นั่งรถไฟจากฮานอยไปปักกิ่ง และแวะเที่ยวปักกิ่ง สัมผัสสิ่งมหัศจรรย์

กระทู้สนทนา

PART 2

บทที่2

Hanoi-Beijing

ตอนเช้าตรู่วันนั้น ดิฉันและทาคูยะ ถูกปลุกให้ตื่น ด้วยพนักงานรถไฟ เราถึงสถานีชายแดน Dong Dang เราต้องลงจากรถ เพราะรถไฟต้องเปลี่ยนล้อ เนื่องจากขนาดของรางรถไฟประเทศจีนไม่เท่าประเทศอื่น ฉันและทาคูยะรึบโกยกระเป๋าแบกใส่ หลังและพาจักรยานคันเขื่องของทาคูยะ ลงไปอย่างทุกลักทุเล ขี้หูขี้ตา เปรอะเต็มหน้าไปหมด อีพนักงานก็รถไฟ ก็ Hurry Hurry อยู่นั่น นี่วิ่งจนขี้จะเล็ดแล้ว

--ขี้แตกครั้งแรกนอกประเทศ--

     แล้วขี้ก็เล็ดจริงๆ คือดิฉันจะมี reflex ตอนเช้าแรงมาก ถ้าได้นอนแล้ว ตื่นมาทุกครั้งจะมาทันที ดิฉัน รีบวิ่งไม่คิดชีวิตเลยค่ะ ฝากกระเป๋าทาคูยะไว้ ไม่แคร์กระเป๋าเงิน ของมีค่า อะไรเลย ไว้ใจทาคูยะเพราะนอนด้วยกันแล้วเมื่อคืน นาทีนั้น ห้องน้ำสำคัญที่สุด วิ่งเข้าสถานีไม่แคร์ว่า ใครจะตรวจอะไร เค้าคงงงว่าอีนี่วิ่งนำเพื่อน ทะลุทุกประตู
กว่าจะเห็นห้องน้ำ กว่าจะเปิดประตู ต้องผงะกับส้วมหลุมเมืองจีน นาทีที่ผงะนั้นเอง ข้าศึกก็ฝ่าปราการได้
ใช่ดิฉันต้องเสียกางเกงในไปหนึ่งตัว เป็นประสบการณ์ขี้แตกครั้งแรกในต่างประเทศ

ด้านหน้าสถานี  Dong Dang


จักรยานของทาคูยะ


ภาพส้วมที่สถานีรถไฟ DongDang เป็นส้วมซึม ที่มีเซ็นเซอร์อินฟาเรด เวลาคนลุกน้ำจะไหลออกมา เหมือนที่สนามบินสิงคโปร์


พอเปลี่ยนรางเสร็จ เราก็ขึ้นรถไฟคันเดิม พอถึงสถานี หนานหนิง ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของจีน เราก็ต้องเปลี่ยนขบวนรถไปนั่งรถไฟจีน ครานี้ ดิฉันต้องพรากจากทาคูยะหนุ่มขาล่ำ ไปห้องใหม่ เพราะทาคูยะลงสถานีกุ้ยหลิน ดิฉันต้องไปนอนกับ ผู้ชายคนใหม่ เค้าเป็นพิธีกรชื่อดังของรายการท่องเที่ยวออสเตรเรียค่ะ ว้าวได้นอนร่วมกับเซเลป


ภาพการเปลี่ยนขบวนไปรถไฟจีน เดินไกลทีเดียว


ห้องนอนใหม่ บนรถไฟจีนค่ะ เบาะนุ่มกว่า แต่ห้องอับกว่า แถมมีกลิ่นด้วย


สภาพภายในขบวนรถ นี่ดิฉันเดินไปสำรวจชั้นสามมา คนจีนแน่นทีเดียว



นี่ค่ะดิฉันนอนกับ  Mr Scotte Mcgreger เซเลปท่องเที่ยวชื่อดัง นางมีรายการที่ออสเตรเลียด้วยนะ จะเปิ๊ดสะก๊าดไปถ้า จะบอกนางว่า ต้องการพิธีกรประจำรายการไหม เผื่อจะเบิกทางไปสู่วงการบันเทิงออสเตรเลีย เลยรอให้นางเห็นความงามของเราเองแล้วเอ่ยปากชวน แต่ตลอดทริป เค้าไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย




วิวแรกของประเทศจีนค่ะ  งานหมอกยังมาเต็ม ฮิปเตอร์คงชอบ


เราซื้อข้าวกล่องกินค่ะ ราคารู้สึกจะ 6หยวน นี่แหละ อาหารรสชาติจีนมาก เราที่คุ้นเคยกับอาหารรสจัด เจอนี่เข้าไปจืดสะบัดเลยค่ะ แต่ถ้าหิวมันก็จะอร่อยอยู่แหละ แต่กล่องโฟมนี่ ยวบยาบมาก คุณภาพต่ำกว่าโฟมบ้านเรา ดูอันตราย ดูเป็นมะเร็ง ดิฉันแอบกลัว


รถไฟมันวิ่งเร็วมากค่ะ ต้องตั้งสติดีๆเวลาถ่ายรูป พอจะกด เสาไฟ หรือต้นไม้ จะมาตลอด และแล้วก็ถึงกุ้ยหลิน จะเห็นภูเขาสวยๆมากมายไกลๆ มันสวยมากจริงๆ แต่ขอโทษทุกคนที่ถ่ายได้แค่นี้


เราต้องส่งทาคูยะลงที่สถานีกุ้ยหลิน เพื่อให้เขาไปทำตามความฝันในการปั่นจักรยานไปทั่วประเทศจีน บะบาย ทาคูยะ ช่วงเวลาที่อยู่กับนาย มันจะเรียกว่าเป็นความรัก ได้หรือเปล่า


    ลงภาพวิวให้ดูเรื่อยๆ  แต่ส่วนมากเป็นงานหมอก และความอึมครึม ไม่สวยเลย การได้ดูประเทศจีนข้างรถไฟไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้าน ผู้คน และหลายสิ่งๆ วันทั้งวันนอกจากจะคุยเรื่องรายการทีวีของคุณสกอตต์แล้ว การนั่งมองประเทศจีนผ่านหน้าต่างไปเรื่อยๆมันก็ดีเหมือนกัน มันสนุกตรงที่ได้คิดว่า ชาวบ้านแถวนี้เค้าทำอะไรกัน เค้าตื่นกี่โมง เค้ามีความหวังความฝันอะไร เค้ามีความทุกข์กับเรื่องอะไร เค้าเคยไปประเทสไทยบ้างไหม คิดไปเรื่อยๆค่ะ นี่แหละสเน่ห์ของการนั่งรถไฟเที่ยว
เช้าวันใหม่บนรถไฟจีน วันนี้เราจะถึงปักกิ่งซักบ่ายสองค่ะ อากาศหนาวมาก ข้างนอกนั่น น่าจะ 7-8  องศาได้ แต่อยู่บนรถไฟมีฮีตเตอร์ พลังงานถ่านหิน จะพ่นเขม่าดำเล็กๆ มองไม่เห็นออกมา แต่พ้นรัศมีฮีตเตอร์ไปนี่ คือความหนาวล้วนๆเลยค่ะ





เราจะได้ตั๋วคูปองอาหารวันละสองใบ เอาไปแลกอาหารได้ที่ตู้รถเสบียง


บรรยากาศรถเสบียงค่ะ


อาหารที่ได้ฟรีจะประมาณนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่อิ่มค่ะ ต้องซื้ออาหารกล่องโฟมเสี่ยงมะเร็งและไม่อร่อยกินเพิ่ม


   แล้วพอบ่ายสองก็ถึงปักกิ่ง เราลงที่สถานี  WEST ค่ะ ดิฉันงงกับการต่อรถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งมาก เอาจริงๆรถไฟใต้ดินปักกิ่งนี่โอเคเลยนะ อารมณ์เหมือนรถไฟใต้ดินบ้านเราน่ะแหละ มีป้ายบอกสถานีภาษาอังกฤษ มีเสียงบอกเวลาถึงป้ายเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ไม่แพงด้วย แต่ที่มหาศาลคือคนค่ะ นึกภาพตาม ดิฉันแปกเป้ใบยักษ์ ลงรถไฟที่มีคนแน่นมาก เวลาดิฉันโดนเบียดนี่แทบจะได้เสียกันกับหนุ่มจีนด้านหน้า แล้วเวลาจะเค้าจะออก เค้าไม่สนใจเลยค่ะ ชนดิฉันแทบปลิว

รถไฟใต้ดินปักกิ่ง


สภาพภายในรถไฟใต้ดิน

    Hostel ที่ดิฉันจอง อยู่แถวๆ รถไฟใต้ดินสถานี เทียนอานเมินตง อยู่แถวๆ จตุรัสเทียนอานเมินหน้าพระราชวังต้องห้ามนั่นแหละค่ะ ใจกลางปักกิ่ง เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ออกมาเดินเล่นพระราชวังต้องห้ามตอนกลางคืน ก็สบายๆ ดิฉันรีบไปที่ Hostel เลย แล้วพบว่า
UNDER CONSTRUCTION!!!!!!

----หลงทางในปักกิ่ง-----

     คืออย่างงี้ค่ะ ที่พักที่ดิฉันจอง ถูกรัฐบาลจีนสั่งปิด เนื่องจากจะปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆจตุรัสเทียนอานเหมิน นางก็ส่งอีเมลไปบอกดิฉันแล้วนะคะ แต่ตอนนั้นดิฉันอยู่บนรถไฟไง อะไรเนี่ย แล้วยังไง ที่พักปิด  เดินเข้าไปดูใกล้ๆมีป้ายภาษาจีนเขียนอยู่ คงแปลว่าปิด แล้วเขียนภาษาอังกฤษเล็กๆข้างล่าง ว่าให้ติดต่อที่ ........... ภาษาจีน
จะอ่านออกไหมที่ติดต่อน่ะ
      คงเพราะว่านางส่งที่อยู่ไปในอีเมลดิฉันแล้ว แต่ๆตอนนั้นเปิดอีเมลไม่ได้ไง เพราะถึงสมัครโรมมิ่งมาก็จริง แต่ตั้งรหัสอีเมลเป็นชื่อจริงภาษาไทยของชายหนุ่มที่เป็นรักครั้งที่สี่ของดิฉัน (ปลอดภัยสุดๆ ปลอดภัยจากการใช้ของตัวเองด้วย )ถ้าไม่มีแป้นพิมพ์ไทยเลยกดเปิดไม่ได้ ซึ่งประเทศจีนทั้งประเทศ คงไม่มีแป้นไทยให้ใช้แน่นอน ตัดเรื่องเปิดอีเมลดูไปได้เลย เอาไงล่ะทีนี้
ดิฉันค่อยๆลอกตัวอักษรภาษาจีน ทีละเส้น ทีละโค้ง ทีละตวัดปลายพู่กัน ได้กลุ่มอักษรยึกๆยือๆมากลุ่มนึง
เอาไปเดินถามแต่ละคน ไม่มีใครสนใจดิฉันเลย
     เอาวะ ถ้าจะย้ายก็น่าจะอยู่แถวนี้ เลยเดินไปเรื่อย ตอนนั้นโง่อะไรไม่รู้ที่ปฏิญาณกับตัวเองว่า ไม่เจอจะไม่กินข้าว
ไงล่ะ เดินไปเรื่อยๆ ออกซอยนั้นซอยนี้ กระเป๋าหนักราว 16 โล แบกไป อากาศ 8 องศา ที่ปักกิ่ง ก็ทำให้เหงื่อแตกได้ เดินกลับไปมา หาถามคน คนใจดีก็บอกทาง ชี้โน่นชี้นี่ พ่นคำที่เราไม่รู้จัก  ไปถามอีกคนก็ชี้ไปอีกทาง พ่นคำที่เราไม่รู้จักอีก 
เดินตามที่เค้าบอกเป็นชั่วโมง ปรากฎว่า วนกลับมาเจอ Hostel ปิดตายที่เดิม
     ฮือ ตอนนั้น หนักก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน หิวก็หิว แล้วก็หน้ามืด
    ทรุดลงกลางฟุตบาท ทิ้งกระเป๋าหนักๆ กลางฟุตบาต ไม่สนใจแม่ม คนเดินผ่านไปผ่านมา ชั่วขณะที่หน้ามืดนั้นเอง ดิฉันล้มตัวลงนอนให้หน้าหายมืดกลางฟุตบาทสักพัก พอโอเคก็ขึ้นมาตั้งสติ เราต้องหาของกินก่อน
ไปที่ร้านสะดวกซื้อมีโยเกิร์ตถ้วย ถ้วยละ 2 หยวน ฉันดูดจนหมด มันเป็นโยเกิร์ตที่อร่อยที่สุดในชีวิต จุลินทรีย์แลคโตบาซิลัสประเทศจีน ทำให้ดิฉันมีพลังสู้ต่อ
    ดิฉันเอาตัวยึกยือไปถามร้านเช่าจักรยานร้านนึง ปรากฏว่าเขาพูดอังกฤษได้ เค้าโบกรถให้คันนึง บอกว่าให้ไปส่งนักท่องเที่ยวหน่อย
เราดีใจที่รถคันนั้นใจดีจะขับพาดราไปส่งด้วย มันห่างไปแค่สามซอย ถ้าเดินมาก็คงได้ แต่ตอนนั้นไม่รู้ทางไง ปรากฎว่า ก่อนลงรถ เราขอบคุณ นางยื่นมือออกมา 40 หยวน ค่ะ!!!!!!!! มิตรตจิต มิตรตใจคงไม่มีจริงๆ
  เราไปถึงอีก Hostel ด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน hostelนี้อยู่กลางตรอกถนนคนเดินชื่อดัง เราเอาใบยื่นให้พนักงาน พูดอังกฤษได้คล่อง นางยิ้มรับ แล้วบอกว่า “ที่นี่เต็มแล้ว คุณต้องไปอีกที่นึงนะคะ”
    ได้ยินดังนั้นดิฉันปล่อยโฮ ทิ้งตัวลงไปกองที่พื้น นี่ต้องไปหาอีกหรือนี่ ไม่เอาแล้วนะ ให้นอนโซฟาที่นี่ก็ได้
พนักงานเห็นใจดิฉันมั้ง เลยขออนุญาติผู้จัดการพาดิฉันไปส่ง 
ปรากฎว่า มันต้องต่อรถเมล์สองสาย เดินอีก กิโลนึง และ Hostel ก็อยู่ลึกไปในซอย
ค่ะ ถ้ามาเอง มีหวังกลายเป็นผีเฝ้าปักกิ่งแน่

ถนนแถวๆ hostel ดิฉันค่ะ ดิฉันใช้เวลาหลงทางกว่าจะเจอที่พัก ก็ล่อซะพระอาทิตย์ตก


สภาพ Hostel ที่ดิฉันพักค่ะ ข้างบนฝรั่งตากกางเกงในถุงเท้า กันเต็มเลย



วันนั้นกินมื้อเย็นทีเดียว  อดข้าวมาทั้งวัน ดีที่หน้าปากซอย มี KFC เลยฝากท้องที่ KFC จีน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่