สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ปลวกและมอดหรือแมลงกินเนื้อไม้ต่างๆ ที่พวกมันเจาะกินเนื้อไม้นั้น เพราะในเนื้อไม้จะมีแป้งและน้ำตาล
ที่เป็นอาหารของพืช ที่พืชสร้างเองจากการสังเคราะห์ด้วยแสง
ปลวก มอด แมลง เจาะเนื้อไม้เข้าไปกิน แป้งและลำตาล ในเนื้อไม้
การนำไม้ไปแช่ในน้ำ เป็นการให้น้ำทำการเจือจางแป้งและน้ำตาล หรือทำลายให้หมดไป
เมีอไม่มีแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้ ปลวก มอด ก็ไม่เจาะเข้าไปหาอาหารกิน
ทีนี้ต้องแยกระหว่างไม่เนื้อแข็งในส่วนที่เป็นแก่นแข็งๆ ของไม้ยืนต้นส่วนใหญ่จะไม่มีแป้งและน้ำตาล หรือมีก็น้อยมาก แต่ถ้าเป็นไม้ยืนต้นในส่วนที่ไม่ใช่แก่นไม้ ก็จะยังมีแป้งและน้ำตาล
ก่อนจะนำมาใช้ จึงนิยมทำการกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้ก่อน ซึ่งวิธีกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้มีหลายวิธี เช่นแช่น้ำ(ต้องนานพอ) แช่น้ำยา อัดน้ำยา แช่น้ำทะเล ฯลฯ ส่วนวิธีไหนมีประสิทธิภาพ ก็คงเป็นการอัดน้ำยา ให้น้ำยาไปเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อาหารของปลวก มอด
ส่วนเรื่องการบิดงอ ของเนื้อไม้ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการอบ (หลังจากแช่น้ำยา)
ไม้สัก หรือแม่แต่ไม้ยางพารา ก็ใช้การอัดน้ำยา และอบ ก่อนที่จะนำมาใช้งาน ครับ
ไม้สักเองถ้าไม่ใช่แก่นไม้ ถ้าตัดมาใช้งานโดยไม่อัดน้ำยาและอบ ปลวกมอดก็กินครับ
ส่วนไม่ไผ่เอง ก็ใช้หลักการเดียวกันคือแช่น้ำยาเพื่อทำลายแป้งและน้ำตาลออกไปให้หมด แล้วนำไปอบ หรือตากแดดผึ่งลม ก่อนนำไปใช้ และควรเลือกลำไผ่ที่อายุ 3 ปี ขึ้นไป นับจากปีที่เป็นหน่อ
สำหรับไม้ไผ่ ถ้าทำได้ 2 อย่าง คือ เลือกลำที่อายุ 3 ปี (ขึ้นไป...ลำไผ่ที่อายุสามปีจะมีค่าความแข็งแรงมากที่สุด และจะค่อยๆลด ความแข็งแรง ลงไปในแต่ละปีที่ผ่าน ไป จน เมื่ออายุลำเกิน10 ปี ลำไผ่ลำนั้นก็จะตาย) และผ่านการแช่น้ำยาที่เหมาะสม จะมีอายุการใช้งานลำไผ่ 40-50 ปี เทียบเท่าไม้เนื้อแข็งครับ
น้ำยาที่แช่ มีหลายสูตร แต่ที่นิยมใช้กันคือส่วนผสมของบอริกซ์และบอแรกซ์ ผสมน้ำความเข้มข้น 5-10 % ส่วนระยะเวลาในการแช่ ก็แล้วแต่ชนิดของไม้ และวิธีการ เช่นถ้ามีถ้งอัดความดันสูง ก็ใช้เวลาไม่นาน เช่น 1วัน ก็ใช้ได้ แต่ถ้าแช่ในบ่อ อาจต้องใช้เวลา10-20 วัน หรือมากกว่านั้น
ที่เป็นอาหารของพืช ที่พืชสร้างเองจากการสังเคราะห์ด้วยแสง
ปลวก มอด แมลง เจาะเนื้อไม้เข้าไปกิน แป้งและลำตาล ในเนื้อไม้
การนำไม้ไปแช่ในน้ำ เป็นการให้น้ำทำการเจือจางแป้งและน้ำตาล หรือทำลายให้หมดไป
เมีอไม่มีแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้ ปลวก มอด ก็ไม่เจาะเข้าไปหาอาหารกิน
ทีนี้ต้องแยกระหว่างไม่เนื้อแข็งในส่วนที่เป็นแก่นแข็งๆ ของไม้ยืนต้นส่วนใหญ่จะไม่มีแป้งและน้ำตาล หรือมีก็น้อยมาก แต่ถ้าเป็นไม้ยืนต้นในส่วนที่ไม่ใช่แก่นไม้ ก็จะยังมีแป้งและน้ำตาล
ก่อนจะนำมาใช้ จึงนิยมทำการกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้ก่อน ซึ่งวิธีกำจัดแป้งและน้ำตาลในเนื้อไม้มีหลายวิธี เช่นแช่น้ำ(ต้องนานพอ) แช่น้ำยา อัดน้ำยา แช่น้ำทะเล ฯลฯ ส่วนวิธีไหนมีประสิทธิภาพ ก็คงเป็นการอัดน้ำยา ให้น้ำยาไปเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อาหารของปลวก มอด
ส่วนเรื่องการบิดงอ ของเนื้อไม้ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการอบ (หลังจากแช่น้ำยา)
ไม้สัก หรือแม่แต่ไม้ยางพารา ก็ใช้การอัดน้ำยา และอบ ก่อนที่จะนำมาใช้งาน ครับ
ไม้สักเองถ้าไม่ใช่แก่นไม้ ถ้าตัดมาใช้งานโดยไม่อัดน้ำยาและอบ ปลวกมอดก็กินครับ
ส่วนไม่ไผ่เอง ก็ใช้หลักการเดียวกันคือแช่น้ำยาเพื่อทำลายแป้งและน้ำตาลออกไปให้หมด แล้วนำไปอบ หรือตากแดดผึ่งลม ก่อนนำไปใช้ และควรเลือกลำไผ่ที่อายุ 3 ปี ขึ้นไป นับจากปีที่เป็นหน่อ
สำหรับไม้ไผ่ ถ้าทำได้ 2 อย่าง คือ เลือกลำที่อายุ 3 ปี (ขึ้นไป...ลำไผ่ที่อายุสามปีจะมีค่าความแข็งแรงมากที่สุด และจะค่อยๆลด ความแข็งแรง ลงไปในแต่ละปีที่ผ่าน ไป จน เมื่ออายุลำเกิน10 ปี ลำไผ่ลำนั้นก็จะตาย) และผ่านการแช่น้ำยาที่เหมาะสม จะมีอายุการใช้งานลำไผ่ 40-50 ปี เทียบเท่าไม้เนื้อแข็งครับ
น้ำยาที่แช่ มีหลายสูตร แต่ที่นิยมใช้กันคือส่วนผสมของบอริกซ์และบอแรกซ์ ผสมน้ำความเข้มข้น 5-10 % ส่วนระยะเวลาในการแช่ ก็แล้วแต่ชนิดของไม้ และวิธีการ เช่นถ้ามีถ้งอัดความดันสูง ก็ใช้เวลาไม่นาน เช่น 1วัน ก็ใช้ได้ แต่ถ้าแช่ในบ่อ อาจต้องใช้เวลา10-20 วัน หรือมากกว่านั้น
แสดงความคิดเห็น
ไม้ต่างๆถ้าเอาไปแช่น้ำแล้วปลวกจะไม่กินเหรอครับ
แล้วถ้าแช่น้ำนานๆมันจะไม่ผุหมดเหรอครับ รบกวนผู้รู้มาช่วยตอบทีครับผมสงสัยมาก