เที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง
สวัสดีครับ พอดีได้มีโอกาศได้จองตั๋วราคาถูกของ นกแอร์ ไปเวียดนามเลยวางแผนจัดการไปเที่ยวสักหน่อย โดยทริปนี้มีผมและพี่อีก2คนไปด้วยกัน ส่วนเมืองที่ไปก็มี โฮจิมินห์ - ดาลัด - มุยเน่ สามเมืองหลักใช่เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืนครับ
วันที่ 1
เราเดินทางมาถึงโฮจิมินห์ซิตี้กันเวลา 9.15 นาฬิกาครับ โดยเมื่อเดินออกมาที่ด้านหน้าก็จะมีรถเมล์สาย 152 เข้าเมืองครับค่าโดยสารก็ 5000 ดอง/คน ครับผมโดยถ้ามีกระเป๋าขนาดใหญ่ เช่นกระเป๋าลากก็จะคิดเพิ่ม 5000 ดองรวมเป็น 10000 ดอง/คนครับผม
Information : วิธิคิดเงินดองเป็นเงินบาทมีอยู่ 2 วิธีครับ
1.ตัดเลขศูนย์สามตัวหลังออกเเล้วคูณด้วย 1.5 เช่น 50.000 ดอง ก็นำ 0 ออก เป็น 50 เเล้วคูณกับ 1.5 => 50 x 1.5 = 75 บาทครับ
2.คือนำตัดเลขศูนย์สามตัวหลังออกแล้วนำเลขตัวหน้ามาหาร 2 เเล้วบวกเข้ากับจำนวนเเรก ยกตัวอย่าง 50.000 ดอง ก็นำ 50 มาหาร 2 ได้ 25 เเล้ว + เข้ากับ 50 เป็น 50 + 25 = 75 บาทครับ
Information : ปลั้กไฟของเวียดนามเป็นแบบ 220 V เหมือนไทยเพราะฉะนั้นไม่จำเปป็นต้องเอาหัวแปลงไปครับเเต่เเนะนำว่าให้เอาปลั้กเเบบที่ต่อเพิ่มหัวไปนะครับ
โดยพวกเรา 3 คนที่มีเเต่กระเป๋าเป้ไม่คิดเพิ่มนะครับ
ภาพบนรถบัส
รถมอเตอไซด์เยอะสมกับชื่อเมืองแห่งมอเตอไซด์จริงๆครับ
โดยจุดที่เราลงก็คือตลาดเบนถั้นซึ่งเป็นจุดซื้อขายของฟาก คล้ายๆพวกตลาดจตุจักรแหละครับ
โดยสิ่งแรกที่เราทำหลังจากลงจากรถบัสก็คือการไปจองตั๋วรถนอนสำหรับไปปดาลัดในตอนเย็นวันนี้
โดยบริษัทที่เราจองก็คือบริษัท phuong trang(FUTABUS)https://futabus.vn/en-US
แผนที่ที่อยู่ของบริษัทโดยจากตลาดเบนถั่น(จุดที่ลงจากรถบัส)ให้เดินมาทางด้านที่มีสวนสาธารณะเดินมาเรื่อยๆเมื่อสุดสวนจะมีสี่เเยกให้เดินต่อไปอีกสองซอยเเล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยก็เจอเเล้วครับ
โดยระหว่างทางเดินก็จะมีสวนสาธารณะอากาศค่อนข้างดีมากครับ เเถมเรายังเจอกลุ่ม อาสาสมัครที่มาคอยเเนะนำทางให้นักท่องเที่ยวโดยโรงเรียนของเวียดนามด้วยครับ
Information : รูปที่ 2 นี้ผมถ่ายกลับหลังมานะครับ ที่เห็นสุดรูปเลยคือตลาดเบนถั่นนะครับ
ตารางการเดินรถ
Information : โดยเราจองรถนอนไปดาลัดใช่เวลาทั้งหมด 6 ชั้วโมง เที่ยวที่ไปเวลา 22.30 น. จากนั้นเราก็ฟากกระเป๋าไว้กับโรงแรมฝั้งตรงข้ามชื่อ Hostel โดยราคาอยู่ที่คนล่ะ 3 ดอลล่า(ตกที่คนล่ะประมาณ 36 บาท)ซึ่งราคาถูกกว่าเปิดห้องของโรงเเรมมากจากนั้นก็ปลิวครับ ตัวปลิวเดินสบายหลังจากที่แบกกระเป๋าหนักๆมาตั้งนาน
เจ้าของโรงแรมอารมณ์ดีนะครับพูดอังกฤษเก่งด้วย
หลังจากจองตั๋ว ฟากกระเป๋าเรียบร้อยเราก็เดินจากที่ฟากกระเป๋าขึ้นไปพิพิธภัณฑ์สงครามเวียดนาม(Bảo tàng Chứng tích chiến tranh) ซึ่งที่นี้จะรวบรวมภาพและประวัติศาสตร์ของสงครามเวียดนามไว้ ซึ่งพวกเราไม่ได้เข้าเพราะคนต่อคิวซื้อบัตรเยอะมากเเละเสียเงินค่าเข้า(กรรม)
จากนั้นเราก็เดินจากพิพิธภัณฑ์ไปที่The Independence Palaceซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าอีกเช่นกันเพราะเสียค่าเข้า(เราต้องประหยัดไว้ใช้วันอื่นๆครับช่วยไม่ได้แค่ถ่ายรูปด้านนอกก็พอใจเเล้ว 55555)
จากนั้นก็ได้เวลาเที่ยงพอดีเราจึงเดินหาร้านกินข้าวไปเรื่อยๆจนเจอร้านนี้ครับผม
โดยเวลาสั้งอาหารเขาจะมีรูปพร้อมชื่อบอกครับเเละพนักงานยังพูดอังกฤษเก่งมากๆไม่ต้องห่วงเลย
เมนูเเนะนำเลยครับอร่อยมาก
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเสียดนามเเล้วเราก็เดินต่อกันไปที่ Notre Dame Cathedral ซึ่งเป็นโบสที่จำลองแบบมาจากโบสของฝรั้งเศสได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปีครับผม
จากนั้นเราก็เดินจากโบสไปยังไปรศนีย์ Saigon Central Post Office โดยในนี้ก็จะมีขายพวก โปสการ์ดต่างๆ ของที่ระลึกมากมายเเละสามารถส่งจดหมายได้(เเน่ล่ะไปรศนีย์นี้)
หลังจากนั้นนะครับเราก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ จนถึง UBND thành phố Hồ Chí Minh(Ho chi min city Hall) ซึ่งจะมีรูปปั้น Ho chi min อยู่ด้านหน้าเเละเป็นลานกว้างๆให้คนเดินนะครับ
จากนั้นเราก็เดินไปที่ Opera house(Saigon Opera House)ซึ่งขณะที่ไปนั้นOpera house ปิดทำการรครับผม
จากนั้นเราก็เดินชมเมืองไปปเรื่อยๆจนตกเวลาเย็นเราจึงไปกินข้าวที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้จริงๆครับ)โดยร้านอาหารที่นี้ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 80000 ดอง ประมาณนี้นะครับ กินเสร็จเราก็เดินไปกินกาแฟที่ร้าน trung nguyen coffee
ซึ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับที่เราเดินไป phuong trang นั้นเเหละครับhttp://www.trung-nguyen-online.com/
หลังจากกินกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะได้เวลาขึ้นรถแล้วเราจึงเดินไปปรอที่ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้โดยรถมาถึงหลังเวลาที่เขาบอกเเค่ 3 นาทีเท่านั้น(รถออก 21.30 เจ้าหน้าที่บอกว่ารถ จะมาก่อนเวลา 10 นาที รถมา 21.23 )เเต่เจ้าหน้าที่ยนรถก็ยังเร่งทำเวลาในการออกจาก Ho chi min city ให้ได้มากที่สุดโดยเราออกจาก Ho chi min ได้ตรงเวลามากครับ
สภาพบนรถ
โดยบนรถจะมี wifi free ให้ใช้รหัสก็คือเบอร์ของบริษัทนั้นเเหละครับ และเพื่อมีคนถาม ''บนรถมีปลั้กไฟไหม'' ตอบว่า ''ไม่มีนะครับ''
โดยก่อนขึ้นรรถเขาจะให้เราถอดรองเท้าเเละจะมีถุงให้ใส่รองเท้าโดยจะมีที่เก็บใต้ที่นอนครับ พอขึ้นรถเเล้วพนักงานก็จะเเจกน้ำดื่มขวดเล็กๆ และจะมีจุดพักรถ 1 ครั้งนะครับ
เจอกันอีกทีที่ดาลัดตอนเช้าๆเลยนะครับผม เดี๋ยวมาเขียนต่อเเน่นอน
[CR] เที่ยวเวียดนาม โอจิมินห์-ดาลัด-มุยเน่ 4วัน3คืน ด้วยตนเอง
สวัสดีครับ พอดีได้มีโอกาศได้จองตั๋วราคาถูกของ นกแอร์ ไปเวียดนามเลยวางแผนจัดการไปเที่ยวสักหน่อย โดยทริปนี้มีผมและพี่อีก2คนไปด้วยกัน ส่วนเมืองที่ไปก็มี โฮจิมินห์ - ดาลัด - มุยเน่ สามเมืองหลักใช่เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืนครับ
วันที่ 1
เราเดินทางมาถึงโฮจิมินห์ซิตี้กันเวลา 9.15 นาฬิกาครับ โดยเมื่อเดินออกมาที่ด้านหน้าก็จะมีรถเมล์สาย 152 เข้าเมืองครับค่าโดยสารก็ 5000 ดอง/คน ครับผมโดยถ้ามีกระเป๋าขนาดใหญ่ เช่นกระเป๋าลากก็จะคิดเพิ่ม 5000 ดองรวมเป็น 10000 ดอง/คนครับผม
Information : วิธิคิดเงินดองเป็นเงินบาทมีอยู่ 2 วิธีครับ
1.ตัดเลขศูนย์สามตัวหลังออกเเล้วคูณด้วย 1.5 เช่น 50.000 ดอง ก็นำ 0 ออก เป็น 50 เเล้วคูณกับ 1.5 => 50 x 1.5 = 75 บาทครับ
2.คือนำตัดเลขศูนย์สามตัวหลังออกแล้วนำเลขตัวหน้ามาหาร 2 เเล้วบวกเข้ากับจำนวนเเรก ยกตัวอย่าง 50.000 ดอง ก็นำ 50 มาหาร 2 ได้ 25 เเล้ว + เข้ากับ 50 เป็น 50 + 25 = 75 บาทครับ
Information : ปลั้กไฟของเวียดนามเป็นแบบ 220 V เหมือนไทยเพราะฉะนั้นไม่จำเปป็นต้องเอาหัวแปลงไปครับเเต่เเนะนำว่าให้เอาปลั้กเเบบที่ต่อเพิ่มหัวไปนะครับ
โดยสิ่งแรกที่เราทำหลังจากลงจากรถบัสก็คือการไปจองตั๋วรถนอนสำหรับไปปดาลัดในตอนเย็นวันนี้
โดยบริษัทที่เราจองก็คือบริษัท phuong trang(FUTABUS)https://futabus.vn/en-US
โดยระหว่างทางเดินก็จะมีสวนสาธารณะอากาศค่อนข้างดีมากครับ เเถมเรายังเจอกลุ่ม อาสาสมัครที่มาคอยเเนะนำทางให้นักท่องเที่ยวโดยโรงเรียนของเวียดนามด้วยครับ
Information : โดยเราจองรถนอนไปดาลัดใช่เวลาทั้งหมด 6 ชั้วโมง เที่ยวที่ไปเวลา 22.30 น. จากนั้นเราก็ฟากกระเป๋าไว้กับโรงแรมฝั้งตรงข้ามชื่อ Hostel โดยราคาอยู่ที่คนล่ะ 3 ดอลล่า(ตกที่คนล่ะประมาณ 36 บาท)ซึ่งราคาถูกกว่าเปิดห้องของโรงเเรมมากจากนั้นก็ปลิวครับ ตัวปลิวเดินสบายหลังจากที่แบกกระเป๋าหนักๆมาตั้งนาน
หลังจากจองตั๋ว ฟากกระเป๋าเรียบร้อยเราก็เดินจากที่ฟากกระเป๋าขึ้นไปพิพิธภัณฑ์สงครามเวียดนาม(Bảo tàng Chứng tích chiến tranh) ซึ่งที่นี้จะรวบรวมภาพและประวัติศาสตร์ของสงครามเวียดนามไว้ ซึ่งพวกเราไม่ได้เข้าเพราะคนต่อคิวซื้อบัตรเยอะมากเเละเสียเงินค่าเข้า(กรรม)
จากนั้นเราก็เดินจากพิพิธภัณฑ์ไปที่The Independence Palaceซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าอีกเช่นกันเพราะเสียค่าเข้า(เราต้องประหยัดไว้ใช้วันอื่นๆครับช่วยไม่ได้แค่ถ่ายรูปด้านนอกก็พอใจเเล้ว 55555)
จากนั้นก็ได้เวลาเที่ยงพอดีเราจึงเดินหาร้านกินข้าวไปเรื่อยๆจนเจอร้านนี้ครับผม
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเสียดนามเเล้วเราก็เดินต่อกันไปที่ Notre Dame Cathedral ซึ่งเป็นโบสที่จำลองแบบมาจากโบสของฝรั้งเศสได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปีครับผม
จากนั้นเราก็เดินจากโบสไปยังไปรศนีย์ Saigon Central Post Office โดยในนี้ก็จะมีขายพวก โปสการ์ดต่างๆ ของที่ระลึกมากมายเเละสามารถส่งจดหมายได้(เเน่ล่ะไปรศนีย์นี้)
หลังจากนั้นนะครับเราก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ จนถึง UBND thành phố Hồ Chí Minh(Ho chi min city Hall) ซึ่งจะมีรูปปั้น Ho chi min อยู่ด้านหน้าเเละเป็นลานกว้างๆให้คนเดินนะครับ
จากนั้นเราก็เดินไปที่ Opera house(Saigon Opera House)ซึ่งขณะที่ไปนั้นOpera house ปิดทำการรครับผม
จากนั้นเราก็เดินชมเมืองไปปเรื่อยๆจนตกเวลาเย็นเราจึงไปกินข้าวที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้จริงๆครับ)โดยร้านอาหารที่นี้ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 80000 ดอง ประมาณนี้นะครับ กินเสร็จเราก็เดินไปกินกาแฟที่ร้าน trung nguyen coffee
ซึ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับที่เราเดินไป phuong trang นั้นเเหละครับhttp://www.trung-nguyen-online.com/
หลังจากกินกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะได้เวลาขึ้นรถแล้วเราจึงเดินไปปรอที่ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้โดยรถมาถึงหลังเวลาที่เขาบอกเเค่ 3 นาทีเท่านั้น(รถออก 21.30 เจ้าหน้าที่บอกว่ารถ จะมาก่อนเวลา 10 นาที รถมา 21.23 )เเต่เจ้าหน้าที่ยนรถก็ยังเร่งทำเวลาในการออกจาก Ho chi min city ให้ได้มากที่สุดโดยเราออกจาก Ho chi min ได้ตรงเวลามากครับ
โดยบนรถจะมี wifi free ให้ใช้รหัสก็คือเบอร์ของบริษัทนั้นเเหละครับ และเพื่อมีคนถาม ''บนรถมีปลั้กไฟไหม'' ตอบว่า ''ไม่มีนะครับ''
โดยก่อนขึ้นรรถเขาจะให้เราถอดรองเท้าเเละจะมีถุงให้ใส่รองเท้าโดยจะมีที่เก็บใต้ที่นอนครับ พอขึ้นรถเเล้วพนักงานก็จะเเจกน้ำดื่มขวดเล็กๆ และจะมีจุดพักรถ 1 ครั้งนะครับ
เจอกันอีกทีที่ดาลัดตอนเช้าๆเลยนะครับผม เดี๋ยวมาเขียนต่อเเน่นอน