นหรือจะลง
เราควรถกเถียงกันเรื่องจะทำยังไงให้อยู่รอดในตลาดได้ ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือลง"
Mindset นี้ฝังเข้าไปใน ซีรีบรัม By พี่ต้าน Mudley Group
2.แบ่ง port ชัดเจน ว่าส่วนไหนเอาไป trade อะไร
สำหรับในปีในผมใช้ สมการของ Ray Dalio ที่ว่า
Return = Cash + Beta +Alpha มาใช้
โดยโครงสร้าง สมการของผมคือ 30%+40%+30%
(เงินสด+productที่มีความผันผวนสูง+productที่มีไม่มีทางมีค่าเป็น0)
อธิบายง่ายๆก็คือ ผมหา cash flowจากการ tradeต่างๆที่มีความผันผวนขึ้นลง(beta)
ถ้าขาดทุนก็เอาเงินตรง cash มาเติมให้เป็น 40% อยู่เสมอ
แต่ถ้ากำไรก็ไปดู cash ก่อนว่าอยู่ครบ 30%มั้ย
ถ้าขาดก็เติมให้ครบ 30% แต่ถ้าครบแล้วก็แบ่งเงินไปซื้อ alpha(เช่นพวกหุ้น)
ซึ่งก็ต้องรอจังหวะที่ เข้า buy case อีกที
3.มีแผนชัดเจนไม่มั่ว และต้องทำตามแผนที่วางไว้
แบ่ง Position size ตาม port และ วาง timing การเข้าซื้อในราคาที่มีนัยยะ
แบ่ง case เสมอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ไหนจะต้อง action ยังไง จะเข้าแต่ละไม้ตรงไหน
ทุกอย่างนี้ต้องคิดก่อนแล้วถึง take action ไม่ใช่รอให้เหตุการณ์มาแล้วค่อยคิด
พร้อมกันนี้ยัง คำนวน Risk Reward Ratio และ %win % lose เก็บไว้ใน trading diary เป็น excel เท่าที่ทำได้
4.Hedging ทุกอย่างเท่าที่ทำได้
ความได้เปรียบของการซื้อ asset จริงคือเราสามารถเอา asset นั้น
มาป้องกันความเสี่ยงได้ เหมือนซื้อประกันเลยครับ
ผมชอบซื้อหุ้นเก็บไว้ระยะยาว มอง upside 100% ใน 3 ปี
โดยในระหว่างการเก็บหุ้นในตลาดขาลงผมทำทุกอย่าง
ทั้ง หาค่าความสัมพันธ์ของราคาหุ้นที่ผมสนใจเทียบกับราคา SET index
(เรียกว่าค่า beta ของหุ้น ซึ่งมันเป็นคนละแบบกับ Beta ข้างบนในสมการนะ)
ทำให้ผมสามารถคำนวน position size ที่เหมาะสมกับ port ของผม ในproductเช่น
Future index ,Put DW,short call/ short put option
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเก็บ cash flow เพื่อไปเพิ่มจำนวนหุ้นใน port ได้เรื่อยๆ
โดยที่ผมไม่ต้องสนใจราคาหุ้นเลยแม้ตลาดจะยังคงลงต่อเนื่อง
5.โลภในสถาวะที่ควรโลภ และป๊อดในสภาวะที่ควรป๊อด
ในจังหวะที่สุ่มเสี่ยง ที่สามารถทำให้ port เสียหายได้ถ้ามันผิดทาง
ผมจะเลือกป๊อด แต่ถ้าผมมีกำไรอยู่ ผมสามารถ
เอากำไรส่วนเกินไป trade โดยรับความเสี่ยงมากขึ้น
กำไรส่วนเกินที่ได้มา ที่รอจะซื้อหุ้นแต่ราคายังไม่น่าสนใจ เก็บไว้ก็คงไม่ได้ทำอะไร
เอาเงินตรงนี้ไป trade บน productอื่นที่มีความเสี่ยงสูงเช่น
Long call /Long put option มันมีโอกาสผิดทางสูงอยู่แล้ว
หรือสามารถเพิ่มขนาด position future index ได้อีก
เพราะถ้าผิดทางก็เราไม่เสียหาย เพราะเราเอากำไรมาเล่น
แต่ถ้าถูกทาง เราก็เตรียมได้รับ Double-Triple profit ได้เลย
6.พร้อมเรียนรู้ และปรับปรุงการtrade อยุ่เสมอ
ปีที่ผ่านไปผมพยายามออกสังคมมากขึ้น 555+
พยายามไปฟังสัมนา ว่าคนอื่นเค้า trade กันยังไง
มีไอเดียอะไรที่พอจะเอามาปรับใช้กับตัวเราได้บ้าง
โดยพยายามไม่มีอคติกับตัวบุคคล ไม่มีถูกไม่มีผิด
ผลที่ได้ทำให้ สมองเราเรียนรู้ ประสบการณ์ และกลยุทธ์มากมาย
และที่สำคัญ มันทำให้เรารุ้ว่า เราโคตรกากแค่ไหน
ปีนี้คงเป็นปีที่หลายคนยากลำบาก แต่ผมคิดว่า ทุกคนคงรู้อยุ่แล้วว่า ตัวเองขาดอะไรไป
มีเครื่องมือมีมากมายให้เราใช้ ในยามที่ตลาดลง เราคงไปห้ามให้ราคาหุ้นลงต่อไม่ได้
แต่เรายังสามารถทำกำไรจาก product อื่นๆได้ ผมคิดว่าควรจะเลิกอ้างว่าไม่มีเวลาศึกษากันได้แล้วมั้ง ใครก็ตามที่สามารถปรับปรุง จุดอ่อนและข้อผิดพลาดของตัวเองได้
คุณก็สมควรได้เงินไปครับ
เรื่องมีแค่นั้นจริงๆ หวังปีนี้ผ่านไปแล้ว เก็บเป็นบทเรียน ปีหน้าเอาใหม่เนอะ
สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ
credit : https://www.facebook.com/seamhoon/posts/1694992024046656