"ทหารรักษาพระองค์"ซ้อมใหญ่พิธีสวนสนาม องอาจ สง่างามตามแบบทหารไทย

กระทู้ข่าว
พลเอก สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานซ้อมพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2558 โดยมีผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วม โดยในพิธีดังกล่าว มีการเดินแถวสวนสนามของหน่วยทหารรักษาพระองค์ 12 กองพัน จำนวน 2,199 นายและ 1กองพันทหารม้า ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2558 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยพลเอกสมหมาย จะ เป็นผู้นำกล่าวถวายราชสดุดีและกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



       สำหรับการปิดการจราจรในวันที่ 3 ธันวาคม จะเริ่มตั้งแต่เวลา 15นาฬิกา30 นาที เพื่อจัดแถวทหารและเดินเข้าสู่พื้นที่ประกอบพิธี ตั้งแต่ ถนนสนามไชย ถนนเจริญกรุง ถนนท้ายวัง ถนนพระพิพิธ ถนนหน้าพระลาน ถนนราชดำเนินใน และถนนหน้าพระธาตุ

บทกำเนิด ทหารรักษาพระองค์
       ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กำเนิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากทรงมีพระราชนิยมในกิจการทหารมาแต่ครั้งทรงพระเยาว์ และจากการที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการฝึกทหารตามแบบอย่างยุโรป ประกอบกับมีบุตรในราชตระกูลและข้าราชการซึ่งยังเยาว์วัย เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังชั้นในหลายคน จึงโปรดให้มาฝึกหัดด้านการทหารตามยุทธวิธีแบบตะวันตก และทำหน้าที่คอยไล่กาที่บินมารบกวนในเวลาทรงบาตร รวมทั้งตั้งแถวยืนรับเสด็จในที่นั้นทุกเวลาเช้า มีจำนวน 12 คน ซึ่งคนทั่วไปพากันเรียกว่ามหาดเล็กไล่กา ครั้นรัชกาลที่5 ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ขณะทรงมีพระชนมพรรษา 15 พรรษา ได้โปรดให้จัดตั้งทหารรักษาพระองค์ขึ้น 24 คน โดยทรงเลือกจากมหาดเล็กข้าหลวงเดิมที่เฝ้าพระฉากห้องบรรทม แต่ในตอนเช้าและเย็นต้องมารับการฝึกทหาร

        ต่อมาในปี พ.ศ. 2413 ได้โปรดให้คัดเลือกบุตรราชตระกูลและบุตรข้าราชการที่เป็นทหารมหาดเล็ก เป็นกองมหาดเล็กรักษาพระองค์เพิ่มขึ้นเป็น 72 คน ทำหน้าที่ตามกำหนดไว้เดิม และเมื่อมีการเสด็จประพาสหัวเมืองหรือต่างประเทศ ได้โปรดให้จัดแบ่งทหารมหาดเล็กเหล่านี้ตามเสด็จ จนเมื่อได้ทรงพระยศเป็นนายพันเอก ตำแหน่งผู้บังคับการกรม ได้ทรงเปลี่ยนเป็นกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ซึ่งคำว่าราชวัลลภนั้นแปลว่า ที่รักสนิทคุ้นเคยของพระราชา ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็นกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกองพลที่ 1 รักษาพระองค์

พิธีสวนสนาม งดงาม องอาจสง่างามตามแบบทหารไทย
       สำหรับการถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนาม แต่เดิมนั้นพิธีนี้ไม่ได้กระทำกันเป็นประจำทุกปี แต่จะกระทำกันเป็นครั้งคราว สุดแต่ว่ากองทัพบก หรือกระทรวงกลาโหมจะสั่งหรือกำหนด และได้จัดครั้งแรกในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาหน่วยกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่รียกกันว่าวันราชวัลลภ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานธงชัยเฉลิมพล ซึ่งเป็นธงช้างเผือกให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ใช้แทนธงชัยเฉลิมพลที่มีอยู่ ทำให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์มีความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก จึงได้จัดพิธีสวนสนามถวายแด่พระองค์ท่านในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496



       การจัดงานได้ว่างเว้นมาหลายปี จนถึงสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้มีการถวายพระเกียรติยศแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่ทรงเสด็จนิวัตพระนคร หลังการเสด็จเยือนยุโรปและสหรัฐอเมริกา

       ต่อมาในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2504 ได้มีพิธีสวนสนามของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ โดยแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของแต่ละเหล่าทัพ ยังไม่ได้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ และในปีเดียวกันนั้น ในวันที่ 5 ธันวาคม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีบัญชาให้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของบรรดาทหารรักษาพระองค์ โดยใช้หน่วยรักษาพระองค์ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 8 กองพัน จัดเป็น 2 กรม ทำการสวนสนาม

       นับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา จึงได้มีการจัดถวายพระเกียรติเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นประจำทุกปี แต่เนื่องจากมีพระราชกรณียกิจในช่วงระหว่างวันที่ 4-6 มีมาก จึงได้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานกำหนดวันสวนสนามที่แน่นอน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นวันที่ 3 ธันวาคม จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนมาตลอด แต่มักจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคมแทน จนถึงปี พ.ศ. 2525 มีหน่วยทหารรักษาพระองค์ในต่างจังหวัดมาร่วมพิธีด้วย รวมทั้งเหล่าทัพอื่นก็ได้จัดกำลังร่วมพิธี คือ ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ จึงได้กำหนดให้มีการจัดหน่วยเข้าร่วมสวนสนามเพิ่มขึ้นเป็น 12 กองพัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 ได้นำทหารม้าเข้าร่วมในพิธีสวนสนามด้วย จึงรวมเป็น 13 กองพัน โดยกองพันทหารม้าเป็นกองพันสุดท้ายที่ปิดขบวน



      พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นความภาคภูมิใจของทหารรักษาพระองค์ทุกนายในชุดเครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ตามสีของแต่ละเหล่าทัพอย่างสง่างาม พร้อมทั้งเปล่งวาจาถวายสัตย์ที่มั่นคงในความจงรักภักดี และจักยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ไม่เพียงแต่รั้วของชาติเท่านั้น แต่เราคนไทยทุกคนก็สามารถแสดงความจงรักภักดีด้วยทางกาย วาจา และใจ ได้เช่นเดียวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่