สวัสดีค่ะ ... หลังจากที่ได้เป็นเจ้าสาวป้ายแดงไป จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนนะคะ  หากว่ามีการใช้ถ้อยคำ หรือสื่อสารผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ (ยาวนิดนึงนะคะ)

เหตุเกิดเมื่อ ปี 2557
ติ๊งติ๊ง (มโนว่าเป็นเสียงแชทเฟสบุค)
แฟน .... “ ดอกไม้ที่ได้มาอยู่ดีมะ ? “
เรา ....  “ อยู่ดีมีสุข เก็บไว้อย่างดี 555+ “
แฟน ....  “ รู้ระล่ะ ก็เตงไปแย่งชิงมานิ่หน่า  เขาว่ากันว่าถ้าได้ดอกไม้จะได้แต่งงานนะ “
เรา ...  “ เขาว่ากันมางั้นล่ะ แต่ก็เฉย ๆ อะ ไม่ได้อะไรกับมันมากมาย “
แฟน ... “ งั้นเราลองมาทำงานแต่งงานกันดูมั้ย “
เรา .... สตั๊นท์ 5 วิ  “ ......................... จริงอะ “
แฟน ... “ จริงดิ “

นี่เป็นเรื่องราวการขอแต่งงานแบบว่า ไม่ทันได้ตั้งตัว แบบ งง ๆ เล็กน้อย  หลังจากที่คบหาดูใจกันมาก็ 4 ปี   ยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว ^^  ไร้ซึ่งการคุกเข่าแบบชมพู่  ไร้ซึ่งวิวสวยงามแบบเอมี่  ... แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ดีใจสุดๆ แล้ว

เมื่อเราสองคนตกลงจะแต่งงานกัน  การวางแผนก็ต้องเกิดขึ้น  แต่งที่ไหน ? เมื่อไร ? อย่างไร ? ด้วยการที่เราสองคนเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน กินเดือนชนเดือน   การจะทำอะไรสักอย่างย่อมคิดเยอะเป็นเรื่องธรรมดา    ...... ตั้งใจกันว่าเก็บเงินเข้าบัญชีฝากประจำคนละ 1,000 บาท แล้วค่าคอมมิชชั่น  โบนัส ทุกบาททุกสตางค์นั้นจะเก็บเข้าบัญชีงานแต่งงานหมด เราสองคนใช้เวลาในการเก็บเงิน ปีกว่าค่ะ มีเงินก้อนมาก้อนนึงสำหรับงานแต่งงานเล็ก ๆ ของเรา

เราสองคนได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่  0  - 100  ต้องเรียกว่า ทำเองทุกอย่าง หาซื้อของเองทุกอย่างด้วยตนเองจริง ๆ พรีเวดดิ้ง ,  ฤกษ์ ,  การ์ด , ของชำร่วย , ของรับไหว้ , blessing card  ฯลฯ ( แล้วเราจะรีวิวให้ดูทีละอย่างนะคะ )   ไม่พึ่งพาใครเลย แม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ เพราะความคิดของเราคือ ต้องการให้ท่านไปนั่งเป็นผู้ใหญ่สบาย ๆ  แต่งตัวสวย  ๆ   ในงานเท่านั้นพอ  เราจะขอค่อยๆรีวิวงานแต่งงานทีละขั้นตอนเลยนะคะ

“ฤกษ์”  เราหากันเองค่ะ หาตามอินเตอร์เน็ต แฟนเอาวันเดือนปีเกิดของเราสองคนดู  แล้วหาในเว็บดูดวงดูฤกษ์ทั่วไป  สรุปได้วันที่  6 และ  7 พฤศจิกายน 58 ค่ะ


“พรีเวดดิ้ง”  เราถ่าย 2 รอบค่ะ  เน้นประหยัดทำไม 2 รอบล่ะ ??? มีคำตอบค่ะ ..........
** พรีเวดดิ้งครั้งแรก  งานนี้เรายอมลงทุนหน่อยค่ะ  อยากได้ภาพที่สวยและสถานที่ที่ประทับใจ เราเลือกไปถ่ายที่ “เกาะล้าน” ค่ะ ทำไมต้องเกาะล้าน เนื่องจากเป็นสถานที่แรกที่เราสองไปเที่ยวด้วยกันสองคน เป็นสถานที่ที่มีความทรงจำมากมาย จึงเลือกที่นี่ค่ะ  เราเลือกถ่ายพรีเวดดิ้ง กับ  Colofeel  ช่างภาพมี 2 ท่านคือ พี่อุ๋ย กับ พี่เอ๋ น่ารักใจดี เป็นกันเองมากค่ะ โปรโมชั่นครอบคลุมค่ะ  แต่งหน้า+ชุดแต่งงาน+ถ่ายภาพ  1  วันเต็ม ๆ    สถานที่พักในการถ่ายพรีเวดดิ้งเลือก  “เฉลียงลม” ค่ะ ที่พักน่ารักมาก  บริการเป็นกันเองมากๆ  

เราพัก 3 วัน 2 คืนค่ะ ไปพักก่อน 1 วันเพื่อเตรียมตัวถ่ายวันที่ 2 เพราะคาดว่าคงจะเหนื่อยมาก จะได้มีเวลาพักอีก 1 วัน  เราสองคนเลยถือโอกาสไปเที่ยวด้วยในตัวค่ะ ค่าพรีเวดดิ้ง ณ ตอนนั้น  17,xxx บาท ค่ะ  ส่วนค่าที่พัก คืนละ  1,200 บาทค่ะ  




พรีเวดดิ้งรอบสอง  รอบสองนี้ได้มาจากพี่ๆในพันทิปนี่แหล่ะค่ะ  วันนั้นบังเอิญอ่านกระทู้ห้อง กล้อง เจอกระทู้นึง รับสมัครคู่พรีเวดดิ้งถ่ายฟรี 10 คู่  เพื่อต้องการนำรูปมาทำพอร์ท เราก้เลย อ่ะ ลองดูไม่เสียหายอะไร ก้เลยแอดไลน์พี่เจ้าของกระทู้ไป  ได้รู้จักกัน พี่เขาชื่อ พี่เต๋า ค่ะ  มีเพจด้วยนะคะ (ใส่เพจ)  ตกลงสรุปคุยกัน ก็คือ มีชุดแต่งงานให้ แต่แต่งหน้าทำผมมาเอง สถานที่จ่ายเอง ถ่ายให้ฟรี ๆ ให้รูปทั้งหมด  เราสองคนเลยเลือกถ่ายที่ “ดรีมเวิลดิ์” ค่ะ เนื่องจากใกล้บ้าน บ้านอยู่คลองสาม ค่ะ งานนี้เลยเสียแค่ค่ากิน ค่าเข้าดรีมเวิลด์ออกให้กับช่างภาพด้วย  แล้วก็ค่าเข้าเมืองหิมะ ตอนแรกว่าจะไม่เข้าค่ะ แต่พี่เต๋าบอกว่า เข้าเถอะ พี่อยากถ่าย  เรากับแฟนก็เลย โอเค เพราะไม่เคยเข้าด้วย ก็เลยได้รูปตามนี้เลยค่ะ สำหรับดรีมเวิลด์และเมืองหิมะ





"ของรับไหว้"   ..... เราเลือกเป็น “ข้าว 7 สีเกษตรอินทรีย์”  ตามความเชื่อโบราณว่า ข้าว จะทำให้ครอบครัวมีกินมีความอุดมสมบูรณ์ตลอดไป
-    ข้าว 7 สี ซื้อที่ พาราไดซ์พาร์คค่ะ  ห่อละ 100 บาท ทั้งหมด 10 ห่อ ค่ะ
-    ถุงผ้าขาว  สำเพ็งค่ะ โหลละ 270 ค่ะ  (ขายยกโหล ซื้อเกินก็ยกให้กับน้องๆไปค่ะ)


"แหวน" .... เราเลือกซื้อตามงบประมาณที่มีค่ะ เลยได้เป็นแหวนเจ้าสาววงเดียว แหวนทองครึ่งสลึง  แม้คุณค่าไม่มากมายแต่คุณค่าทางใจมากมายเหลือเกินค่ะ ^^


"ป้ายชื่อ"  ... เราออกแบบเองอีกแล้ว ^^ โดยหาร้านจากอินเตอร์เน็ตเช่นเคยค่ะ เลือกแบบจากที่ร้านเขามีให้ สีกำหนดเองเพื่อให้ตัดกับผ้าม่านของโรงพยาบาลสงฆ์ เราสั่งทำทั้งงานเลยค่ะ ทั้งงานเช้าและงานเย็น สองป้ายนี้ราคา 1,500 บาท





"การ์ด"  .... เราทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ออกแบบการ์ด ปริ๊นท์การ์ด ทำเป็นรูปร่างออกมา
-    ออกแบบการ์ด เราให้แฟนทำให้จาก photoshop ค่ะ ให้ลูกสาว วาดรูปบ่าวสาวเป็นแบ็คกราวน์ให้  ทุกคนอาจจะสงสัยทำไมไม่ชื่อพ่อหรือชื่อแม่ในการ์ด  เราคุยกับพ่อแม่แล้วค่ะว่าการ์ดจะให้ใส่ชื่อลงไปมั้ย พ่อกับแม่บอกไม่ต้องหรอก ญาติๆเราน้อยแทบไม่มีใคร มีแต่แขกกันเอง ส่วนใหญ่จะบอกปากเปล่ากัน ที่ทำการ์ดเพื่อแจกเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานล้วนๆค่ะ  ภาพวาดลูกสาวเราค่ะ


-    ปริ๊นท์การ์ด พอออกแบบเสร็จ เราก็ไปปริ๊นท์ที่ร้านอัดรูปค่ะ รูปละ 2 บาท เราทำแค่ 50 ใบเท่านั้นค่ะ
-    รูปแบบการ์ด   เราใช้กระดาษดอลลี่  (กระดาษรองเค๊ก) ซื้อจากสำเพ็ง , กระดาษแข็งสีน้ำตาล office mate , ริบบิ้นสีทองค่ะ สำเพ็ง


พอได้อุปกรณ์ครบเราสองคนกับแฟนก็ลงมือทำกันเลยค่ะ อาศัยเลิกงานกลับถึงคอนโด ทำวันละสี่ห้าใบ ทำไปเรื่อย ๆ ค่อยบรรจงติดกาว กว่าจะครบ 50 ใบ ก็หลายเดือนอยู่นะคะ สนุกค่ะ ได้ทำร่วมกัน ได้ออกความคิดเห็นกัน ภูมิใจค่ะ






"ของชำร่วย" .... ทำเองอีกเช่นเคยค่ะ ด้วยที่ว่าชื่อเราสองคน ขึ้นต้นด้วยตัว M ทั้งคู่เลยจะเลือก ช็อกโกแลต M&M   แต่ว่าดูราคาแล้วค่อนข้างแพงจนเกินไปนักเพราะเราทำของชำร่วยหลายร้อยชิ้น  ก็เลยเลือกช็อกโกแลตรูปหัวใจค่ะ ซื้อยกโหลจาก MAKRO  นำมาใส่กระปุกที่ซื้อยกโหลมาจากสะพานหัน  คลุมด้วยผ้าลูกไม้จากสำเพ็ง ผูกด้วยดิ้นทองจากสำเพ็งเช่นกัน   ของชำร่วยนี้ คุณแม่ทำทั้งหมดด้วยมือท่านเองเลยค่ะ เพราะเรื่องงานฝึกมือต้องขอบายจริง ๆ  ทำแล้วเก้ๆกังๆ คุณแม่เลยบอกว่า มา ๆ ชั้นทำเอง 555+  ทั้งหมด 180 ชิ้นค่ะ เราใช้ทั้งงานเช้าและงานเย็น เผื่อเหลือเผื่อขาด  ได้ออกมาตามรูปเลยค่ะ


"Tag"  .... เราเลือกเป็นตรายางปั๊มเลยค่ะ เพื่อที่จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ ออกแบบเอง สั่งทำเอง อันละ 150 บาท ปั๊มได้เป็นพันอันเลยค่ะ เราเลือกปั๊มบนกระดาษสีน้ำตาล คล้ายกับการ์ดเลยค่ะ แล้วตัดเป็นแผ่น ๆ



"ชุดไทย" ... เลือกร้านสตูดิโอแถวคอนโด (แถวสำโรง) ค่ะ ได้ราคาโปรโมชั่นร้านพอดีเลยค่ะ  ชุดไทยบ่าวสาว  4,xxx  บาทค่ะ ราคาค่อนข้างถูกถ้าเทียบกับความสวยงามของชุดที่ได้รับกลับคืนมา  ตรงกับที่ต้องการมากเลยค่ะ คือชุดไทยจักรพรรดิ มีสไบสองชั้น (ตามรูปเลยค่ะ)


"ช่างแต่งหน้าทำผม"  .... เราเลือกช่างมินค่ะ  หลังจากที่ตามหาในอินเตอร์เน็ตมาหลายเดือน มีช่างในดวงใจก็หลายคน แต่ราคาค่อนข้างสูงค่ะ เราเลือกเลยช่างมินในราคาระดับกลาง ๆ ในราคารอบเช้ารอบเดียว 5xxx บาท ค่ะ เราชอบสไตล์การแต่งหน้าแบบนี้ค่ะ หวาน ๆ ธรรมชาติ ๆ ส่วนทรงผมทรงนี้อยู่ในใจมานานแล้วค่ะ เราถามช่างว่าทรงนี้เราทำได้มั้ย ช่างมินตอบคำถามดีมากเลยค่ะ เอาใจใส่ตลอด ก็แจ้งเรากลับว่า ควรย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาล เพราะจะสวยกว่าสีสว่าง ต้องใช้ผมปลอมเพราะผมเดิมค่อนข้างสั้น  ได้ออกมาตามรูปเลยค่ะ


"ช่างภาพ" ... เราเลือกช่างภาพที่เป็นเพื่อนกันค่ะ  หักคอมาในราคาที่ไม่แพงมาก อิอิ อีกอย่างนึงคือชอบสไตล์ของช่างด้วยค่ะ ตรงกับที่ชอบบวกกับราคาที่ได้มา เลยตัดสินใจเลือกช่างคนนี้ค่ะ  เพจช่างภาพค่ะ >>  http://www.facebook.com/photobybg

"รูปหน้างาน" ... เราเลือกทำแบบแคนวาสค่ะ  หาร้านเองในอินเตอร์เน็ต กำหนดขนาดเอง เลือกรูปเอง เราทำรูปเดียวค่ะ ใช้สองงานเลย ทั้งงานเช้าและงานเย็น