จดหมายเปิดผนึกถึง ธ.กสิกรไทย
เนื่องด้วยดิฉันเป็นลูกค้าWISDOMของกสิกรไทย มีบัญชีอยู่สามเล่ม มีเครื่องรูดบัตรสองเครื่อง และมีกองทุนอยู่นิดหน่อย ดิฉันเปิดธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ(คลินิก) และเพิ่งขยายสาขามาที่จังหวัดทางภาคอิสาน จึงจะซื้อคอนโดไว้เป็นที่พักเวลาเดินทางมาเพราะต้องจ่ายค่าโรงแรมแพงกว่าค่าผ่อนคอนโด ซึ่งได้วางเงินจองไปในวันที่ 7 ธันวาคม 58 โดยมีเงื่อนไขต้องโอนภายในวันที่ 25 ธ.ค.58 เพราะเป็นโปรโมชั่นของทางแสนสิริที่จะลดค่าห้องจาก 2.2 ล้าน เหลือ1.89 ล้าน และแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า55,000 บาท ถ้าไม่โอนภายในวันนั้นจะไม่ได้ส่วนลดดังกล่าว
ซึ่งดิฉันได้เตรียมเอกสารการกู้ให้เบื้องต้นเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาจดทะเบียนบริษัท รายได้ย้อนหลัง 6 เดือน ของทั้งกสิกรและไทยพานิชย์ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ เพื่อยื่นกู้กับทั้งธนาคารไทยพานิชย์และกสิกรไทยพร้อมกัน ในวันที่8 ธ.ค.58 โดยได้เขียนใบสมัครประสงค์จะกู้ไว้เรียบร้อยและได้โทรติดต่อ ทั้งผจก.SCB และ ผจก.KBANK ที่ร่วมโปรโมชั่นกับโครงการ the base height อุดรธานีให้มารับเอกสารที่เซลทั้งสองbank แต่ผจก.ของทางKBANK นั้นได้แจ้งว่าเป็นส่วนกลางของสินเชื่อกสิกร ชื่อคุณก.เป็นคนรับเรื่องแจ้งว่าดำเนินการทันแน่นอนเพราะมีราคาประเมินห้องไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ประเมินรายได้ผู้กู้และยื่นกู้อย่างเดียว รวมทั้งของSCB ก็แจ้งว่าทันเช่นกันเพราะร่วมโครงการด้วยกันอยู่แล้ว
ในวันที่ 9 SCB ได้มาถ่ายรูปคลินิกสาขาหนองคาย ขอรูปสาขาแรกที่กทม. และได้เอกสารเพิ่มเติมที่ขาดทั้งหมดโดยส่งไปทางอีเมลล์ให้ทาง SCB และ KBANK เพราะเข้าใจว่าต้องใช้ทุกธนาคารเหมือนกัน
วันที่ 16 ธ.ค. SCB แจ้งว่าอนุมัติแล้วให้วงเงินกู้ 101% คือ 1.95 ล้าน เผื่อตกแต่ง โดยให้เรทดอกเบี้ยพิเศษ ( จขกท.เดินบัญชีกับSCB แค่เดือนละหกหลักเท่านั้น)
เห็นว่าKBANK หายไปจึงโทรตามกับทางคุณก. ได้รับคำตอบว่า สาขาโพธิ์ชัยที่อุดร ได้ดึงเรื่องไปทำแล้ว และลงcode ไปแล้วจึงไม่สามารถทำเรื่องกู้ให้เราได้ และต้องขอโทษทางเราด้วยที่ดูแลต่อไม่ได้ทั้งที่ได้รับปากไปแล้ว เราก็แจ้งว่าไม่เป็นไรเพราะคิดว่าทางอุดรคงไม่น่าช้า
จนกระทั่งดิฉันไปไปถามคุณบ.พนักงานKBANK ที่ได้เอาเอกสารไปเบื้องต้นว่าเรื่องไปถึงไหน คุณบ.แจ้งว่าขาดเอกสารเพิ่ม ดิฉันบอกว่าได้ให้ไปหมดแล้วก็ยังบอกว่าไม่ได้ จึงได้ให้เลขาส่งไปให้อีกครั้งในวันที่ 11 ธ.ค. 58 ยังไม่ได้อีกจึงส่งซ้ำอีกวันที่ 16 ธ.ค.58 โดยทั้งหมดดิฉันต้องเป็นคนตามเรื่องเอง คุณบ.ไม่ได้มีความสนใจที่จะดำเนินเรื่องให้ใดๆ และติดต่อยากมาก
วันที่ 17 ธ.ค.58 ตามเรื่องอีกครั้งไปทางเซลเพราะติดต่อกสิกรไม่ได้ ได้รับข้อความตอบกลับมาที่เซลดังนี้
เช้าวันที่ 18 ธ.ค. 58 เซลได้ถามคุณบ.กลับไปอีกว่าเรื่องไปถึงไหน ในไลน์กลุ่มของเซลแสนสิริทั้งขอนแก่นและอุดร ประมาณ 10 คน และในไลน์กลุ่มนั้น มีคุณบ.และผจก.KBANK สาขาโพธิ์ชัย อยู่ด้วย มีข้อความดังรูปแนบ
ดิฉันตัวชาเมื่อได้เห็นข้อความ และแน่ใจว่าไม่ได้มีปัญหาทางเครดิตขนาดนั้น เพราะเดินบัญชีกับทางกสิกรต่อเดือน 7 หลัก รวมย้อนหลังหกเดือน ประมาณ 8 หลัก เพิ่งซื้อประกันกับทางKBANK ไปเมื่อเดือน9 เบี้ยประกัน 2 แสนกว่าบาท เพิ่งซื้อประกันสุขภาพกับ KBANK ให้พนักงานไปอีก 7 หมื่นบาทเมื่อต้นเดือนธันวา 58 และกำลังจะซื้อประกันเพิ่มเบี้ย 2 แสนบาทกับKBANKให้สามี นัดเซ็นเอกสารวันที่ 18 ช่วงเย็นแล้วเจอเรื่องนี้จึงชะลอไปก่อน ดิฉันจึงได้บินขึ้น กทม.เพื่อไปตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองที่ NBCสาขาอโศก และพบว่าเครดิตไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งSCB ก็อนุมัติสินเชื่อให้เกินวงเงินด้วยซ้ำ และยังแจ้งอีกว่ารายจ่ายประจำเรามีแค่ 130,000 ยังไงก็ไม่มีปัญหากับการกู้ซื้อคอนโด ราคาเพียง 1.89 ล้าน
รายละเอียดดังรูปที่ทางคุณบ.พิมพ์ไปในไลน์กลุ่มเซลของแสนสิรินั้น ดิฉันคิดว่า มันเป็นการเปิดเผยข้อมูลทางเครดิต แก่บุคคลที่3 และยังมีการให้รายละเอียดถึงขนาดว่าส่งไปแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ของภาค ทั้งที่ตอนเซ็นต์อนุญาตให้เปิดเผยเครดิตได้นั้น ดิฉันได้อนุญาตให้ทาง KBANK เท่านั้นที่ทราบ และถ้าไม่ผ่านขนาดนั้น ทำไมจึงไม่โทรแจ้งดิฉันโดยตรง เพื่อขอเอกสารเพิ่ม หรือหาหลักทรัพย์อื่นมาค้ำ หาคนกู้ร่วม หรือใดๆก็ได้ เพราะคุณอยากได้ลูกค้าถึงขนาดไปดึงเรื่องของดิฉันมาจากส่วนกลางสินเชื่อ KBANKของคุณก.มาลงcodeของสาขาคุณแล้วทิ้งขว้างลูกค้า
และที่สำคัญข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการหมิ่นประมาทนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จต่อกลุ่มบุคคลทางโซเชียล ดิฉันจึงได้ปรึกษาทนายว่าควรทำอย่างไร ทนายแนะนำว่าเบื้องต้นความผิดดังกล่าวเป็นไปตามที่ดิฉันพิมพ์ไปข้างต้นแล้ว แนะนำให้ประนีประนอมก่อน โดยการที่ทนายได้โทรคุยกับคุณน. ผจก.อุดรสาขาโพธิ์ชัย ทนายได้แจ้งกับทางคุณน.ว่า คุณบ.ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ไหน ก็ให้ไปลงขอโทษและแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องให้ทางดิฉันไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงในที่นั้นด้วย ซึ่งหมายถึงลงขอโทษและชี้แจงในไลน์กลุ่มเซลแสนสิริ และขอให้ทำหนังสือขอโทษ เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ และขอคุยกับผจก.เขตที่ดูแลสาขานี้ เพราะหลังจากเกิดเรื่อง คุณบ.ได้มีการอ้างถึงด้วยว่าคุณพ. ผจก.เขตได้เซ็นต์แล้วและส่งเรื่องไปภาคแล้วไม่อนุมัติ โดยมีหลักฐานที่ call center wisdom เพราะขณะที่คุณบ.โทรมานั้น จขกท.ได้คุยกะทางwisdom อยู่ จึงได้ประชุมสายให้ทาง wisdom ฟังเลยโดยที่คุณบ.ไม่ทราบเพราะ จขกท.อยากให้มีการบันทึกเสียงคำกล่าวอ้างของทางคุณบ.เป็นหลักฐานและต้องการพยานด้วย หลังจากนั้น ตอนประมาณสองทุ่ม คุณพ.ได้โทรมา จขกท.เลยถามไปว่าขั้นตอนการส่งเขตอนุมัติต้องมีใครเซ็นต์บ้าง คุณพ.แจ้งว่า เบื้องต้น ผจก.สาขาต้องเซ็นต์แล้วจึงส่งเรื่องให้ ผจก.เขต แล้วจึงจะไป ผจก.ภาค สรุปเรื่องราวได้ว่า ผจก.สาขาและเขตไม่ได้เซ็นต์แล้วคุณบ.เอาข้อมูลมาจากไหนเป็นตุเป็นตะ
ดิฉันเพิ่งมาเปิดคลินิกสาขาใหม่ในเมืองเล็กๆ ชื่อเสียงทางธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ และข้อมูลทางการเงินก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน ดิฉันเลือกไว้ใจในการดำเนินธุรกรรมทางการเงินกับทางกสิกรเพราะความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งที่ดิฉันพบมา มันขัดแย้งกับสโลแกน" ฝากให้เราช่วยดูแล"
คุณพ.ได้นัดประนีประนอมและขอโทษ ในวันที่ 21 ธ.ค.58 โดยก่อนหน้านี้ทางโทรศัพท์ ทางคุณพ.ได้ยื่นข้อเสนอว่าจะให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเป็นการขอโทษ และดำเนินเรื่องกู้ด้วยตัวเองให้ทันโอนในวันที่ 25 ธ.ค. 58 แน่นอน และยินดีที่จะดำเนินการลงโทษด้วยการย้ายคุณบ.ไปสาขาอื่น แต่ดิฉันคิดว่าไม่เพียงพอ เพราะจนถึงวันที่ 21 ตั้งแต่เกิดเรื่องเป็นเวลาสี่วัน ดิฉันยังไม่ได้รับจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการ และไม่ได้รับการขอโทษและชี้แจงตามสมควรในไลน์กลุ่ม(ดังรูปแนบ)
แม้กระทั่งวันนี้ที่พิมพ์ข้อความนี้(24ธ.ค.58) ก็ยังคงไม่ได้รับการดำเนินการใดๆตามข้อเสนอที่คุณพ.ได้ไกล่เกลี่ยไปว่า
1.ดิฉันขอเรียกร้องให้ขอโทษพร้อมชี้แจงรายละเอียดที่ถูกต้องใหม่ในไลน์กลุ่ม เพราะที่คุณบ.ได้ชี้แจงมานั้น ไม่ได้แสดงถึงความคิดว่าตนเองทำงานบกพร่องและปั้นข้อมูล เรื่องยื่นเรื่องให้ภาคแล้วภาคไม่อนุมัติ ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงดิฉันดีขึ้นเลยเพราะคนผิดไม่ยอมรับ
2.หนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะจากการที่ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงการเผยแพร่เครดิตบูโรและสถานะการเงินอันเป็นเท็จให้แก่บุคคลที่สามทราบ
3.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างจริงจังและแจ้งผลให้ทราบด้วยถึงบทลงโทษ
22 ธ.ค.58 เวลา 18.00 ผจก.อุดรได้ไลน์มาแจ้งว่าอนุมัติสินเชื่อให้ ในวงเงินกู้บ้าน 90% ที่เหลือให้เป็นกู้อเนกประสงค์ดอกเบี้ย MRR -1% ระยะเวลา 15 ปี โดยลดดอกเบี้ยในปีแรกให้เพียง 0.25% เท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับทาง SCB เป็นอย่างมากทั้งๆที่เราเดินบัญชีกับทาง KBANK เยอะกว่า SCB หลายเท่าตัว เพราะ SCB ปล่อยสินเชื่อ 101% โดยเป็นดอกเบี้ยบ้านปรกติ 29 ปี แถมดอกเบี้ยที่ให้ ถูกว่าดอกเบี้ยคำขอโทษสำหรับลูกค้าแบบเราอีก
ทั้ง ผจก.สาขา และผจก.เขตมาขอโทษดีมาก และถามเราว่าขอให้สงสารคุณบ.
อย่าเอาโทษเลยเพราะเค้าต้องเลี้ยงแม่เป็นหัวแรงในครอบครัวคนเดียว กลับกันถ้าเราลงทุนธุรกิจไปหลายล้าน แล้วเราดูแลแม่คนเดียวเหมือนกัน ธุรกิจเราเสียหายและเจ๊ง ใครจะมาช่วยเหลือ กสิกรจะมาช่วยเรากู้ธุรกิจตรงนี้ไหม ในสิ่งที่เราเรียกร้อง คิดว่าไม่มากเกินไป เพราะถ้าจะเอาเรื่องจริงๆเราคงให้ทนายไปแจ้งความตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้วเพราะความผิดเกิดขึ้นชัดเจน มีพยานรู้เห็นมาก
วันที่ไกล่เกลี่ย ดิฉันได้ถามคุณบ.กลับไปว่า กล้าทำไปได้ยังไง ความลับลูกค้าธนาคารถือว่าสำคัญที่สุด และกล้าทำแล้วยังไม่กล้ารับด้วยว่าพูดไม่จริง กลับกันถ้าคุณบ.มาตรวจHIV ในคลินิกเรา แล้วเราไปแจ้งผลตรวจในไลน์กลุ่มคุณบ.รู้สึกยังไง เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่เป็นเอดส์ แต่ชื่อคุณเสียไปแล้ว ใจเขาใจเรานะตอนนี้เรารู้สึกแบบนั้น แล้วยิ่งถ้าเป็นคนอื่นที่เค้าเก็บเงินมาทั้งชีวิต เดินบัญชีกับKBANK ที่เดียว แล้วเจอคนทำงานแบบคุณ เค้าจะทำยังไง
อยากฝากถึงผู้บริหาร KBANK ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข การดำเนินการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม และขอให้เรื่องนี้ได้ทราบถึงสำนักงานใหญ่ เพื่อพิจารณาเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยค่ะ
จดหมายเปิดผนึกถึง ธ.กสิกรไทย พนง.kbankนำข้อมูลเครดิตไปเผยแพร่แก่บุคคลอื่น
เนื่องด้วยดิฉันเป็นลูกค้าWISDOMของกสิกรไทย มีบัญชีอยู่สามเล่ม มีเครื่องรูดบัตรสองเครื่อง และมีกองทุนอยู่นิดหน่อย ดิฉันเปิดธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ(คลินิก) และเพิ่งขยายสาขามาที่จังหวัดทางภาคอิสาน จึงจะซื้อคอนโดไว้เป็นที่พักเวลาเดินทางมาเพราะต้องจ่ายค่าโรงแรมแพงกว่าค่าผ่อนคอนโด ซึ่งได้วางเงินจองไปในวันที่ 7 ธันวาคม 58 โดยมีเงื่อนไขต้องโอนภายในวันที่ 25 ธ.ค.58 เพราะเป็นโปรโมชั่นของทางแสนสิริที่จะลดค่าห้องจาก 2.2 ล้าน เหลือ1.89 ล้าน และแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า55,000 บาท ถ้าไม่โอนภายในวันนั้นจะไม่ได้ส่วนลดดังกล่าว
ซึ่งดิฉันได้เตรียมเอกสารการกู้ให้เบื้องต้นเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาจดทะเบียนบริษัท รายได้ย้อนหลัง 6 เดือน ของทั้งกสิกรและไทยพานิชย์ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ เพื่อยื่นกู้กับทั้งธนาคารไทยพานิชย์และกสิกรไทยพร้อมกัน ในวันที่8 ธ.ค.58 โดยได้เขียนใบสมัครประสงค์จะกู้ไว้เรียบร้อยและได้โทรติดต่อ ทั้งผจก.SCB และ ผจก.KBANK ที่ร่วมโปรโมชั่นกับโครงการ the base height อุดรธานีให้มารับเอกสารที่เซลทั้งสองbank แต่ผจก.ของทางKBANK นั้นได้แจ้งว่าเป็นส่วนกลางของสินเชื่อกสิกร ชื่อคุณก.เป็นคนรับเรื่องแจ้งว่าดำเนินการทันแน่นอนเพราะมีราคาประเมินห้องไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ประเมินรายได้ผู้กู้และยื่นกู้อย่างเดียว รวมทั้งของSCB ก็แจ้งว่าทันเช่นกันเพราะร่วมโครงการด้วยกันอยู่แล้ว
ในวันที่ 9 SCB ได้มาถ่ายรูปคลินิกสาขาหนองคาย ขอรูปสาขาแรกที่กทม. และได้เอกสารเพิ่มเติมที่ขาดทั้งหมดโดยส่งไปทางอีเมลล์ให้ทาง SCB และ KBANK เพราะเข้าใจว่าต้องใช้ทุกธนาคารเหมือนกัน
วันที่ 16 ธ.ค. SCB แจ้งว่าอนุมัติแล้วให้วงเงินกู้ 101% คือ 1.95 ล้าน เผื่อตกแต่ง โดยให้เรทดอกเบี้ยพิเศษ ( จขกท.เดินบัญชีกับSCB แค่เดือนละหกหลักเท่านั้น)
เห็นว่าKBANK หายไปจึงโทรตามกับทางคุณก. ได้รับคำตอบว่า สาขาโพธิ์ชัยที่อุดร ได้ดึงเรื่องไปทำแล้ว และลงcode ไปแล้วจึงไม่สามารถทำเรื่องกู้ให้เราได้ และต้องขอโทษทางเราด้วยที่ดูแลต่อไม่ได้ทั้งที่ได้รับปากไปแล้ว เราก็แจ้งว่าไม่เป็นไรเพราะคิดว่าทางอุดรคงไม่น่าช้า
จนกระทั่งดิฉันไปไปถามคุณบ.พนักงานKBANK ที่ได้เอาเอกสารไปเบื้องต้นว่าเรื่องไปถึงไหน คุณบ.แจ้งว่าขาดเอกสารเพิ่ม ดิฉันบอกว่าได้ให้ไปหมดแล้วก็ยังบอกว่าไม่ได้ จึงได้ให้เลขาส่งไปให้อีกครั้งในวันที่ 11 ธ.ค. 58 ยังไม่ได้อีกจึงส่งซ้ำอีกวันที่ 16 ธ.ค.58 โดยทั้งหมดดิฉันต้องเป็นคนตามเรื่องเอง คุณบ.ไม่ได้มีความสนใจที่จะดำเนินเรื่องให้ใดๆ และติดต่อยากมาก
วันที่ 17 ธ.ค.58 ตามเรื่องอีกครั้งไปทางเซลเพราะติดต่อกสิกรไม่ได้ ได้รับข้อความตอบกลับมาที่เซลดังนี้
เช้าวันที่ 18 ธ.ค. 58 เซลได้ถามคุณบ.กลับไปอีกว่าเรื่องไปถึงไหน ในไลน์กลุ่มของเซลแสนสิริทั้งขอนแก่นและอุดร ประมาณ 10 คน และในไลน์กลุ่มนั้น มีคุณบ.และผจก.KBANK สาขาโพธิ์ชัย อยู่ด้วย มีข้อความดังรูปแนบ
ดิฉันตัวชาเมื่อได้เห็นข้อความ และแน่ใจว่าไม่ได้มีปัญหาทางเครดิตขนาดนั้น เพราะเดินบัญชีกับทางกสิกรต่อเดือน 7 หลัก รวมย้อนหลังหกเดือน ประมาณ 8 หลัก เพิ่งซื้อประกันกับทางKBANK ไปเมื่อเดือน9 เบี้ยประกัน 2 แสนกว่าบาท เพิ่งซื้อประกันสุขภาพกับ KBANK ให้พนักงานไปอีก 7 หมื่นบาทเมื่อต้นเดือนธันวา 58 และกำลังจะซื้อประกันเพิ่มเบี้ย 2 แสนบาทกับKBANKให้สามี นัดเซ็นเอกสารวันที่ 18 ช่วงเย็นแล้วเจอเรื่องนี้จึงชะลอไปก่อน ดิฉันจึงได้บินขึ้น กทม.เพื่อไปตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองที่ NBCสาขาอโศก และพบว่าเครดิตไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งSCB ก็อนุมัติสินเชื่อให้เกินวงเงินด้วยซ้ำ และยังแจ้งอีกว่ารายจ่ายประจำเรามีแค่ 130,000 ยังไงก็ไม่มีปัญหากับการกู้ซื้อคอนโด ราคาเพียง 1.89 ล้าน
รายละเอียดดังรูปที่ทางคุณบ.พิมพ์ไปในไลน์กลุ่มเซลของแสนสิรินั้น ดิฉันคิดว่า มันเป็นการเปิดเผยข้อมูลทางเครดิต แก่บุคคลที่3 และยังมีการให้รายละเอียดถึงขนาดว่าส่งไปแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ของภาค ทั้งที่ตอนเซ็นต์อนุญาตให้เปิดเผยเครดิตได้นั้น ดิฉันได้อนุญาตให้ทาง KBANK เท่านั้นที่ทราบ และถ้าไม่ผ่านขนาดนั้น ทำไมจึงไม่โทรแจ้งดิฉันโดยตรง เพื่อขอเอกสารเพิ่ม หรือหาหลักทรัพย์อื่นมาค้ำ หาคนกู้ร่วม หรือใดๆก็ได้ เพราะคุณอยากได้ลูกค้าถึงขนาดไปดึงเรื่องของดิฉันมาจากส่วนกลางสินเชื่อ KBANKของคุณก.มาลงcodeของสาขาคุณแล้วทิ้งขว้างลูกค้า
และที่สำคัญข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการหมิ่นประมาทนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จต่อกลุ่มบุคคลทางโซเชียล ดิฉันจึงได้ปรึกษาทนายว่าควรทำอย่างไร ทนายแนะนำว่าเบื้องต้นความผิดดังกล่าวเป็นไปตามที่ดิฉันพิมพ์ไปข้างต้นแล้ว แนะนำให้ประนีประนอมก่อน โดยการที่ทนายได้โทรคุยกับคุณน. ผจก.อุดรสาขาโพธิ์ชัย ทนายได้แจ้งกับทางคุณน.ว่า คุณบ.ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ไหน ก็ให้ไปลงขอโทษและแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องให้ทางดิฉันไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงในที่นั้นด้วย ซึ่งหมายถึงลงขอโทษและชี้แจงในไลน์กลุ่มเซลแสนสิริ และขอให้ทำหนังสือขอโทษ เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ และขอคุยกับผจก.เขตที่ดูแลสาขานี้ เพราะหลังจากเกิดเรื่อง คุณบ.ได้มีการอ้างถึงด้วยว่าคุณพ. ผจก.เขตได้เซ็นต์แล้วและส่งเรื่องไปภาคแล้วไม่อนุมัติ โดยมีหลักฐานที่ call center wisdom เพราะขณะที่คุณบ.โทรมานั้น จขกท.ได้คุยกะทางwisdom อยู่ จึงได้ประชุมสายให้ทาง wisdom ฟังเลยโดยที่คุณบ.ไม่ทราบเพราะ จขกท.อยากให้มีการบันทึกเสียงคำกล่าวอ้างของทางคุณบ.เป็นหลักฐานและต้องการพยานด้วย หลังจากนั้น ตอนประมาณสองทุ่ม คุณพ.ได้โทรมา จขกท.เลยถามไปว่าขั้นตอนการส่งเขตอนุมัติต้องมีใครเซ็นต์บ้าง คุณพ.แจ้งว่า เบื้องต้น ผจก.สาขาต้องเซ็นต์แล้วจึงส่งเรื่องให้ ผจก.เขต แล้วจึงจะไป ผจก.ภาค สรุปเรื่องราวได้ว่า ผจก.สาขาและเขตไม่ได้เซ็นต์แล้วคุณบ.เอาข้อมูลมาจากไหนเป็นตุเป็นตะ
ดิฉันเพิ่งมาเปิดคลินิกสาขาใหม่ในเมืองเล็กๆ ชื่อเสียงทางธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ และข้อมูลทางการเงินก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน ดิฉันเลือกไว้ใจในการดำเนินธุรกรรมทางการเงินกับทางกสิกรเพราะความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งที่ดิฉันพบมา มันขัดแย้งกับสโลแกน" ฝากให้เราช่วยดูแล"
คุณพ.ได้นัดประนีประนอมและขอโทษ ในวันที่ 21 ธ.ค.58 โดยก่อนหน้านี้ทางโทรศัพท์ ทางคุณพ.ได้ยื่นข้อเสนอว่าจะให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเป็นการขอโทษ และดำเนินเรื่องกู้ด้วยตัวเองให้ทันโอนในวันที่ 25 ธ.ค. 58 แน่นอน และยินดีที่จะดำเนินการลงโทษด้วยการย้ายคุณบ.ไปสาขาอื่น แต่ดิฉันคิดว่าไม่เพียงพอ เพราะจนถึงวันที่ 21 ตั้งแต่เกิดเรื่องเป็นเวลาสี่วัน ดิฉันยังไม่ได้รับจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการ และไม่ได้รับการขอโทษและชี้แจงตามสมควรในไลน์กลุ่ม(ดังรูปแนบ)
แม้กระทั่งวันนี้ที่พิมพ์ข้อความนี้(24ธ.ค.58) ก็ยังคงไม่ได้รับการดำเนินการใดๆตามข้อเสนอที่คุณพ.ได้ไกล่เกลี่ยไปว่า
1.ดิฉันขอเรียกร้องให้ขอโทษพร้อมชี้แจงรายละเอียดที่ถูกต้องใหม่ในไลน์กลุ่ม เพราะที่คุณบ.ได้ชี้แจงมานั้น ไม่ได้แสดงถึงความคิดว่าตนเองทำงานบกพร่องและปั้นข้อมูล เรื่องยื่นเรื่องให้ภาคแล้วภาคไม่อนุมัติ ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงดิฉันดีขึ้นเลยเพราะคนผิดไม่ยอมรับ
2.หนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะจากการที่ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงการเผยแพร่เครดิตบูโรและสถานะการเงินอันเป็นเท็จให้แก่บุคคลที่สามทราบ
3.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างจริงจังและแจ้งผลให้ทราบด้วยถึงบทลงโทษ
22 ธ.ค.58 เวลา 18.00 ผจก.อุดรได้ไลน์มาแจ้งว่าอนุมัติสินเชื่อให้ ในวงเงินกู้บ้าน 90% ที่เหลือให้เป็นกู้อเนกประสงค์ดอกเบี้ย MRR -1% ระยะเวลา 15 ปี โดยลดดอกเบี้ยในปีแรกให้เพียง 0.25% เท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับทาง SCB เป็นอย่างมากทั้งๆที่เราเดินบัญชีกับทาง KBANK เยอะกว่า SCB หลายเท่าตัว เพราะ SCB ปล่อยสินเชื่อ 101% โดยเป็นดอกเบี้ยบ้านปรกติ 29 ปี แถมดอกเบี้ยที่ให้ ถูกว่าดอกเบี้ยคำขอโทษสำหรับลูกค้าแบบเราอีก
ทั้ง ผจก.สาขา และผจก.เขตมาขอโทษดีมาก และถามเราว่าขอให้สงสารคุณบ.
อย่าเอาโทษเลยเพราะเค้าต้องเลี้ยงแม่เป็นหัวแรงในครอบครัวคนเดียว กลับกันถ้าเราลงทุนธุรกิจไปหลายล้าน แล้วเราดูแลแม่คนเดียวเหมือนกัน ธุรกิจเราเสียหายและเจ๊ง ใครจะมาช่วยเหลือ กสิกรจะมาช่วยเรากู้ธุรกิจตรงนี้ไหม ในสิ่งที่เราเรียกร้อง คิดว่าไม่มากเกินไป เพราะถ้าจะเอาเรื่องจริงๆเราคงให้ทนายไปแจ้งความตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้วเพราะความผิดเกิดขึ้นชัดเจน มีพยานรู้เห็นมาก
วันที่ไกล่เกลี่ย ดิฉันได้ถามคุณบ.กลับไปว่า กล้าทำไปได้ยังไง ความลับลูกค้าธนาคารถือว่าสำคัญที่สุด และกล้าทำแล้วยังไม่กล้ารับด้วยว่าพูดไม่จริง กลับกันถ้าคุณบ.มาตรวจHIV ในคลินิกเรา แล้วเราไปแจ้งผลตรวจในไลน์กลุ่มคุณบ.รู้สึกยังไง เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่เป็นเอดส์ แต่ชื่อคุณเสียไปแล้ว ใจเขาใจเรานะตอนนี้เรารู้สึกแบบนั้น แล้วยิ่งถ้าเป็นคนอื่นที่เค้าเก็บเงินมาทั้งชีวิต เดินบัญชีกับKBANK ที่เดียว แล้วเจอคนทำงานแบบคุณ เค้าจะทำยังไง
อยากฝากถึงผู้บริหาร KBANK ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข การดำเนินการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม และขอให้เรื่องนี้ได้ทราบถึงสำนักงานใหญ่ เพื่อพิจารณาเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยค่ะ