สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการตั้งกระทู้ไปนาน เพราะภารกิจต่างๆ ที่รัดตัว หลังจากที่เมื่อปีก่อน ได้ตั้งสองกระทู้คือ
Review ถ่ายภาพ Pre-Wedding ที่เกาหลี
http://ppantip.com/topic/32023029
หมั้นแบบไทยๆ ตามใจฉัน
http://ppantip.com/topic/32039666
ไปแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็เกือบๆ จะสองปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดงานแต่งที่เกาหลีซะทีค่ะ... เอ้า ฉลองงง
เหตุผลที่ต้องรอนานขนาดนี้คืออะไร?? เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว การแต่งงานของคนเกาหลีนั้น พ่อแม่เจ้าบ่าวจะเป็นคนจัดการเรื่องของการจัดงาน หาบ้าน และอื่นๆ มากมายให้กับลูกชายและว่าที่สะใภ้ค่ะ หลายๆ คนจึงแต่งงานได้เลยแทบจะทันทีที่นึกอยากจะแต่ง แต่สำหรับกรณีของนีดและสามี คือเรามองว่า พ่อแม่เกษียณแล้ว เงินเก็บที่มีอยู่ ควรจะเอาไว้ใช้ในยามชรามากกว่าจะเอามาจัดงานแต่งหรือซื้อบ้านให้ลูกชายคนเล็กที่มีงานทำและมีเงินเดือนดีพอที่จะดูแลตัวเองได้ อีกทั้งนีดเองก็ได้งานทำที่เกาหลีแล้ว สรุปว่าเราสองคนมีเงินเก็บและสามารถที่จะเก็บเงินเพื่อดูแลชีวิตตัวเองได้ เราจึงตกลงกันว่า เราจะเก็บเงินอีกซักปีแล้วกัน แล้วค่อยจัดการเรื่องงานแต่งของตัวเองโดยไม่รบกวนพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว จึงทำให้เรารอกันมาจนถึงวันนี้ค่ะ
ประกอบกับสามีนีดเป็นพนักงานบริษัท Posco ซึ่งมีสวัสดิการในการใช้หอประชุมของบริษัทจัดงานแต่งได้ ซึ่งเป็นโครงการสวัสดิการของพนักงานค่ะ ดังนั้น เราจึงต้องทำการจองคิวการจัดงานล่วงหน้าครึ่งปีเป็นอย่างน้อย จึงมาลงตัวเองที่ปลายปีนี่แหละค่ะ
นีดจัดงานแต่งงานครั้งนี้ที่ตึก Posco Center ที่คังนัม โซล ไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาค่ะ
อย่างที่บอกว่า การจัดงานแต่งงานที่นี่เป็นสวัสดิกาารของพนักงานบริษัท ดังนั้น วันหนึ่งๆ จึงมีการจัดงานไม่ถี่ยิบเหมือนกับการจัดงานที่เวดดิ้งฮอลล์ทั่วๆ ไป ซึ่งนั่นเป็นอีกข้อดีหนึ่งที่ทำให้นีดเลือกจัดงานที่นี่คือ การจัดงานแต่งงานตามเวดดิ้งฮอลล์ทั่วๆ ไปนั้น ส่วนมากจะใช้ห้องเดียวกันจัดงานต่อเนื่องกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ห่างกันงานละประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงค่ะ แต่สำหรับที่นี่แล้ว วันหนึ่ง จะมีการจัดแค่ 3 งานเท่านั้น คือ 11.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. เรียกว่าทำให้สามารถเตรียมการจัดงานได้ดีกว่า และไม่เร่งรีบ ทั้งเรื่องของการถ่ายรูป และการใช้ห้องรอเจ้าสาวค่ะ
สำหรับงานของนีดนั้นจัดในเวลา 14.00 น. ค่ะ นีดจึงได้รับนัดการแต่งหน้าทำผมในเวลา 9.30 น. เพื่อจะได้ออกเดินทางไปยังห้องจัดงานได้ในเวลา 12.00 น.ค่ะ
ก่อนถึงวันงานประมาณอาทิตย์นึง สตูดิโอแต่งหน้าทำผมจะโทรมานัดหมายและย้ำเรื่องของการเตรียมตัวมาในวันงานให้ทราบอีกครั้ง เรียกว่า "แฮปปี้คอล" ค่ะ โดยทางสตูดิโอได้สั่งว่า ให้สระผมแต่ห้ามใส่ครีมนวดหรืออะไรใดๆ อย่างอื่นทั้งสิ้น สำหรับหน้านั้นให้ทาครีมบำรุงได้อย่างเดียวค่ะ และให้สวมเสื้อที่เป็นเสื้อผ่าหน้าเท่านั้น ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าเดือนธันวา อากาศหนาวมาก และวันพฤหัส (ก่อนจัดงาน 2 วัน) มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก เรียกได้ว่าระหว่างทางจากโพฮัง (บ้านนีดอยู่โพฮังค่ะ) ขึ้นมาโซลเช้าวันศุกร์นั้น มีแต่หิมะสีขาวตลอดทางที่ขับรถขึ้นมาเลยค่ะ ทำให้ค่อนข้างกังวล เพราะเสื้อผ่าหน้านั้นส่วนมากจะบาง ไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่ อีกทั้งอากาศที่หนาวจัด อาจจะทำให้แขกเหรื่อเปลี่ยนใจไม่มางานได้ค่ะ
แต่พอถึงวันจัดงาน อากาศกลับอุ่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อากาศกลับไปเย็นสบายเหมือนกับฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าโปร่ง แดดสีสวย ทำให้ตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็มั่นใจได้ว่า วันนี้ฤกษ์ดีแน่ๆ ละ ชีวิตครอบครัวอันสดใสรออยู่แน่นอน นีดจึงแบ่งทีมเป็นทีมที่ 1 ไปกับพ่อแม่สามี ไปที่สตูดิโอแต่งหน้าทำผมก่อนเลยค่ะ แล้วส่งคุณสามีไปรับพ่อแม่และครอบครัวนีดที่สนามบิน
นี่คือสภาพ(?)หลังแต่งหน้าเสร็จแล้ว
และนี่คือเมื่อทำผมเสร็จไปครึ่งนึงค่ะ
ร้านแต่งหน้าทำผมรอบนี้เป็นคนละเจ้ากันกับเมื่อตอนถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ ตอนแรกแอบเสียใจเพราะชอบร้านนั้นมาก ถึงจะแต่งหน้าออกมาเทาไปหน่อยก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าร้านที่แต่งวันจริงนี่เป็นมืออาชีพมากค่ะ เค้าจะคอยถามเราว่าเราชอบสไตล์ไหน แบบไหน ประมาณไหน แล้วก็จะทำออกมาให้ถูกใจเรา โดยคอยให้คำแนะนำไปด้วยว่าแบบไหนถึงจะดี
แต่แล้ววันนั้น ก็(เกือบ)จะมีปัญหาจนได้ คือ จนนีดแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว รถที่ส่งไปรับครอบครัวพร้อมกับคุณสามีก็ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ!!! เจ้าบ่าวนีดหายตัวไปพร้อมครอบครัวค่ะ
เนื่องจากวันนั้นคนเดินทางมาเกาหลีเยอะมาก เพราะติดวันหยุดยาว แค่รอคิวเข้า ตม. ก็นานมากแล้ว แต่ยังไม่รวมว่า เมื่อออกมาแล้ว กระเป๋าเดินทางทั้งหมดหายไปค่ะ เลยต้องออกตามหากระเป๋าเดินทางกันอีกราวๆ ชั่วโมงนึง (ตามคำบอกเล่าของครอบครัว) ทุกคนตอนนั้นกระสับกระส่ายกันมาก เพราะกลัวเรื่องไม่ผ่าน ตม. แต่นีดไม่ค่อยห่วง เพราะคุณแม่เป็นข้าราชการ และมากันเป็นครอบครัว อีกทั้งยังมีการ์ดแต่งงานที่นีดพิมพ์แล้วส่งไปให้ทางเมืองไทยอีกด้วย จึงเชื่อว่าคงจะผ่านออกมาได้เรียบร้อยค่ะ
พูดถึงการ์ดแต่งงานก็ขอย้อนไปเล่าหน่อย การสั่งพิมพ์การ์ดแต่งงานที่นี่ ส่วนมากจะสั่งพิมพ์กันในเน็ตค่ะ เพราะมันง่ายและถูกค่ะ!!!
นี่คือการ์ดแต่งงานของนีดที่ออกแบบเอง และลงมือทำเองด้วย แค่สั่งพิมพ์เท่านั้น ทำออกมาเป็นลักษณะของโปสการ์ดค่ะ แผ่นเดียว พิมพ์หน้าหลัง สะดวกทั้งคนรับและคนให้
อันนี้คือด้านหน้าค่ะ
อันนี้คือด้านหลังค่ะ
แล้วในที่สุด 11.00 น. ครอบครัวนีดพร้อมเจ้าบ่าวก็มาถึง เรียกว่าทำเอาสตูดิโอค้อนกันยกใหญ่เลยค่ะ เพราะ 12.00 น. เราจะออกรถ และ 12.30 น. เราจะต้องไปให้ถึงงานแต่งกันแล้ว แต่แม่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวเพิ่งมา เรียกว่าวิ่งกันทั้งร้านเลยค่ะ
เมื่อฉันแต่งงานที่คังนัม
Review ถ่ายภาพ Pre-Wedding ที่เกาหลี http://ppantip.com/topic/32023029
หมั้นแบบไทยๆ ตามใจฉัน http://ppantip.com/topic/32039666
ไปแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็เกือบๆ จะสองปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดงานแต่งที่เกาหลีซะทีค่ะ... เอ้า ฉลองงง
เหตุผลที่ต้องรอนานขนาดนี้คืออะไร?? เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว การแต่งงานของคนเกาหลีนั้น พ่อแม่เจ้าบ่าวจะเป็นคนจัดการเรื่องของการจัดงาน หาบ้าน และอื่นๆ มากมายให้กับลูกชายและว่าที่สะใภ้ค่ะ หลายๆ คนจึงแต่งงานได้เลยแทบจะทันทีที่นึกอยากจะแต่ง แต่สำหรับกรณีของนีดและสามี คือเรามองว่า พ่อแม่เกษียณแล้ว เงินเก็บที่มีอยู่ ควรจะเอาไว้ใช้ในยามชรามากกว่าจะเอามาจัดงานแต่งหรือซื้อบ้านให้ลูกชายคนเล็กที่มีงานทำและมีเงินเดือนดีพอที่จะดูแลตัวเองได้ อีกทั้งนีดเองก็ได้งานทำที่เกาหลีแล้ว สรุปว่าเราสองคนมีเงินเก็บและสามารถที่จะเก็บเงินเพื่อดูแลชีวิตตัวเองได้ เราจึงตกลงกันว่า เราจะเก็บเงินอีกซักปีแล้วกัน แล้วค่อยจัดการเรื่องงานแต่งของตัวเองโดยไม่รบกวนพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว จึงทำให้เรารอกันมาจนถึงวันนี้ค่ะ
ประกอบกับสามีนีดเป็นพนักงานบริษัท Posco ซึ่งมีสวัสดิการในการใช้หอประชุมของบริษัทจัดงานแต่งได้ ซึ่งเป็นโครงการสวัสดิการของพนักงานค่ะ ดังนั้น เราจึงต้องทำการจองคิวการจัดงานล่วงหน้าครึ่งปีเป็นอย่างน้อย จึงมาลงตัวเองที่ปลายปีนี่แหละค่ะ
นีดจัดงานแต่งงานครั้งนี้ที่ตึก Posco Center ที่คังนัม โซล ไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาค่ะ
อย่างที่บอกว่า การจัดงานแต่งงานที่นี่เป็นสวัสดิกาารของพนักงานบริษัท ดังนั้น วันหนึ่งๆ จึงมีการจัดงานไม่ถี่ยิบเหมือนกับการจัดงานที่เวดดิ้งฮอลล์ทั่วๆ ไป ซึ่งนั่นเป็นอีกข้อดีหนึ่งที่ทำให้นีดเลือกจัดงานที่นี่คือ การจัดงานแต่งงานตามเวดดิ้งฮอลล์ทั่วๆ ไปนั้น ส่วนมากจะใช้ห้องเดียวกันจัดงานต่อเนื่องกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ห่างกันงานละประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงค่ะ แต่สำหรับที่นี่แล้ว วันหนึ่ง จะมีการจัดแค่ 3 งานเท่านั้น คือ 11.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. เรียกว่าทำให้สามารถเตรียมการจัดงานได้ดีกว่า และไม่เร่งรีบ ทั้งเรื่องของการถ่ายรูป และการใช้ห้องรอเจ้าสาวค่ะ
สำหรับงานของนีดนั้นจัดในเวลา 14.00 น. ค่ะ นีดจึงได้รับนัดการแต่งหน้าทำผมในเวลา 9.30 น. เพื่อจะได้ออกเดินทางไปยังห้องจัดงานได้ในเวลา 12.00 น.ค่ะ
ก่อนถึงวันงานประมาณอาทิตย์นึง สตูดิโอแต่งหน้าทำผมจะโทรมานัดหมายและย้ำเรื่องของการเตรียมตัวมาในวันงานให้ทราบอีกครั้ง เรียกว่า "แฮปปี้คอล" ค่ะ โดยทางสตูดิโอได้สั่งว่า ให้สระผมแต่ห้ามใส่ครีมนวดหรืออะไรใดๆ อย่างอื่นทั้งสิ้น สำหรับหน้านั้นให้ทาครีมบำรุงได้อย่างเดียวค่ะ และให้สวมเสื้อที่เป็นเสื้อผ่าหน้าเท่านั้น ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าเดือนธันวา อากาศหนาวมาก และวันพฤหัส (ก่อนจัดงาน 2 วัน) มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก เรียกได้ว่าระหว่างทางจากโพฮัง (บ้านนีดอยู่โพฮังค่ะ) ขึ้นมาโซลเช้าวันศุกร์นั้น มีแต่หิมะสีขาวตลอดทางที่ขับรถขึ้นมาเลยค่ะ ทำให้ค่อนข้างกังวล เพราะเสื้อผ่าหน้านั้นส่วนมากจะบาง ไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่ อีกทั้งอากาศที่หนาวจัด อาจจะทำให้แขกเหรื่อเปลี่ยนใจไม่มางานได้ค่ะ
แต่พอถึงวันจัดงาน อากาศกลับอุ่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อากาศกลับไปเย็นสบายเหมือนกับฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าโปร่ง แดดสีสวย ทำให้ตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็มั่นใจได้ว่า วันนี้ฤกษ์ดีแน่ๆ ละ ชีวิตครอบครัวอันสดใสรออยู่แน่นอน นีดจึงแบ่งทีมเป็นทีมที่ 1 ไปกับพ่อแม่สามี ไปที่สตูดิโอแต่งหน้าทำผมก่อนเลยค่ะ แล้วส่งคุณสามีไปรับพ่อแม่และครอบครัวนีดที่สนามบิน
นี่คือสภาพ(?)หลังแต่งหน้าเสร็จแล้ว
และนี่คือเมื่อทำผมเสร็จไปครึ่งนึงค่ะ
ร้านแต่งหน้าทำผมรอบนี้เป็นคนละเจ้ากันกับเมื่อตอนถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ ตอนแรกแอบเสียใจเพราะชอบร้านนั้นมาก ถึงจะแต่งหน้าออกมาเทาไปหน่อยก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าร้านที่แต่งวันจริงนี่เป็นมืออาชีพมากค่ะ เค้าจะคอยถามเราว่าเราชอบสไตล์ไหน แบบไหน ประมาณไหน แล้วก็จะทำออกมาให้ถูกใจเรา โดยคอยให้คำแนะนำไปด้วยว่าแบบไหนถึงจะดี
แต่แล้ววันนั้น ก็(เกือบ)จะมีปัญหาจนได้ คือ จนนีดแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว รถที่ส่งไปรับครอบครัวพร้อมกับคุณสามีก็ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ!!! เจ้าบ่าวนีดหายตัวไปพร้อมครอบครัวค่ะ
เนื่องจากวันนั้นคนเดินทางมาเกาหลีเยอะมาก เพราะติดวันหยุดยาว แค่รอคิวเข้า ตม. ก็นานมากแล้ว แต่ยังไม่รวมว่า เมื่อออกมาแล้ว กระเป๋าเดินทางทั้งหมดหายไปค่ะ เลยต้องออกตามหากระเป๋าเดินทางกันอีกราวๆ ชั่วโมงนึง (ตามคำบอกเล่าของครอบครัว) ทุกคนตอนนั้นกระสับกระส่ายกันมาก เพราะกลัวเรื่องไม่ผ่าน ตม. แต่นีดไม่ค่อยห่วง เพราะคุณแม่เป็นข้าราชการ และมากันเป็นครอบครัว อีกทั้งยังมีการ์ดแต่งงานที่นีดพิมพ์แล้วส่งไปให้ทางเมืองไทยอีกด้วย จึงเชื่อว่าคงจะผ่านออกมาได้เรียบร้อยค่ะ
พูดถึงการ์ดแต่งงานก็ขอย้อนไปเล่าหน่อย การสั่งพิมพ์การ์ดแต่งงานที่นี่ ส่วนมากจะสั่งพิมพ์กันในเน็ตค่ะ เพราะมันง่ายและถูกค่ะ!!!
นี่คือการ์ดแต่งงานของนีดที่ออกแบบเอง และลงมือทำเองด้วย แค่สั่งพิมพ์เท่านั้น ทำออกมาเป็นลักษณะของโปสการ์ดค่ะ แผ่นเดียว พิมพ์หน้าหลัง สะดวกทั้งคนรับและคนให้
อันนี้คือด้านหน้าค่ะ
อันนี้คือด้านหลังค่ะ
แล้วในที่สุด 11.00 น. ครอบครัวนีดพร้อมเจ้าบ่าวก็มาถึง เรียกว่าทำเอาสตูดิโอค้อนกันยกใหญ่เลยค่ะ เพราะ 12.00 น. เราจะออกรถ และ 12.30 น. เราจะต้องไปให้ถึงงานแต่งกันแล้ว แต่แม่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวเพิ่งมา เรียกว่าวิ่งกันทั้งร้านเลยค่ะ