ฉันเป็นนักเดินทาง เป็นช่างภาพ เป็นนักอนุรักษ์ และเป็นอีกหลายๆสิ่งที่ ฉันพอจะสามารถพอจะทำได้ในขณะที่แรงของฉันพอจะทำไหว หลายปีที่ผ่านมาฉันไปฝังตัวอยู่ในจังหวัดเชีงใหม่ และได้เดินทางขึ้นไปยังดอยอินทนนท์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับชาวกะเหรี่ยงปากาเกอะญอที่บ้านแม่กลางหลวง จนสนิทชิดเชื้อกับชาวบ้านและชาวท้องถิ่นเกือบทุกบ้าน ทุกครั้งที่เดินทางไปเยี่ยมแม่กลางหลวง เพื่อนสหายชาวกะเหรี่ยงก็ใจดีพาฉันไปเยี่ยมเยี่ยนแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันแล้วบ้าง หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินบ้าง และนี่คือ 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสามารถเดินทางไปเยือนได้ไม่ยากจากหมู่บ้านแม่กลางหลวงที่ฉันได้เคยไปเยือนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ชาวกะเหรี่ยงปากาเกอะญอแห่งบ้านแม่กลางหลวง
1. ชุมชนแม่กลางหลวง ชุมชนกะเหรี่ยงปากาเกอะญอที่อยู่บนที่ราบสูง และแวดล้อมด้วยป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำกลางไหลผ่าน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 25 องศาที่นี่มีประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบเก่าแก่ที่ยังคงไว้ เช่น ความรู้ด้านสมุนไพร การปลูกกาแฟ การทอผ้าและสร้างลายผ้า และนาขั้นบันไดอันลือชื่อ ที่นี่คุณสามารถสัมผัสอาหารพื้นเมืองแบบปากาเกอะญออาทิเช่นแกงข้าวเบอะและน้ำพริกปากาเกอะญอ และถือว่าเป็นศุนย์กลางการท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งของดอยอินทนนท์ที่ทุกท่านสามารถมาตั้งต้นและวางแผนการเดินทางเพื่อเดินทางไปยังจุดอื่นๆในดอยอินทนนท์ได้
กาแฟพี่สมศักดิ์ที่ทุกคนจะต้องมาแวะชิม
นาขั้นบันไดในฤดูฝน
นาขั้นบันไดในฤดูหนาวที่ชาวบ้านปลูกสตรอว์เบอรรี่
2.น้ำตกผาดอกเสี้ยว
น้ำตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของหมู่บ้านแม่กลางหลวง ที่สามารถเดินเท้าเข้าไปชมความงามได้ จากหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินเท้า 2 ชั่วโมง ระยะทาง 3 กิโลเมตร จะพบกับความงามของน้ำตกแห่งนี้มีหลายชั้น และความหลากหลายของระบบนิเวศน์ สามารถเดินขึ้นจากทางบ้านแม่หลางหลวงหรือเดินลงจากต้นน้ำตกก็ได้ ที่นี่ยังเป็นต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชาวหมู่บ้านด้วยระบบประปาภูเขา
ชวนชาวบ้านและน้องมาเป็นแบบถ่ายรูป
น้ำตกผาดอกเสี้ยวในหน้าฝน
เส้นทางระหว่างเดินลงจากน้ำตกกลับมาที่หมู่บ้าน
3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติแม่กลางหลวง-บ้านผาหมอน
บ้านผาหมอนเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงปากาเกอะญอซึ่งเป็นหมู่บ้านพี่น้องกับแม่กลางหลวงแม่มีหุบเขาที่สวยงามที่มีการปลูกต้นข้าวนาขั้นบันไดที่น้อยคนรู้จักและเคยได้เข้าไปสัมผัส ระหว่างทางสามารถชมต้นกาแฟพันธุ์อราบิกาต้นแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทอดพระเนตรและทรงขยายพันธุ์เป็นกาแฟต้นแบบของโครงการหลวง ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่มีรสชาติอร่อยที่สุดแห่งนึงของประเทศไทย
เส้นทางเดินระยะทาง 5 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมงโดยประมาณ ท่านใดสนใจไปเยือนบ้านผาหมอนสามารถติดต่อพี่สิทธิ์เพื่อคำแนะนำในการเดินทางได้ 0614505502
ปาร์ตี้กับชาวบ้าน
นั่งชมวิวหลังจากเดินมาเหนื่อยๆ
นาขั้นบันไดที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆในประเทศไทย
ถ้าโชคดีจะเจอพี่สิทธิ์มาเล่นดนตรีให้ฟัง
4.จุดชมพระอาทิตย์ตกต้นน้ำแม่อวม
หนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยที่น้อยคนเคยได้เข้ามาสัมผัส ที่ยังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ที่สามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทางอำเภอแม่แจ่ม ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดน้ำลงไปเลี้ยงชาวแม่แจ่ม การเดินทางสามารถเดินทางจากแม่กลางหลวงโดยรถยนตร์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ระยะทาง 10 กม
สถานที่ที่สามารถเก็บภาพสวยๆของพระอาทิตย์ตก เป็นที่ถูกใจของเพื่อนช่างภาพสายแลนด์
พระอาทิตย์อัสดง
5.โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี เป้นโครงการที่รวบรวมเอาพันธ์กล้อยไม้หายากในเมืองไทยโดยเฉพราะกล้วยไม้รองเท้านารี มาเพราะพันธ์ขยาย เพื่อปล่อยกลับคืนป่า ดำเนิดงานโดยโครงการพระราชดำริที่สมเดชพระราชิณีนาคได้ทรงริเริ่มให้มีการจัดตั้งและ จุดเด่นของที่นี่คือพื้นที่ๆ มีลักษณะเหมือนกับสวิต ภูมิอากาศดีตลอดทั้งปีและมีหินขณะใหญ่ตั้งอยู่ทั่วบริเวณมีแอ่งน้ำที่สวยและลอบรอบด้วยต้นซากุระเมืองไทยและเริ่มบานในช่วงวันที่ 10 เดือนธัมวาคม พื้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,700 เมตรจากระดับน้ำทะเลมีครามหลากหลายทางระบบนิเวศ สามารถเดินทางได้จากบ้านแม่กลางหลวงประมาณ 12 กิโลเมตร
ดอกพระญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งในชาวงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม
วิวของโครงการจากที่ทำการเจ้าหน้าที่ด้านบน
ป่าสนด้านหลังของที่ทำการ
6.กิ่วแม่ปานเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความสำคัญและหลากหลายทางระบบนี้เวศทางธรรมชาติและเป็นต้นน้ำสายกลักของแม่น้ำในหลายๆสายของเชียงใหม่ มีจุดเรียนรู้ในแต่ละจุดโดยไกด์ท้องถิ่นเป็นคนให้ความรู้ จุดที่สวยที่สุดคือจุดที่ 10 และ เป็นทุ่งหญ้าที่สวยที่สุดในบริเวณรอบๆโดยเฉพาะที่หมอกลอยผ่านเราเพราะเป็นวิวมุมสูงสามารถมองเห็นตัวอำเภอแม่แจ่มได้ 360 องศาและมีทะเลหมอกที่สวยที่สุดในเมืองไทย ระยะทางในการเดิน 3 กีโล ใช้เวลาในการ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าบริการไกด์ท้องถิ่น อยู่ที่ 200 บาท ต่อทริป และต่อทริปไม่เกิน 10 คน ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 42 เปิดทุกวันเริ่มตั้งแต่ ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกันยน - มิถุนายน ของทุกปี ปิดช่วงหน้าฝน
น้ำตกระหว่างทางเดินขึ้นไปจุดชมวิว
ทุ่งหญ้าตัดทะเลหมอกที่ยอดกิ่ว
จุดพักชมวิวที่สามารถสัมผัสเมฆได้
ระหว่างทางเดินลงกิ่วจะมีจุดถ่ายภาพสวยๆมากมาย
7. ดอยหัวเสือ ตั้งอยู่ในอำเภอจอมทอง ถ้าไปที่ดอยอินทนนท์ หรือแวะไปถ่ายรูปตรงกิ่วแม่ปานแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะทองเห็นดอยเป็นรูปหัวเสือตั้งอยู่ ระหว่างทางขึ้นจะได้ซึมซับกับธรรมชาติและวิถีชีวิตตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ตามธรรมาชาติ น้ำตก และนาข้าวสีเขียวงามตา ระยะทางในการเดินประมาณ 3 กม. ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชม.
ดอยหัวเสือจากไกลๆ
ใกล้แต่ไกลมากก
8.เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เส้นทางนี้เป็นสะพานไม้สีเขียวชะอุ่มจากมอสที่ขึ้นอยู่ตลอดเส้นทางด้วยการอากาศที่เย็นตลอดทั้งปีทำให้สภาพป่าที่นี่มีความสมบูรณ์มาก ตลอดการเดินทางเราจะได้พบกับต้นไม้ขนาดใหญ่ และ เศษซากไม้ที่ทับถมกันอยู่บนดิน ประหนึ่งป่าในเทพนิยาย ที่นี่ยังมีพืชที่พบเห็นได้ยากอย่าง ข้าวตอกฤาษี และกุหลาบพันปี ที่จะขึ้นเฉพาะที่ดอยอินทนนท์อย่างเดียวเท่านั้น
ป่าในเทพนิยาย
เป็นที่ถูกใจของเพื่อนช่างภาพ
ถ้ามาหน้าฝนจะเขียวขนาดนี้
9.น้ำตกวชิรธาร แต่เดิมมีชื่อว่า น้ำตกตาดฆ้องโยง ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ส่วนด้านตรงข้ามของน้ำตกวชิรธาร จะมีหน้าผาสูงชันมีชื่อว่า ผามอแก้ว หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนท้องถิ่นนิยมเรียกว่า ผาแว่นแก้ว เกิดจากลำห้วยแม่กลาง ที่มีต้นกำเนิดอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ น้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีหน้าผาสูง ตัวน้ำตกมี 1 ชั้น น้ำเบื้องบนไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ด้วยความสูงของน้ำตกถึง 70 เมตร น้ำที่ตกลงมาทำให้เกิดเป็นละอองน้ำที่ซัดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฎการณ์รุ้งกินน้ำน้ำตกวชิรธารแห่งนี้ได้บ่อยครั้ง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกและสรรค์สร้างให้น้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามมากขึ้นไปอีก
น้ำตกในหน้าฝน
10.ดอยผาตั้ง ก้อนหินใหญ่สองก้อนที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขาใกล้ที่ตั้งพระตำหนักดอยผาตั้งเป็นอีกหนึ่งจุกชมวิวที่สามารถชมวิวได้360 องศาและสามารถ ชมวิวของดอยหัวเสือได้อย่างชัดเจน ระหว่างทางขึ้นที่นี่จะมีต้นพญาเสือโคร่งที่จะบานสะพรั่งไปทั่วม่อนดอย สลับกับต้นเมเปิ้ล และสวนไม้ดอกเมืองหนาว มีจุดชมวิวสวยๆ ที่สามารถมองเห็นโครงการหลวงดอยอินทนนท์ น้ำตกสิริภูมิ ยอดดอยอินทนนท์ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ได้ชื่อว่าดอยผาตั้งเพราะสิ่งนี้
วิว 360 องศา
นี่ก็วิวดี
นี่เป็นแค่เศษเสี่ยวส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ประทับใจที่ได้รับจากการเดินทางไปเยือนดอยอินทนนท์ เชื่อว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมายอีกหลายจุดรอให้พวกเราเข้าไปค้นพบด้วยตัวเองสักวันหนึ่ง
ไกด์ท้องถิ่นชาวกะเหรี่ยงปากาฯ
ท่านใดที่สนใจการเดินทางไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด
ไกด์ท้องถิ่นชาวปากาฯได้โดยตรง จะได้ข้อมูลครบครับ K.Ken 082 8984894
ที่พักที่แม่กลางหลวง ติดต่อคุณนิทัศน์ 0810 203615
สุขสันต์วันปีใหม่ทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขมากๆและเดินทางกันอย่างปลอดภัย
ช่วยกันรักษาธรรมชาติของเราไว้ให้อยู่กับเราอย่างสมบูรณ์ไปนานๆนะครับ
tom | potisit
www.tompotisit.com
เรื่องและภาพโดย tom | potisit
เรียบเรียงโดย
Jaktana Phongphuek
คืนความสุขให้คนไทยกับ 10 แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเก่าและใหม่ในดอยอินทนนท์ที่คุณต้องไปเยือน
ชาวกะเหรี่ยงปากาเกอะญอแห่งบ้านแม่กลางหลวง
1. ชุมชนแม่กลางหลวง ชุมชนกะเหรี่ยงปากาเกอะญอที่อยู่บนที่ราบสูง และแวดล้อมด้วยป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำกลางไหลผ่าน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 25 องศาที่นี่มีประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบเก่าแก่ที่ยังคงไว้ เช่น ความรู้ด้านสมุนไพร การปลูกกาแฟ การทอผ้าและสร้างลายผ้า และนาขั้นบันไดอันลือชื่อ ที่นี่คุณสามารถสัมผัสอาหารพื้นเมืองแบบปากาเกอะญออาทิเช่นแกงข้าวเบอะและน้ำพริกปากาเกอะญอ และถือว่าเป็นศุนย์กลางการท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งของดอยอินทนนท์ที่ทุกท่านสามารถมาตั้งต้นและวางแผนการเดินทางเพื่อเดินทางไปยังจุดอื่นๆในดอยอินทนนท์ได้
กาแฟพี่สมศักดิ์ที่ทุกคนจะต้องมาแวะชิม
นาขั้นบันไดในฤดูฝน
นาขั้นบันไดในฤดูหนาวที่ชาวบ้านปลูกสตรอว์เบอรรี่
2.น้ำตกผาดอกเสี้ยว
น้ำตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของหมู่บ้านแม่กลางหลวง ที่สามารถเดินเท้าเข้าไปชมความงามได้ จากหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินเท้า 2 ชั่วโมง ระยะทาง 3 กิโลเมตร จะพบกับความงามของน้ำตกแห่งนี้มีหลายชั้น และความหลากหลายของระบบนิเวศน์ สามารถเดินขึ้นจากทางบ้านแม่หลางหลวงหรือเดินลงจากต้นน้ำตกก็ได้ ที่นี่ยังเป็นต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชาวหมู่บ้านด้วยระบบประปาภูเขา
ชวนชาวบ้านและน้องมาเป็นแบบถ่ายรูป
น้ำตกผาดอกเสี้ยวในหน้าฝน
เส้นทางระหว่างเดินลงจากน้ำตกกลับมาที่หมู่บ้าน
3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติแม่กลางหลวง-บ้านผาหมอน
บ้านผาหมอนเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงปากาเกอะญอซึ่งเป็นหมู่บ้านพี่น้องกับแม่กลางหลวงแม่มีหุบเขาที่สวยงามที่มีการปลูกต้นข้าวนาขั้นบันไดที่น้อยคนรู้จักและเคยได้เข้าไปสัมผัส ระหว่างทางสามารถชมต้นกาแฟพันธุ์อราบิกาต้นแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทอดพระเนตรและทรงขยายพันธุ์เป็นกาแฟต้นแบบของโครงการหลวง ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่มีรสชาติอร่อยที่สุดแห่งนึงของประเทศไทย
เส้นทางเดินระยะทาง 5 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมงโดยประมาณ ท่านใดสนใจไปเยือนบ้านผาหมอนสามารถติดต่อพี่สิทธิ์เพื่อคำแนะนำในการเดินทางได้ 0614505502
ปาร์ตี้กับชาวบ้าน
นั่งชมวิวหลังจากเดินมาเหนื่อยๆ
นาขั้นบันไดที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆในประเทศไทย
ถ้าโชคดีจะเจอพี่สิทธิ์มาเล่นดนตรีให้ฟัง
4.จุดชมพระอาทิตย์ตกต้นน้ำแม่อวม
หนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยที่น้อยคนเคยได้เข้ามาสัมผัส ที่ยังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ที่สามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทางอำเภอแม่แจ่ม ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดน้ำลงไปเลี้ยงชาวแม่แจ่ม การเดินทางสามารถเดินทางจากแม่กลางหลวงโดยรถยนตร์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ระยะทาง 10 กม
สถานที่ที่สามารถเก็บภาพสวยๆของพระอาทิตย์ตก เป็นที่ถูกใจของเพื่อนช่างภาพสายแลนด์
พระอาทิตย์อัสดง
5.โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี เป้นโครงการที่รวบรวมเอาพันธ์กล้อยไม้หายากในเมืองไทยโดยเฉพราะกล้วยไม้รองเท้านารี มาเพราะพันธ์ขยาย เพื่อปล่อยกลับคืนป่า ดำเนิดงานโดยโครงการพระราชดำริที่สมเดชพระราชิณีนาคได้ทรงริเริ่มให้มีการจัดตั้งและ จุดเด่นของที่นี่คือพื้นที่ๆ มีลักษณะเหมือนกับสวิต ภูมิอากาศดีตลอดทั้งปีและมีหินขณะใหญ่ตั้งอยู่ทั่วบริเวณมีแอ่งน้ำที่สวยและลอบรอบด้วยต้นซากุระเมืองไทยและเริ่มบานในช่วงวันที่ 10 เดือนธัมวาคม พื้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,700 เมตรจากระดับน้ำทะเลมีครามหลากหลายทางระบบนิเวศ สามารถเดินทางได้จากบ้านแม่กลางหลวงประมาณ 12 กิโลเมตร
ดอกพระญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งในชาวงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม
วิวของโครงการจากที่ทำการเจ้าหน้าที่ด้านบน
ป่าสนด้านหลังของที่ทำการ
6.กิ่วแม่ปานเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความสำคัญและหลากหลายทางระบบนี้เวศทางธรรมชาติและเป็นต้นน้ำสายกลักของแม่น้ำในหลายๆสายของเชียงใหม่ มีจุดเรียนรู้ในแต่ละจุดโดยไกด์ท้องถิ่นเป็นคนให้ความรู้ จุดที่สวยที่สุดคือจุดที่ 10 และ เป็นทุ่งหญ้าที่สวยที่สุดในบริเวณรอบๆโดยเฉพาะที่หมอกลอยผ่านเราเพราะเป็นวิวมุมสูงสามารถมองเห็นตัวอำเภอแม่แจ่มได้ 360 องศาและมีทะเลหมอกที่สวยที่สุดในเมืองไทย ระยะทางในการเดิน 3 กีโล ใช้เวลาในการ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าบริการไกด์ท้องถิ่น อยู่ที่ 200 บาท ต่อทริป และต่อทริปไม่เกิน 10 คน ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 42 เปิดทุกวันเริ่มตั้งแต่ ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกันยน - มิถุนายน ของทุกปี ปิดช่วงหน้าฝน
น้ำตกระหว่างทางเดินขึ้นไปจุดชมวิว
ทุ่งหญ้าตัดทะเลหมอกที่ยอดกิ่ว
จุดพักชมวิวที่สามารถสัมผัสเมฆได้
ระหว่างทางเดินลงกิ่วจะมีจุดถ่ายภาพสวยๆมากมาย
7. ดอยหัวเสือ ตั้งอยู่ในอำเภอจอมทอง ถ้าไปที่ดอยอินทนนท์ หรือแวะไปถ่ายรูปตรงกิ่วแม่ปานแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะทองเห็นดอยเป็นรูปหัวเสือตั้งอยู่ ระหว่างทางขึ้นจะได้ซึมซับกับธรรมชาติและวิถีชีวิตตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ตามธรรมาชาติ น้ำตก และนาข้าวสีเขียวงามตา ระยะทางในการเดินประมาณ 3 กม. ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชม.
ดอยหัวเสือจากไกลๆ
ใกล้แต่ไกลมากก
8.เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เส้นทางนี้เป็นสะพานไม้สีเขียวชะอุ่มจากมอสที่ขึ้นอยู่ตลอดเส้นทางด้วยการอากาศที่เย็นตลอดทั้งปีทำให้สภาพป่าที่นี่มีความสมบูรณ์มาก ตลอดการเดินทางเราจะได้พบกับต้นไม้ขนาดใหญ่ และ เศษซากไม้ที่ทับถมกันอยู่บนดิน ประหนึ่งป่าในเทพนิยาย ที่นี่ยังมีพืชที่พบเห็นได้ยากอย่าง ข้าวตอกฤาษี และกุหลาบพันปี ที่จะขึ้นเฉพาะที่ดอยอินทนนท์อย่างเดียวเท่านั้น
ป่าในเทพนิยาย
เป็นที่ถูกใจของเพื่อนช่างภาพ
ถ้ามาหน้าฝนจะเขียวขนาดนี้
9.น้ำตกวชิรธาร แต่เดิมมีชื่อว่า น้ำตกตาดฆ้องโยง ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ส่วนด้านตรงข้ามของน้ำตกวชิรธาร จะมีหน้าผาสูงชันมีชื่อว่า ผามอแก้ว หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนท้องถิ่นนิยมเรียกว่า ผาแว่นแก้ว เกิดจากลำห้วยแม่กลาง ที่มีต้นกำเนิดอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ น้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีหน้าผาสูง ตัวน้ำตกมี 1 ชั้น น้ำเบื้องบนไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ด้วยความสูงของน้ำตกถึง 70 เมตร น้ำที่ตกลงมาทำให้เกิดเป็นละอองน้ำที่ซัดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฎการณ์รุ้งกินน้ำน้ำตกวชิรธารแห่งนี้ได้บ่อยครั้ง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกและสรรค์สร้างให้น้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามมากขึ้นไปอีก
น้ำตกในหน้าฝน
10.ดอยผาตั้ง ก้อนหินใหญ่สองก้อนที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขาใกล้ที่ตั้งพระตำหนักดอยผาตั้งเป็นอีกหนึ่งจุกชมวิวที่สามารถชมวิวได้360 องศาและสามารถ ชมวิวของดอยหัวเสือได้อย่างชัดเจน ระหว่างทางขึ้นที่นี่จะมีต้นพญาเสือโคร่งที่จะบานสะพรั่งไปทั่วม่อนดอย สลับกับต้นเมเปิ้ล และสวนไม้ดอกเมืองหนาว มีจุดชมวิวสวยๆ ที่สามารถมองเห็นโครงการหลวงดอยอินทนนท์ น้ำตกสิริภูมิ ยอดดอยอินทนนท์ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ได้ชื่อว่าดอยผาตั้งเพราะสิ่งนี้
วิว 360 องศา
นี่ก็วิวดี
นี่เป็นแค่เศษเสี่ยวส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ประทับใจที่ได้รับจากการเดินทางไปเยือนดอยอินทนนท์ เชื่อว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมายอีกหลายจุดรอให้พวกเราเข้าไปค้นพบด้วยตัวเองสักวันหนึ่ง
ไกด์ท้องถิ่นชาวกะเหรี่ยงปากาฯ
ท่านใดที่สนใจการเดินทางไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด
ไกด์ท้องถิ่นชาวปากาฯได้โดยตรง จะได้ข้อมูลครบครับ K.Ken 082 8984894
ที่พักที่แม่กลางหลวง ติดต่อคุณนิทัศน์ 0810 203615
ช่วยกันรักษาธรรมชาติของเราไว้ให้อยู่กับเราอย่างสมบูรณ์ไปนานๆนะครับ
เรื่องและภาพโดย tom | potisit
เรียบเรียงโดย
Jaktana Phongphuek