กำลังจะแต่งงาน ก็เลยมีความคิดว่าอยากถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
ที่ว่าจะแต่งงานก็คือยังไม่แน่ใจว่าจะจัดงานแต่งไหม อาจจะแค่จดทะเบียนอย่างเดียว แต่ที่อยากได้คือรูปแต่งงานติดฝาบ้านสักรูป
ก็เลยไม่อยากจ่ายค่า่ายรูปอะไรแพงมากนัก จนมาเจอกับร้านถ่ายรูปเจ้านึงที่ราคาไม่แรงและอยู่แถวบ้าน
รายละเอียดคือ
ราคาห้าพันบาท สิ่งที่ได้รับคือ
1. แต่งหน้าทำผม
2. ถ่ายชุดของร้าน 2 ชุด คือชุดแต่งงาน กับชุดไทย และเอาไปเอง1ชุด
3. รูปขนาด 20*24นิ้วใส่กรอบ 1
ขนาด20*24ไม่มีกรอบ 1
ที่เหลืออีก 5รูปคือ เป็นรูปขนาดเล็กใส่โฟโต้บุค
รวมไฟล์รีทัชแล้ว7รูป
นัดวันก่อนไปถ่ายรูปประมาณเกือบเดือน วันเสาร์อาทิตย์คิวมักเต็มหมด เราเลยนัดวันธรรมดา
ก่อนวันจริง ผู้หญิง ไม่ต้องกันคิ้ว สระผมแล้วไม่ต้องใช้ครีมนวด
ผู้ชาย สระผมตอนเช้าวันไปถ่ายรูป ไม่ต้องใส่ครีมนวดเหมือนกัน
วันจริง เริ่มจากการเลือกชุดก่อน ลองจนกว่าจะพอใจ
แต่เราใช้วิธีให้น้องพนักงานแนะนำมาเลยว่าหุ่นแบบเราเนี่ย ชุดไหนสวย เพราะเราคิดว่าเขาเจอมาเยอะน่าจะดูออกแล้วก็ได้ชุดถูกใจจริงๆ
สำหรับชุดที่เอามาเอง เราเอาชุดราตรีมา แต่แฟนเรามีแต่สูทยับๆ ร้านเลยให้ยืมฟรีอีกชุดนึงเป็นสูทเนี้ยบๆเลย
ตอนถ่าย แต่ละร้านจะมีมุมที่ร้านถนัดอยู่แล้ว เราต้องทำตามที่ช่างแนะนำแล้วก็ยิ้มมมม แค่นี้แหละ แสงสีอะไรมันจะออกมาสวยเองเพราะเขาถ่ายแบบนี้ประจำทุกวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จบ
จะบอกว่าเหนื่อยมากสามชุดใช้เวลาทั้งวันกว่าจะเสร็จเกือบสองทุ่ม เริ่มต้นตอนสิบโมงเช้า
หลังจากนั้นเขาจะนัดเข้ามาเลือกรูป
ประเด็นอยู่ที่ตรงนี้แหละ
ก็คือร้านจะพยายามทำยังไงก็ได้ให้เราเลือกรูปที่ชอบให้เยอะที่สุดแล้วเสนอราคาขายรูปที่เกินมา
ราคาตั้งต้นคือรูปละ 800 บาท แต่อันที่จริง เราต้องถามตัวเองดีๆนะว่าอยากได้กี่รูปเพราะว่า
รูปเหล่านี้เราชื่นชมได้นานแค่ไหนกัน จุดประสงค์ที่แท้จริงในการถ่ายรูปก็คือเอาไปแปะฝาบ้าน1รูปถูกต้องไหม
แล้วเราจะเพลินกับการเลือกรูปที่สวยแทบทุกรูปแล้วจ่ายตังเพิ่มเป็นหมื่นไหม คิดให้ดี
และแน่นอนว่า เราเลือกมาแค่ 7 รูปตามแพคเกจ คือเลือกแบบกัดฟัน ตัดๆๆๆๆ มาก
บอกตัวเองซื้อไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่าไปคิดว่ามันสวยเก็บไว้ดู เพราะว่าเราดูไม่กี่ที เวลาผ่านไปเราก็ลืมมันไปแล้ว
ที่เราตัดได้ขนาดนี้เพราะว่าเมื่อหลายปีก่อนเราเคยถ่ายแล้ว เป็นถ่ายรูปแฟชั่นเล่นๆ คิดว่าเก็บไว้ดูสวยๆ
แล้วเราก็ซื้อเกินมาเป็นหมื่นบาทค่ะ ทุกวันนี้ก็คือเราลืมมันไปหมดแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ดังนั้น คิดถึงตรงนี้ดีๆ นะคะ ยิ่งทำเป็นอัลบั้มรึอะไรด้วยแล้ว ยิ่งไม่ได้หยิบมาดูค่ะ
แนะนำว่าเราควรแจ้งร้านตั้งแต่ต้นว่าเราต้องการแค่นี้ ไม่อย่างนั้นเซลจะคาดหวังว่าเราจะซื้อเพิ่ม
และเมื่อขายไม่ได้เซลอาจจะเหวี่ยงเราได้ แต่ร้านที่เราไปดีนะคะ ไม่เหวี่ยง
สุดท้ายนี้ขอให้ได้รูปแต่งงานไปแปะฝาบ้านสวยๆกันทุกคนนะคะ
[CR] รีวิว ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งแบบราคาไม่แรง
ที่ว่าจะแต่งงานก็คือยังไม่แน่ใจว่าจะจัดงานแต่งไหม อาจจะแค่จดทะเบียนอย่างเดียว แต่ที่อยากได้คือรูปแต่งงานติดฝาบ้านสักรูป
ก็เลยไม่อยากจ่ายค่า่ายรูปอะไรแพงมากนัก จนมาเจอกับร้านถ่ายรูปเจ้านึงที่ราคาไม่แรงและอยู่แถวบ้าน
รายละเอียดคือ
ราคาห้าพันบาท สิ่งที่ได้รับคือ
1. แต่งหน้าทำผม
2. ถ่ายชุดของร้าน 2 ชุด คือชุดแต่งงาน กับชุดไทย และเอาไปเอง1ชุด
3. รูปขนาด 20*24นิ้วใส่กรอบ 1
ขนาด20*24ไม่มีกรอบ 1
ที่เหลืออีก 5รูปคือ เป็นรูปขนาดเล็กใส่โฟโต้บุค
รวมไฟล์รีทัชแล้ว7รูป
นัดวันก่อนไปถ่ายรูปประมาณเกือบเดือน วันเสาร์อาทิตย์คิวมักเต็มหมด เราเลยนัดวันธรรมดา
ก่อนวันจริง ผู้หญิง ไม่ต้องกันคิ้ว สระผมแล้วไม่ต้องใช้ครีมนวด
ผู้ชาย สระผมตอนเช้าวันไปถ่ายรูป ไม่ต้องใส่ครีมนวดเหมือนกัน
วันจริง เริ่มจากการเลือกชุดก่อน ลองจนกว่าจะพอใจ
แต่เราใช้วิธีให้น้องพนักงานแนะนำมาเลยว่าหุ่นแบบเราเนี่ย ชุดไหนสวย เพราะเราคิดว่าเขาเจอมาเยอะน่าจะดูออกแล้วก็ได้ชุดถูกใจจริงๆ
สำหรับชุดที่เอามาเอง เราเอาชุดราตรีมา แต่แฟนเรามีแต่สูทยับๆ ร้านเลยให้ยืมฟรีอีกชุดนึงเป็นสูทเนี้ยบๆเลย
ตอนถ่าย แต่ละร้านจะมีมุมที่ร้านถนัดอยู่แล้ว เราต้องทำตามที่ช่างแนะนำแล้วก็ยิ้มมมม แค่นี้แหละ แสงสีอะไรมันจะออกมาสวยเองเพราะเขาถ่ายแบบนี้ประจำทุกวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จบ
จะบอกว่าเหนื่อยมากสามชุดใช้เวลาทั้งวันกว่าจะเสร็จเกือบสองทุ่ม เริ่มต้นตอนสิบโมงเช้า
หลังจากนั้นเขาจะนัดเข้ามาเลือกรูป
ประเด็นอยู่ที่ตรงนี้แหละ
ก็คือร้านจะพยายามทำยังไงก็ได้ให้เราเลือกรูปที่ชอบให้เยอะที่สุดแล้วเสนอราคาขายรูปที่เกินมา
ราคาตั้งต้นคือรูปละ 800 บาท แต่อันที่จริง เราต้องถามตัวเองดีๆนะว่าอยากได้กี่รูปเพราะว่า
รูปเหล่านี้เราชื่นชมได้นานแค่ไหนกัน จุดประสงค์ที่แท้จริงในการถ่ายรูปก็คือเอาไปแปะฝาบ้าน1รูปถูกต้องไหม
แล้วเราจะเพลินกับการเลือกรูปที่สวยแทบทุกรูปแล้วจ่ายตังเพิ่มเป็นหมื่นไหม คิดให้ดี
และแน่นอนว่า เราเลือกมาแค่ 7 รูปตามแพคเกจ คือเลือกแบบกัดฟัน ตัดๆๆๆๆ มาก
บอกตัวเองซื้อไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่าไปคิดว่ามันสวยเก็บไว้ดู เพราะว่าเราดูไม่กี่ที เวลาผ่านไปเราก็ลืมมันไปแล้ว
ที่เราตัดได้ขนาดนี้เพราะว่าเมื่อหลายปีก่อนเราเคยถ่ายแล้ว เป็นถ่ายรูปแฟชั่นเล่นๆ คิดว่าเก็บไว้ดูสวยๆ
แล้วเราก็ซื้อเกินมาเป็นหมื่นบาทค่ะ ทุกวันนี้ก็คือเราลืมมันไปหมดแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ดังนั้น คิดถึงตรงนี้ดีๆ นะคะ ยิ่งทำเป็นอัลบั้มรึอะไรด้วยแล้ว ยิ่งไม่ได้หยิบมาดูค่ะ
แนะนำว่าเราควรแจ้งร้านตั้งแต่ต้นว่าเราต้องการแค่นี้ ไม่อย่างนั้นเซลจะคาดหวังว่าเราจะซื้อเพิ่ม
และเมื่อขายไม่ได้เซลอาจจะเหวี่ยงเราได้ แต่ร้านที่เราไปดีนะคะ ไม่เหวี่ยง
สุดท้ายนี้ขอให้ได้รูปแต่งงานไปแปะฝาบ้านสวยๆกันทุกคนนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้