//
//
จากตอนเดิม PART 1 :
http://ppantip.com/topic/34208429 | เส้นทางอุดร - วังเวียง | มาคราวนี้หลังจากหายไป 3เดือน เอาเวลาไปเรียน ออกค่าย แล้วก็อ่านหนังสือสอบ เลยตั้งใจว่าทุกอย่างเสร็จจะเขียนต่อ ก็ได้ฤกษ์พอดี ขอบคุณที่ติดตามแม้เพียงน้อยนิด ในกระทู้คงเป็นเส้นทางสำหรับเพื่อนๆชาวมหา'ลัย ที่อยากไปสัมผัสหลวงพระบาง แต่เป็นอีกเส้นทาง โดยไม่ต้องตีรถกลับผ่านวังเวียง ลงมาเวียงจันทน์ใหม่ แถมได้เห็นสภาพจริงๆของ ชนบทลาว ด้วย
- เส้นทางที่ไปต่อ -
15/08/2015
ในกระทู้นี้เป็นเนื้อเรื่องต่อจาก วันที่ 13 - 14 ส.ค. 2558 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ วังเวียง คราวนี้ซื้อตั๋วรถนอน จากวังเวียงไป หลวงพระบาง โดยออกจากวังเวียงประมาณ 3ทุ่ม เป็นรถนอน ธรรมดา เตียงสองชั้นขนาดเล็กนอนเป็นปลากระป๋อง (ต้องขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตอนนั้นคาดว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องสภาพรถ) เรามาถึงขนส่งหลวงพระบางตอนประมาณเช้ามืด ตีห้ากว่าๆ เกือบจะ 6โมงเช้า เราสองคนก็นั่งรถจัมโบ้ หาโรงแรม ขณะนั้นก็เปิดเน็ตเพื่อดูลิสต์โรงแรมใน Agoda ไปด้วย บนรถ มีลูกครึ่ง แคนาดา สองคน (หน้าเอเชียมากอย่างกับเกาหลี แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนแคนาดา) ผู้หญิงกับผู้ชาย นั่งไปด้วย แต่ผมไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก เพื่อนนั่งคุยไป เราก็บอกจัมโบ้ว่าเราจะไป โรงแรม "หวังสะหวัด" ซึ่งเราไม่รู้โรงแรมนี้อยู่ถนนเส้นไหน ตรงไหน ห่างจากเมืองมากมั้ย พอไปถึงเพื่อนก็ลงไปเจรจากับโรงแรมซึ่งตอนนั้นผมเฝ้าของบนรถ ประมาณ 20นาที เพื่อนต่อรองได้ ดีลกับ Agoda ได้คืนละ 800 บาท ก็เสร็จสรรพ ย้ายของเข้าไปในห้อง ลูกเจ้าของโรงแรมชื่อ "พอน" เรียกว่า อ้ายพอน แกเป็นคนลาวใจดีพูดจาน่ารักมาก เทคแคร์ดีครับ ช่วงนี้ที่หลวงพระบางกำลังโลวซีซั่น ราคาเลยต่อรองได้ บริการของโรงแรมก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- อาหารเช้า(ช่วงที่ไปไม่มี จะมีเฉพาะหน้าท่องเที่ยว),
- จักรยานฟรีสำหรับปั่นไปในเมือง,
- รถรับส่งตัวเมืองโรงแรมมีเป็นรอบๆ
- เช่ารถจักร (มอเตอร์ไซต์) วันละ 600 บาท (นับตั้งแต่เวลาที่เช่าจนถึงเวลาเช่าเดิมของวันพรุ่งนี้)
พิกัดโรงแรม :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึงเวลาประมาณ 8โมง ผมก็นั่งรถรับส่งของโรงแรมไปในตัวเมือง ใช้เวลา 10นาที รถมาส่งสี่แยกไปรษณีย์ (ถ้าคนเคยไปจะอยู่ตรงสี่แยกที่ขายน้ำปั่นเยอะๆก่อนตรงไปหอพระบาง) ผมสองคนกับเพื่อนก็จัดการครับ "หิว" เดินหาของกิน ไปเจอข้าวเปียกเส้นข้าวเปียกข้าว ตรงตีนพูสี เอ่อจะบอกไงอะ มันไม่เป็นร้านอะมันตั้งข้างๆถนน ทางขวามือของถนนเส้นหลักนะ มีร้านเดียว และคนก็กินเยอะ ก็จัดครับคนละชาม พอกินเสร็จถามป้าคนขายว่า ทางข้างหลังผมมันขึ้นพูสีได้มั้ย เขาบอกว่าได้ ผมเอาเลยครับ ไปขึ้นด้านข้างไม่ขึ้นข้างหน้า แหวกแนวครับ พิกัดทางขึ้นของผมกับเพื่อน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*สีเหลืองคือทางขึ้นจริงๆด้านหน้า
*สีเขียวคือทางผมขึ้น มันก็เป็นรอยทางขึ้นนะครับแต่เหมือนมันไม่ได้ใช้นานแล้ว เราเดินมาเรื่อยๆมันมาโผล่โรงแรมบนพูสีจำชื่อไม่ได้ เราก็เดินย้อนกลับแต่ไปตามทางอีกทาง เข้าในป่าเลยครับทีนี้เป็นทางดิน คาดว่าตามแผนที่ครับเดิมอ้อมไม่ชัน ค่อยๆลาดขึ้น ไปขึ้นทางฝั่งน้ำคานแทน
แล้วผมกับเพื่อนก็มาเจอกับ
วิวมองหลวงพระบางจากยอดพูสี
วิวแม่น้ำคานจากยอดพูสี
พะทาดพูสี ที่ถ่ายยากมากไม่รู้จะเลือกมุมไหน
เจอพระรูปหนึ่งนั่งอ่านหนังสือธรรมะตั้งแต่ผมขึ้นไปจนผมลงก็ยังนั่งอ่านตรงนั้นตรงที่ๆเดิม
ลงครับลง แดดเริ่มร้อน ทีนี้ลงด้านหน้าเลยครับ มาถ่ายรูปตรงทางบันไดขึ้นสวยไปอีกแบบ แล้วเราก็เดินลงไปเข้า หอพระบางกันครับ ซึ่งอยู่ตรงข้ามพูสีเลยครับ เราซื้อปี้เพื่อเข้าไปดูของในวังเจ้ามหาชีวิตด้วย (ในนั้นห้ามนำกล้องถ่ายรูป เข้าไปถ่ายนะครับ มีตู้ให้เก็บเอาไว้)
หอพระบาง
ด้านหน้าวังเจ้ามหาชีวิต (พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง)
เจ้ามหาชีวิตศรีสะหว่างวงศ์ (หน้าโรงละคอนพระลักพระลาม ภายในมีการแสดงรามเกียรติ์ฉบับลาว)
ผมกับเพื่อนเที่ยวชมบริเวณนั้นเสร็จก็เดินขึ้นมาตามถนนสายหลัก เข้าไปโซนร้านอาหารไรงี้แล้ว มีร้านนึงที่อ้ายพอนแนะนำ ชื่อร้าน โคโคนัท มันเป็นร้านที่ชูมะพร้าวทุกอย่างที่เป็นมะพร้าวให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ในร้านก็มีอาหารฝรั่ง อาหารไทย-ลาว เบเกอร์รี่ พิซซ่า ไอติม ไรงี้ เราก็แวะพักกินน้ำมะพร้าวปั่นก่อน ก็อร่อยตามท้องเรื่องของมัน
ภายในร้านครับ
ผมก็พาเพื่อนเดินดุ่ยๆมาตามหาวัดเชียงทองอันมีชื่อเสียง! ครับใช้เลย ผมมาวัดนี้ ต้องมาให้ได้ เห็นภาพตะวันสาดแสงส่องสิมหลังใหญ่ของวัดแล้วงามตา เลยอยากเห็นสักครั้ง เจอเลยครับ ถ้าคุณเดินมาตรงๆ เจอแน่นอน อยู่ทางซ้ายมือของถนนครับ เราก็เสียค่าปี้ เข้าไปในวัด (เรื่องราคาค่าตั๋วจะอธิบายใน Reply#1 นะครับ) กำลังจะหยิบกล้องถ่าย ตายละหว่า แบตหมด อือหือ..... ร้องไห้หนักมาก ตัดสินใจบอกเพื่อนว่า ขอกลับโรงแรมดีกว่า เฟลครับเฟล ในใจก็คิดว่า พรุ่งนี้เช้า มาเก็บใหม่ดีกว่า ออกจากโรงแรมเร็วๆ ให้ทันแสงเช้า ก็บอกเพื่อนเสร็จสรรพ เดินกลับโรงแรมดิครับ มันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะนัดกันออกมาเที่ยวอีกรอบ (รอบเช้าเรากะว่าเที่ยววัดให้เสร็จ รอบเย็นมาหาของกินแล้วเดินตลาดมืดกัน) มองนาฬิกา 11.โมงกว่า เกือบเที่ยงละ เอาละไง รถมารับอีกที บ่ายโมงที่เดิม เอาไงดีวะ ก็เลยเดินกลับครับ ฟังไม่ผิดหรอก เดินมาเรื่อยจนมาถึงแยกเดิมเมื่อเช้า เอโทรศัพท์ไม่ได้ซื้อโปรโทรซะด้วยมีแต่โปรเน็ต เดินด้อมๆมองๆ ตรงนั้น นานสองนาน รถจัมโบ้มันก็เซ้าซี้ให้ไปส่งมั้ยๆ ไม่เอาครับ ประหยัดเงิน (ไหนบอกว่าใช้เงินตามใจ?) ยืนเพ่งมองอยู่นานเอาไงดี สุดท้าย เดินวนอยู่ตรงนั้น ประมาณ ครึ่ง ชม.ได้ เพื่อนมันเดินกลับมาพอดี บอกไม่ไหวละร้อน อยากกลับไปนอน โถ....แต่ระหว่างนั้นเราก็เช็คว่า เราเหลือเวลาอีกกี่วันจะถึงวันที่เราจองรถกลับ กรุงเทพฯ เช็คไปเช็คมา ตัดสินใจ ว่าไปน่านพรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะเทียบตารางรถกับสอบถามเอเย่นทัวร์แล้วคาดว่าตารางมันไม่แน่นอน เซฟตัวเองดีที่สุด ซื้อตั๋วตีรถไปไชยะบูลี วันนั้นเลยครับ ซื้อรอบออกจากหลวงพระบางรอบบ่าย โอเค จัดการเรียบร้อยสองคน (เดี๋ยวว่ากันอีกทีเรื่องรายละเอียด) ก็ติดต่อซื้อตั๋วกับเอเย่นนั่นแหละ แพงกว่าที่ขนส่ง นิดเดียวไม่ถึงร้อย รถที่โรงแรมมาพอดี ถึงโรงแรมเราก็จัดแจงเก็บของอาบน้ำเที่ยง (คือมันร้อนมาก แล้วเหงื่อออกเยอะ) นอนครับ ตั้งนาฬิกาปลุก 4โมงเย็น
4โมงเย็นเราก็ออกมาจากโรงแรมครับ เดินตลาดมืดกัน ตลาดมืดในที่นี้หมายถึง ตลาดตอนเย็นนั่นเองละฮะ เหมือนถนนคนเดินทั่วไป ผมก็เสียตัวเอ้ยเสียตังค์ให้กับกระเป๋าผ้าแบบสะพายหลังกากๆ แต่ลายสวยมาสองใบ เดินๆเล่นๆ ไปๆมาๆ ไปกินข้าวริมโขงกัน สั่งอาหารทั่วไปเอาแค่อยู่รอด เนื้องัวย่าง, ต้มยำปลา, ไข่เจียว(เอ๊าไม่เคยกินหรอ) แค่นั้นแหละ เบียร์ขวดสองขวดก็พอแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก อิ่ม รอรถ กลับโรงแรม นอน
16/08/2015
ผมกับเพื่อนตื่นเช้าประมาณ ตี5 อาบน้ำอาบท่า ยืมจักรยานโรงแรมปั่นเข้าตัวเมือง ที่แรกที่ปั่นไปคือถนนเส้นหลัก ไปถ่ายบรรยากาศตักบาตรข้าวเหนียวกันครับ คนเยอะมากจริงๆ
ต่อมาคือ วัดเชียงทอง ไปเก็บภาพที่ยังไม่ได้เก็บครับ ผมเอาปี้เดิมไปถามเขาว่าใช้ได้มั้ย เขาบอกว่าได้ก็เลยเข้าไปเก็บภาพวัดเชียงทองมาครับ
สิมวัดเชียงทอง สิมสกุลช่างหลวงของล้านช้าง
ประตูทางเข้าสิม เป็นไงครับลวดลายงดงามจริงๆ
พระองค์หลวง
หลังคาสิม เอกลักษณ์ของวัดล้านช้าง บ่งบอกว่าวัดนี้เป็นวัดหลวงที่กษัตริย์ทรงสร้างเอาไว้ (แตกต่างอย่างไรจะเขียนอธิบายไว้ Reply#1 ครับ)
ภาพสลักปิดทองหน้าโรงเมี้ยนโกศ (โรงเก็บราชรถแห่พระศพเจ้ามหาชีวิต, โกศพระศพ และพระพุทธรูปศิลปะล้านช้างมากมายครับ) เป็นภาพรามเกียรติ์ตอน ทศกัณฑ์สิ้นใจครับ
พอเก็บภาพกันหนำใจแล้ว ผมกับเพื่อนอยากกินกาแฟชื่อดังของหลวงพระบาง ที่ชื่อ "กาแฟประชานิยม" ก็ปั่นจักรยานออกมาจากวัดเชียงทองก็ถามๆเขาว่าไปทางไหน ในที่สุดก็ได้มาฝากท้องเช้าที่นี่ครับ ที่นี่ก็กินกาแฟ (อย่างเข้ม), ข้าวเปียกข้าว, ปาท่องโก๋ แล้วก็ ข้าวจี่ปาเตครับ
กินเสร็จทีนี้เริ่มปั่นไปเรื่อยครับ ผมปั่นกลับมาเลียบน้ำคานอีกรอบ ในใจคืออยากได้ ธงคอมมิวนิสต์กับธงลาวเอากลับไปบ้านครับ ถามคนเค้าไปเรื่อยๆ บางคนรู้บางคนก็ไม่รู้ จนสุดท้ายก็มาเจอตรงร้านขายของก่อสร้างในเมืองนั่นแหละครับ จัดธงลาวผืนใหญ่กับธงคอมมิวนิสต์มาอย่างละผืนเลยครับ ผมว่าสองอย่างนี้เป็นซิกเนเจอร์อีกอย่างของลาวเลยนะ ไม่รู้สิ ผมชอบอ่านหนังสือพวกสงครามด้วยหละมั้งเลยรู้สึกตื่นเต้นกับธงคอมมิวนิสต์ ฮ่าๆ
ริมน้ำคาน จะเห็นสะพานข้ามทางรถไฟลิบๆ
หลังจากนั้นเราไปปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองไปเรื่อยๆ นั่งพักบ้าง นั่งเก็บรูปไปเรื่อย จนเกือบเที่ยงๆ เราฝากท้องที่ โคโคนัทที่เดิมครับ ก่อนจะลาจากหลวงพระบาง ที่ที่ผมยังไม่ได้ไป และเป็นซิกเนเจอร์ของหลวงพระบางอีกที่นะครับคือ น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่มาก ผมเลยตัดสินใจไม่ไป และคิดว่ายังไงก็คงต้องกลับมาหลวงพระบางอีก ไว้ทริปหน้าละกัน พอตกบ่าย เราก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ทางเจ้าของโรงแรมใจดีมากให้รถไปส่งที่ขนส่งก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไป ไชยบูลี เมืองสุดท้าย ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งเราไปพักผ่อนที่นั่นแบบ "จำเป็น" 1คืน สำหรับ หลวงพระบางแล้ว ผมคิดว่า 1วันเต็มก็เที่ยวได้หมดครับโดยเฉพาะในเมือง แต่ถ้าอยากเก็บหมดจริงก็สองวันครับ คืนที่3 ค่อยตีรถกลับมาเวียงจันทน์หรือจะทำตามผมก็ได้แค่ขยายวันเวลาออกมาหน่อย
[CR] ลาวมาเยือน 'เมื่อผมเดินทางเป็นวงกลม' #แบกเป้ครั้งแรก ภาค2 - "จากหลวงพระบางถึงน่าน" - กระทู้นี้ไม่มีภาพซีด
//
จากตอนเดิม PART 1 : http://ppantip.com/topic/34208429 | เส้นทางอุดร - วังเวียง | มาคราวนี้หลังจากหายไป 3เดือน เอาเวลาไปเรียน ออกค่าย แล้วก็อ่านหนังสือสอบ เลยตั้งใจว่าทุกอย่างเสร็จจะเขียนต่อ ก็ได้ฤกษ์พอดี ขอบคุณที่ติดตามแม้เพียงน้อยนิด ในกระทู้คงเป็นเส้นทางสำหรับเพื่อนๆชาวมหา'ลัย ที่อยากไปสัมผัสหลวงพระบาง แต่เป็นอีกเส้นทาง โดยไม่ต้องตีรถกลับผ่านวังเวียง ลงมาเวียงจันทน์ใหม่ แถมได้เห็นสภาพจริงๆของ ชนบทลาว ด้วย
15/08/2015
ในกระทู้นี้เป็นเนื้อเรื่องต่อจาก วันที่ 13 - 14 ส.ค. 2558 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ วังเวียง คราวนี้ซื้อตั๋วรถนอน จากวังเวียงไป หลวงพระบาง โดยออกจากวังเวียงประมาณ 3ทุ่ม เป็นรถนอน ธรรมดา เตียงสองชั้นขนาดเล็กนอนเป็นปลากระป๋อง (ต้องขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตอนนั้นคาดว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องสภาพรถ) เรามาถึงขนส่งหลวงพระบางตอนประมาณเช้ามืด ตีห้ากว่าๆ เกือบจะ 6โมงเช้า เราสองคนก็นั่งรถจัมโบ้ หาโรงแรม ขณะนั้นก็เปิดเน็ตเพื่อดูลิสต์โรงแรมใน Agoda ไปด้วย บนรถ มีลูกครึ่ง แคนาดา สองคน (หน้าเอเชียมากอย่างกับเกาหลี แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนแคนาดา) ผู้หญิงกับผู้ชาย นั่งไปด้วย แต่ผมไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก เพื่อนนั่งคุยไป เราก็บอกจัมโบ้ว่าเราจะไป โรงแรม "หวังสะหวัด" ซึ่งเราไม่รู้โรงแรมนี้อยู่ถนนเส้นไหน ตรงไหน ห่างจากเมืองมากมั้ย พอไปถึงเพื่อนก็ลงไปเจรจากับโรงแรมซึ่งตอนนั้นผมเฝ้าของบนรถ ประมาณ 20นาที เพื่อนต่อรองได้ ดีลกับ Agoda ได้คืนละ 800 บาท ก็เสร็จสรรพ ย้ายของเข้าไปในห้อง ลูกเจ้าของโรงแรมชื่อ "พอน" เรียกว่า อ้ายพอน แกเป็นคนลาวใจดีพูดจาน่ารักมาก เทคแคร์ดีครับ ช่วงนี้ที่หลวงพระบางกำลังโลวซีซั่น ราคาเลยต่อรองได้ บริการของโรงแรมก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พิกัดโรงแรม : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึงเวลาประมาณ 8โมง ผมก็นั่งรถรับส่งของโรงแรมไปในตัวเมือง ใช้เวลา 10นาที รถมาส่งสี่แยกไปรษณีย์ (ถ้าคนเคยไปจะอยู่ตรงสี่แยกที่ขายน้ำปั่นเยอะๆก่อนตรงไปหอพระบาง) ผมสองคนกับเพื่อนก็จัดการครับ "หิว" เดินหาของกิน ไปเจอข้าวเปียกเส้นข้าวเปียกข้าว ตรงตีนพูสี เอ่อจะบอกไงอะ มันไม่เป็นร้านอะมันตั้งข้างๆถนน ทางขวามือของถนนเส้นหลักนะ มีร้านเดียว และคนก็กินเยอะ ก็จัดครับคนละชาม พอกินเสร็จถามป้าคนขายว่า ทางข้างหลังผมมันขึ้นพูสีได้มั้ย เขาบอกว่าได้ ผมเอาเลยครับ ไปขึ้นด้านข้างไม่ขึ้นข้างหน้า แหวกแนวครับ พิกัดทางขึ้นของผมกับเพื่อน : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วผมกับเพื่อนก็มาเจอกับ
วิวมองหลวงพระบางจากยอดพูสี
วิวแม่น้ำคานจากยอดพูสี
พะทาดพูสี ที่ถ่ายยากมากไม่รู้จะเลือกมุมไหน
เจอพระรูปหนึ่งนั่งอ่านหนังสือธรรมะตั้งแต่ผมขึ้นไปจนผมลงก็ยังนั่งอ่านตรงนั้นตรงที่ๆเดิม
ลงครับลง แดดเริ่มร้อน ทีนี้ลงด้านหน้าเลยครับ มาถ่ายรูปตรงทางบันไดขึ้นสวยไปอีกแบบ แล้วเราก็เดินลงไปเข้า หอพระบางกันครับ ซึ่งอยู่ตรงข้ามพูสีเลยครับ เราซื้อปี้เพื่อเข้าไปดูของในวังเจ้ามหาชีวิตด้วย (ในนั้นห้ามนำกล้องถ่ายรูป เข้าไปถ่ายนะครับ มีตู้ให้เก็บเอาไว้)
หอพระบาง
ด้านหน้าวังเจ้ามหาชีวิต (พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง)
เจ้ามหาชีวิตศรีสะหว่างวงศ์ (หน้าโรงละคอนพระลักพระลาม ภายในมีการแสดงรามเกียรติ์ฉบับลาว)
ผมกับเพื่อนเที่ยวชมบริเวณนั้นเสร็จก็เดินขึ้นมาตามถนนสายหลัก เข้าไปโซนร้านอาหารไรงี้แล้ว มีร้านนึงที่อ้ายพอนแนะนำ ชื่อร้าน โคโคนัท มันเป็นร้านที่ชูมะพร้าวทุกอย่างที่เป็นมะพร้าวให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ในร้านก็มีอาหารฝรั่ง อาหารไทย-ลาว เบเกอร์รี่ พิซซ่า ไอติม ไรงี้ เราก็แวะพักกินน้ำมะพร้าวปั่นก่อน ก็อร่อยตามท้องเรื่องของมัน
ภายในร้านครับ
ผมก็พาเพื่อนเดินดุ่ยๆมาตามหาวัดเชียงทองอันมีชื่อเสียง! ครับใช้เลย ผมมาวัดนี้ ต้องมาให้ได้ เห็นภาพตะวันสาดแสงส่องสิมหลังใหญ่ของวัดแล้วงามตา เลยอยากเห็นสักครั้ง เจอเลยครับ ถ้าคุณเดินมาตรงๆ เจอแน่นอน อยู่ทางซ้ายมือของถนนครับ เราก็เสียค่าปี้ เข้าไปในวัด (เรื่องราคาค่าตั๋วจะอธิบายใน Reply#1 นะครับ) กำลังจะหยิบกล้องถ่าย ตายละหว่า แบตหมด อือหือ..... ร้องไห้หนักมาก ตัดสินใจบอกเพื่อนว่า ขอกลับโรงแรมดีกว่า เฟลครับเฟล ในใจก็คิดว่า พรุ่งนี้เช้า มาเก็บใหม่ดีกว่า ออกจากโรงแรมเร็วๆ ให้ทันแสงเช้า ก็บอกเพื่อนเสร็จสรรพ เดินกลับโรงแรมดิครับ มันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะนัดกันออกมาเที่ยวอีกรอบ (รอบเช้าเรากะว่าเที่ยววัดให้เสร็จ รอบเย็นมาหาของกินแล้วเดินตลาดมืดกัน) มองนาฬิกา 11.โมงกว่า เกือบเที่ยงละ เอาละไง รถมารับอีกที บ่ายโมงที่เดิม เอาไงดีวะ ก็เลยเดินกลับครับ ฟังไม่ผิดหรอก เดินมาเรื่อยจนมาถึงแยกเดิมเมื่อเช้า เอโทรศัพท์ไม่ได้ซื้อโปรโทรซะด้วยมีแต่โปรเน็ต เดินด้อมๆมองๆ ตรงนั้น นานสองนาน รถจัมโบ้มันก็เซ้าซี้ให้ไปส่งมั้ยๆ ไม่เอาครับ ประหยัดเงิน (ไหนบอกว่าใช้เงินตามใจ?) ยืนเพ่งมองอยู่นานเอาไงดี สุดท้าย เดินวนอยู่ตรงนั้น ประมาณ ครึ่ง ชม.ได้ เพื่อนมันเดินกลับมาพอดี บอกไม่ไหวละร้อน อยากกลับไปนอน โถ....แต่ระหว่างนั้นเราก็เช็คว่า เราเหลือเวลาอีกกี่วันจะถึงวันที่เราจองรถกลับ กรุงเทพฯ เช็คไปเช็คมา ตัดสินใจ ว่าไปน่านพรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะเทียบตารางรถกับสอบถามเอเย่นทัวร์แล้วคาดว่าตารางมันไม่แน่นอน เซฟตัวเองดีที่สุด ซื้อตั๋วตีรถไปไชยะบูลี วันนั้นเลยครับ ซื้อรอบออกจากหลวงพระบางรอบบ่าย โอเค จัดการเรียบร้อยสองคน (เดี๋ยวว่ากันอีกทีเรื่องรายละเอียด) ก็ติดต่อซื้อตั๋วกับเอเย่นนั่นแหละ แพงกว่าที่ขนส่ง นิดเดียวไม่ถึงร้อย รถที่โรงแรมมาพอดี ถึงโรงแรมเราก็จัดแจงเก็บของอาบน้ำเที่ยง (คือมันร้อนมาก แล้วเหงื่อออกเยอะ) นอนครับ ตั้งนาฬิกาปลุก 4โมงเย็น
4โมงเย็นเราก็ออกมาจากโรงแรมครับ เดินตลาดมืดกัน ตลาดมืดในที่นี้หมายถึง ตลาดตอนเย็นนั่นเองละฮะ เหมือนถนนคนเดินทั่วไป ผมก็เสียตัวเอ้ยเสียตังค์ให้กับกระเป๋าผ้าแบบสะพายหลังกากๆ แต่ลายสวยมาสองใบ เดินๆเล่นๆ ไปๆมาๆ ไปกินข้าวริมโขงกัน สั่งอาหารทั่วไปเอาแค่อยู่รอด เนื้องัวย่าง, ต้มยำปลา, ไข่เจียว(เอ๊าไม่เคยกินหรอ) แค่นั้นแหละ เบียร์ขวดสองขวดก็พอแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก อิ่ม รอรถ กลับโรงแรม นอน
16/08/2015
ผมกับเพื่อนตื่นเช้าประมาณ ตี5 อาบน้ำอาบท่า ยืมจักรยานโรงแรมปั่นเข้าตัวเมือง ที่แรกที่ปั่นไปคือถนนเส้นหลัก ไปถ่ายบรรยากาศตักบาตรข้าวเหนียวกันครับ คนเยอะมากจริงๆ
ต่อมาคือ วัดเชียงทอง ไปเก็บภาพที่ยังไม่ได้เก็บครับ ผมเอาปี้เดิมไปถามเขาว่าใช้ได้มั้ย เขาบอกว่าได้ก็เลยเข้าไปเก็บภาพวัดเชียงทองมาครับ
สิมวัดเชียงทอง สิมสกุลช่างหลวงของล้านช้าง
ประตูทางเข้าสิม เป็นไงครับลวดลายงดงามจริงๆ
พระองค์หลวง
หลังคาสิม เอกลักษณ์ของวัดล้านช้าง บ่งบอกว่าวัดนี้เป็นวัดหลวงที่กษัตริย์ทรงสร้างเอาไว้ (แตกต่างอย่างไรจะเขียนอธิบายไว้ Reply#1 ครับ)
ภาพสลักปิดทองหน้าโรงเมี้ยนโกศ (โรงเก็บราชรถแห่พระศพเจ้ามหาชีวิต, โกศพระศพ และพระพุทธรูปศิลปะล้านช้างมากมายครับ) เป็นภาพรามเกียรติ์ตอน ทศกัณฑ์สิ้นใจครับ
พอเก็บภาพกันหนำใจแล้ว ผมกับเพื่อนอยากกินกาแฟชื่อดังของหลวงพระบาง ที่ชื่อ "กาแฟประชานิยม" ก็ปั่นจักรยานออกมาจากวัดเชียงทองก็ถามๆเขาว่าไปทางไหน ในที่สุดก็ได้มาฝากท้องเช้าที่นี่ครับ ที่นี่ก็กินกาแฟ (อย่างเข้ม), ข้าวเปียกข้าว, ปาท่องโก๋ แล้วก็ ข้าวจี่ปาเตครับ
ร้านนี้พ่อแม่ผมเคยมากินเมื่อ 10กว่าปีที่แล้ว ซึ่งก็แนะนำให้ผมมาโดนเช่นเดียวกัน ตำนานจริงๆครับ
กินเสร็จทีนี้เริ่มปั่นไปเรื่อยครับ ผมปั่นกลับมาเลียบน้ำคานอีกรอบ ในใจคืออยากได้ ธงคอมมิวนิสต์กับธงลาวเอากลับไปบ้านครับ ถามคนเค้าไปเรื่อยๆ บางคนรู้บางคนก็ไม่รู้ จนสุดท้ายก็มาเจอตรงร้านขายของก่อสร้างในเมืองนั่นแหละครับ จัดธงลาวผืนใหญ่กับธงคอมมิวนิสต์มาอย่างละผืนเลยครับ ผมว่าสองอย่างนี้เป็นซิกเนเจอร์อีกอย่างของลาวเลยนะ ไม่รู้สิ ผมชอบอ่านหนังสือพวกสงครามด้วยหละมั้งเลยรู้สึกตื่นเต้นกับธงคอมมิวนิสต์ ฮ่าๆ
ริมน้ำคาน จะเห็นสะพานข้ามทางรถไฟลิบๆ
หลังจากนั้นเราไปปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองไปเรื่อยๆ นั่งพักบ้าง นั่งเก็บรูปไปเรื่อย จนเกือบเที่ยงๆ เราฝากท้องที่ โคโคนัทที่เดิมครับ ก่อนจะลาจากหลวงพระบาง ที่ที่ผมยังไม่ได้ไป และเป็นซิกเนเจอร์ของหลวงพระบางอีกที่นะครับคือ น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่มาก ผมเลยตัดสินใจไม่ไป และคิดว่ายังไงก็คงต้องกลับมาหลวงพระบางอีก ไว้ทริปหน้าละกัน พอตกบ่าย เราก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ทางเจ้าของโรงแรมใจดีมากให้รถไปส่งที่ขนส่งก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไป ไชยบูลี เมืองสุดท้าย ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งเราไปพักผ่อนที่นั่นแบบ "จำเป็น" 1คืน สำหรับ หลวงพระบางแล้ว ผมคิดว่า 1วันเต็มก็เที่ยวได้หมดครับโดยเฉพาะในเมือง แต่ถ้าอยากเก็บหมดจริงก็สองวันครับ คืนที่3 ค่อยตีรถกลับมาเวียงจันทน์หรือจะทำตามผมก็ได้แค่ขยายวันเวลาออกมาหน่อย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น