พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
ผู้ใดยังถือว่าตนนับถือพระพุทธศาสนาอยู่อย่างนี้ มันต้องเชื่อบุญเชื่อบาปว่ามีจริง
ก็ตรงกันข้ามน่ะ บุคคลผู้หมดบาปแล้วก็เข้าสู่ "นิพพาน" เท่านั้นเองนะ
บุคคลใดหมดบุญแล้ว บุญเก่าก็ไม่มี บุญใหม่ก็ไม่มีก็ลงนรกอันร้ายกาจลูกเดียว
แล้วก็ไม่มีวันพ้นอีกด้วย ต้องระวังทุกคนนะ
อย่าไปประมาทในการสั่งสมบุญกุศล
แม้ไม่ได้ทำมากก็ให้ได้ทำน้อย ทำไปทีละเล็กทีละน้อยค่อยผสมไป
ค่อยสะสมไปทีละน้อย ทีละน้อย มันก็มากขึ้นเอง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อุปมาไว้เหมือนน้ำหยดชายคา มันหยดไม่ถอย
มันก็ทำน้ำนั้นให้เต็มโอ่งไหที่ตั้งไว้รองน้ำใต้ชายคานั้นได้เหมือนกันนะ
ไม่จำเป็นต้องฝนต้องตกมากๆ แม้ฝนตกแต่เพียงเล็กน้อยแต่มันตกไม่ถอย
น้ำมันก็หยดลงจากชายคาลงสู่ไหนั้น สามารถทำไหให้เต็มได้เหมือนกันน่ะ
ฉันใด
บุคคลผู้สั่งสมบุญกุศลนี้ พากเพียรพยายามทำไป
ตามกำลังความสามารถของตนของตน เพราะบางคนก็มีความสามารถน้อย
บางคนก็มีความสามารถมาก ไม่เหมือนกัน คนเรามันเป็นอย่างนั้น
"ผู้ที่มีความสามารถน้อย" นั้น เมื่อเพียรทำไม่ท้อถอยมันก็มากขึ้นโดยลำดับ
แต่มันก็อาศัยเวลานานสักหน่อย
ไอ้ "ผู้ที่มีความสามารถมาก" นั้นน่ะ
เขาทำความดีอะไรก็ทำมากๆ ไม่ทำน้อย เช่นภาวนาสมาธิอย่างนี้ก็นั่งภาวนาเอา
เอาจริงๆจังๆ อธิษฐานใจลงไป ถ้าใจนี้ไม่สงบรวมลงเป็นหนึ่งก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้
ตายกับนี่ ใจเด็ดเดี่ยวสละตายลงเพื่อความสงบใจ มันทำลงไปอย่างนี้
อธิษฐานใจลงไปอย่างนี้ ทำความเพียร เจริญพระกรรมฐานไป
ถ้าใจนั้นไม่สงบก็ไม่เคลื่อนออกจากอิริยาบถสมาธินี้เลย
เอาไปเอามามันกลัวตายมันก็รวมลงแหละ มันเจ็บมันปวดมาก
ผู้นั้นเรียกว่า
"รักษาความสัตย์ความจริงใจไว้" มันจะเจ็บปวดยังไง
ก็ไม่ยอมละความสัตย์ความจริงนั้น ไอ้อย่างนี้จิตมันก็ทนไม่ไหวนะมันต้องรวมลง
นั่นเรียกว่า
"คนใจคอหนักแน่น" คนเคยรักษาความสัตย์ความจริงใจมา
คนที่ไม่เคยตั้งความสัตย์ความจริงใจใส่ตนของตนเลยเนี่ย
เป็นคนเหลาะแหละเหลวไหล เอาจริงเอาจังอะไรไม่ได้
เพราะฉะนั้นทุกคนนะให้พึงฝึก หัด อบรม “สัจจบารมี”
ให้เกิดให้มีขึ้นในตน อย่าไปละเลยบารมีข้อนี้น่ะ สำคัญมากทีเดียว
มันจะทำให้บุญบารมีแก่กล้าขึ้นได้ ก็โดยอาศัยสัจจบารมีนี่แหละ
คนไม่มีความสัตย์ความจริงใจแล้วเป็นคนจับจดจับจ่อทำอะไรไม่จริงไม่จัง
ไม่ได้รับผลเท่าที่ควร เมื่อเป็นเช่นนี้บุญบารมีมันก็แก่กล้าไม่ได้
ดังนั้นให้พึงพากันตั้งอกตั้งใจทำความเพียรเพ่งพินิจในดวงจิตนี้ให้ดีๆ
อย่าให้มันอ่อนแอท้อแท้
ต้องปลุกปลอบใจนี้ให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
มันจึงจะต่อสู้กับนีวรณธรรมห้าอย่างนั้นได้ ถ้าใครไม่ต่อสู้
เอาชนะนิวรณ์ห้านี้ไม่ได้ จิตใจก็ไม่เป็นสมาธิ
จิตใจก็อ่อนแอเหลาะแหละเหลวไหลไปตามเรื่อง
ใจอย่างนั้นแหละใจไปตกนรกน่ะ ต้องเข้าใจ
อันนั้นแหละมันจะไปสู่นรกน่ะใจเหลาะแหละอ่อนแอ
ทำความดีให้เป็นล่ำเป็นสันไม่ได้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"รักษาสัจจะความจริงใจ"
คนใจคอหนักแน่นก็ทำบุญกุศลได้มาก : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
ผู้ใดยังถือว่าตนนับถือพระพุทธศาสนาอยู่อย่างนี้ มันต้องเชื่อบุญเชื่อบาปว่ามีจริง
ก็ตรงกันข้ามน่ะ บุคคลผู้หมดบาปแล้วก็เข้าสู่ "นิพพาน" เท่านั้นเองนะ
บุคคลใดหมดบุญแล้ว บุญเก่าก็ไม่มี บุญใหม่ก็ไม่มีก็ลงนรกอันร้ายกาจลูกเดียว
แล้วก็ไม่มีวันพ้นอีกด้วย ต้องระวังทุกคนนะ อย่าไปประมาทในการสั่งสมบุญกุศล
แม้ไม่ได้ทำมากก็ให้ได้ทำน้อย ทำไปทีละเล็กทีละน้อยค่อยผสมไป
ค่อยสะสมไปทีละน้อย ทีละน้อย มันก็มากขึ้นเอง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อุปมาไว้เหมือนน้ำหยดชายคา มันหยดไม่ถอย
มันก็ทำน้ำนั้นให้เต็มโอ่งไหที่ตั้งไว้รองน้ำใต้ชายคานั้นได้เหมือนกันนะ
ไม่จำเป็นต้องฝนต้องตกมากๆ แม้ฝนตกแต่เพียงเล็กน้อยแต่มันตกไม่ถอย
น้ำมันก็หยดลงจากชายคาลงสู่ไหนั้น สามารถทำไหให้เต็มได้เหมือนกันน่ะ
ฉันใด บุคคลผู้สั่งสมบุญกุศลนี้ พากเพียรพยายามทำไป
ตามกำลังความสามารถของตนของตน เพราะบางคนก็มีความสามารถน้อย
บางคนก็มีความสามารถมาก ไม่เหมือนกัน คนเรามันเป็นอย่างนั้น
"ผู้ที่มีความสามารถน้อย" นั้น เมื่อเพียรทำไม่ท้อถอยมันก็มากขึ้นโดยลำดับ
แต่มันก็อาศัยเวลานานสักหน่อย ไอ้ "ผู้ที่มีความสามารถมาก" นั้นน่ะ
เขาทำความดีอะไรก็ทำมากๆ ไม่ทำน้อย เช่นภาวนาสมาธิอย่างนี้ก็นั่งภาวนาเอา
เอาจริงๆจังๆ อธิษฐานใจลงไป ถ้าใจนี้ไม่สงบรวมลงเป็นหนึ่งก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้
ตายกับนี่ ใจเด็ดเดี่ยวสละตายลงเพื่อความสงบใจ มันทำลงไปอย่างนี้
อธิษฐานใจลงไปอย่างนี้ ทำความเพียร เจริญพระกรรมฐานไป
ถ้าใจนั้นไม่สงบก็ไม่เคลื่อนออกจากอิริยาบถสมาธินี้เลย
เอาไปเอามามันกลัวตายมันก็รวมลงแหละ มันเจ็บมันปวดมาก
ผู้นั้นเรียกว่า "รักษาความสัตย์ความจริงใจไว้" มันจะเจ็บปวดยังไง
ก็ไม่ยอมละความสัตย์ความจริงนั้น ไอ้อย่างนี้จิตมันก็ทนไม่ไหวนะมันต้องรวมลง
นั่นเรียกว่า "คนใจคอหนักแน่น" คนเคยรักษาความสัตย์ความจริงใจมา
คนที่ไม่เคยตั้งความสัตย์ความจริงใจใส่ตนของตนเลยเนี่ย
เป็นคนเหลาะแหละเหลวไหล เอาจริงเอาจังอะไรไม่ได้
เพราะฉะนั้นทุกคนนะให้พึงฝึก หัด อบรม “สัจจบารมี”
ให้เกิดให้มีขึ้นในตน อย่าไปละเลยบารมีข้อนี้น่ะ สำคัญมากทีเดียว
มันจะทำให้บุญบารมีแก่กล้าขึ้นได้ ก็โดยอาศัยสัจจบารมีนี่แหละ
คนไม่มีความสัตย์ความจริงใจแล้วเป็นคนจับจดจับจ่อทำอะไรไม่จริงไม่จัง
ไม่ได้รับผลเท่าที่ควร เมื่อเป็นเช่นนี้บุญบารมีมันก็แก่กล้าไม่ได้
ดังนั้นให้พึงพากันตั้งอกตั้งใจทำความเพียรเพ่งพินิจในดวงจิตนี้ให้ดีๆ
อย่าให้มันอ่อนแอท้อแท้ ต้องปลุกปลอบใจนี้ให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
มันจึงจะต่อสู้กับนีวรณธรรมห้าอย่างนั้นได้ ถ้าใครไม่ต่อสู้
เอาชนะนิวรณ์ห้านี้ไม่ได้ จิตใจก็ไม่เป็นสมาธิ
จิตใจก็อ่อนแอเหลาะแหละเหลวไหลไปตามเรื่อง
ใจอย่างนั้นแหละใจไปตกนรกน่ะ ต้องเข้าใจ
อันนั้นแหละมันจะไปสู่นรกน่ะใจเหลาะแหละอ่อนแอ
ทำความดีให้เป็นล่ำเป็นสันไม่ได้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"รักษาสัจจะความจริงใจ"