หลักพื้นฐานพุทธศาสนา

การที่เราจะศึกษาหลักทฤษฎีใด เราจำเป็นที่จะต้องรู้จักหลักพื้นฐานของทฤษฎีนั้นก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา เหมือนกับการเตรียมตัวเข้าเรียนหรือทำงาน ถ้าไม่รู้จักก่อนมันก็ทำให้ยากในการเรียนหรือการทำงาน กว่าจะจับหลักการเรียนหรือหลักในการทำงานได้ก็ต้องใช้เวลามาก หรืออาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้

การศึกษาพุทธศาสนานี้ก็เหมือนกัน คือเราจะต้องรู้จักหลักพื้นฐานในการศึกษาก่อน เพื่อที่จะได้จับหลักการของพุทธศาสนาได้อย่างถูกแล้ว แล้วจะได้ศึกษาไปตรงตามหลักการของพุทธศาสนาอย่างไม่ผิดพลาด ซึ่งหลักพื้นฐานพุทธศาสนานั้นก็ได้แก่

๑. มุ่งตรงสู่การดับทุกข์ (หรือสิ้นทุกข์ หรือไม่มีทุกข์ หรือพ้นทุกข์)
๒. ศึกษาจากของจริง คือจากชีวิต (คือร่างกายกับจิตใจ) ของเราเองจริงๆในปัจจุบัน
๓. ศึกษาโดยใช้เหตุใช้ผล ไม่ใช้ความเชื่อใดๆ    
๔. ศึกษาอย่างเป็นระบบ คือเริ่มจากพื้นฐานง่ายๆก่อน แล้วค่อยๆแตกกิ่งก้านสาขาออกไปสู่ยอด
๕. เชื่อความจริง คือต้องพิสูจน์จนเห็นผลจริงอย่างแน่ชัดก่อนจึงจะเชื่อ

ความทุกข์เป็นภัยใหญ่หลวงที่เราต้องรีบหาทางป้องกัน (หรือแก้ไข) ไม่ให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความทุกข์เลยได้ ก็นับว่าเราได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดในการเกิดมาแล้ว ซึ่งการที่พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นมาในโลก ก็เพื่อมาสอนให้มนุษย์รู้จักวิธีการดับทุกข์ โดยใช้ความสามารถของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งอื่นใดภายนอก ถ้าไม่มีความทุกข์ ก็จะไม่มีพระพุทธเจ้า

ส่วนวิธีการศึกษาเรื่องการดับทุกข์นั้น จำเป็นที่จะต้องศึกษาให้เกิดปัญญาขึ้นมาก่อน เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา ที่ต้องใช้ปัญญาเป็นตัวนำตลอด ทั้งในการศึกษาและการปฏิบัติ ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่มีพุทธศาสนา ซึ่งการศึกษาเพื่อให้เกิดปัญญานั้น สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องศึกจากของจริง คือจากสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้จริงในปัจจุบัน โดยอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ของเราที่ยังดีอยู่นี้ โดยการศึกษาก็ต้องใช้เหตุและผลจากความจริงนั่นเองมาศึกษา (คือในความจริงนั้นจะมีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว) ซึ่งก็ต้องมีการศึกษาอย่างเป็นระบบและมีระเบียบแบบแผน และก็ต้องมีการพิสูจน์หรือทดลองปฏิบัติก่อนเชื่อ เมื่อพิสูจน์จนเห็นผลจริงอย่างแน่ชัดแล้วจึงจะปลงใจเชื่อ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่ปลงใจเชื่อ

นี่คือหลักพื้นฐานของพุทธศาสนา ที่ก็ตรงกับหลักหัวใจของวิทยาศาสตร์ ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ คือเป็นการศึกษาจากการสังเกตปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริง ที่ทำให้มนุษย์ได้ค้นพบความจริงของธรรมชาติหลายๆอย่างที่ลึกซึ้งได้ และทำให้มนุษย์กลายมาเป็นสัตว์ที่มีความเจริญสูงกว่าสัตว์เดรัจฉานอย่างเช่นในปัจจุบัน ถ้าไม่มีวิทยาศาสตร์ มนุษย์ก็จะยังคงเป็นคนป่าคนดงหรือมนุษย์ยุคหิน ที่ยังใช้ชีวิตตามสัญชาติญาณเหมือนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายอยู่ต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่