Chicago has nothing to offer! Don’t Recommend
เสียงบ่นของผู้โดยสารดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะไฟลท์ถูกแคนเซิล และดีเลย์อย่างไม่มีกำหนด อาจด้วยสาเหตุเพราะพายุหิมะ เครื่องบินจึงไม่สามารถออกจากสนามบินได้ หนึ่งในผู้โดยสารที่โวยวายมากที่สุด คือพี่มืดหญิงผมยาวตัวบึ้ก ส้นสูง5นิ้ว ตะโกนบอกผู้คนในบริเวณว่า Don’t Recommend Chicago! It has nothing to offer (เมืองนี้มันไม่มีอะไรเลย อย่าแนะนำให้ใครมาเมืองนี้นะ)
สิ้นเสียงของพี่มืดคนนั้น ภาพในหัวของเราก็แล่นไปถึงวันแรกที่เรามาถึง เราคิดทบทวนอีกครั้งว่าคำพูดของพี่มืดมันจริงหรอวะ
เราเดินทางจาก Denver ถึง Chicago O’Hare วันที่ 12 ธันวาคม 2558 เวลาประมาณ 10.00 น. พอมาถึงก็ไปรับกระเป๋า พร้อมเดินทางเข้าเมือง การเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้เราเลือกที่จะใช้บริการรถสาธารณะ CTA ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราเลือกซื้อพาสแบบ 3 วัน เสียเงินไป 20$ ถือว่าใช้คุ้มเลยหละ (ปกติจะต้องเสีย 25$ แต่ถ้าลงทะเบียน ยอมเสียเวลาหน่อยก็เสียแค่ 20$ ซึ่งต้องไปบอกพนักงานว่าจะขอ Register บัตร แล้วก็ไปโทรศัพท์ตามขั้นตอนในกระดาษสีเหลือง) การเดินทางที่นี่เราจะใช้บัตร CTA ตลอดการเดินทาง ข้อมูลเพิ่มเติม (
http://www.transitchicago.com)
เราซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันนะสิ ขอเรียกว่าโอปป้าก็แล้วกัน ฮีเกิดปัญหาเพราะเครื่องไม่ปล่อยบัตรออกมา แต่เสียเงินไปแล้ว โอ้ปป้าเลยต้องไปหาพนักงานสายโหดแห่งชิคาโก้ ตอนแรกก็คิดว่า ก็ขอ Refund สิ จะได้จบๆแล้วก็จ่ายเงินสด แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ มันจะต้องผ่านขบวนการมากมาย ซึ่งพนักงานทั้งสองคนก็ไปทะเลาะกันเอง ต้องรอคนที่มีอำนาจมาทำ ซึ่งอาจจะเสียเวลานานเป็นหลายชั่วโมง พวกเราโชคดีมากที่เจอพนักงานโอเค ฮีเลยตัดปัญหา โดยเอาเงินของตัวเองมาให้โอปป้า จากเหตุการณ์ณ์ครั้งนี้ พวกเราสองคนรับรู้ได้เลยว่าคนในเมืองใหญ่ ไม่มีใครมาสนใจใครจริงๆ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยมีมิตรสัมพันธ์เท่าไร การทักทายของคนที่นี่ก็ไม่เหมือนคนเมืองเล็ก ที่จะทักทายถามสารทุกข์
เมื่อได้ฤกษ์แล้ว เราก็เดินทางเข้าเมืองกันเลยยย
พวกเราจองที่พักเป็น Hilton Chicago ถือว่าทำเลดีมาก คือตั้งอยู่ใกล้ State Street ซึ่งถือว่าเป็นดาวทาวน์ของที่นี่ และอยู่ใกล้ Cloudgate งานศิลปะชื่อดัง ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูป ซึ่งอีกชื่อหนึ่งคือ The Bean เพราะมีหน้าตาคล้ายถั่วนั่นเอง โดยผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นโดย Anish Kapoor และตั้งอยู่ที่ Millennial Park
เมื่อเดินทางลากกระเป๋าถึงโรงแรม พอเราเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไป Cloud gate กันเลย
ภาพจินตนาการของเราคือแบบนี้
แต่ในความเป็นจริง อยากจะกรี๊ดออกมา (ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้) แล้วฉันจะถ่ายรูปยังไงให้สวยเนี่ย แต่สุดท้าย เราก็ได้รูปแบบนี้มา ก็ต้องทำใจกันไปเนาะ
สาวเสื้อแดงคือเพื่อนที่อยู่ที่ชิคาโก้ โดยนัดมาเจอกันวันสุดท้ายของทริป
หลังจากไป The Bean เราก็ไปเดินเล่นกันในดาวทาวน์ แสง สี และคนพลุกพล่าน ตื่นเต้นมากๆ และที่สำคัญแหล่งช้อปปิ้งเยอะมากเลยหละ
จากการสังเกตุ ครอบครัวมักจะพาเด็กๆออกมาเดินดาวทาวน์ เพราะช่วงนี้เค้าจะมีการตกแต่งตู้กระจกเป็นการ์ตูนน่ารักๆให้คนมาถ่ายรูป ซึ่งธีมในปีนี้คือ Universe ตู้กระจกจะเปลี่ยนธีมไปทุกปีเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งภาพข้างล่างมากจาก Marshall (111 N State St, Chicago, IL 60602)
[CR] อย่าไปชิคาโก้...ฉันผิดหวังสุดๆ
เสียงบ่นของผู้โดยสารดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะไฟลท์ถูกแคนเซิล และดีเลย์อย่างไม่มีกำหนด อาจด้วยสาเหตุเพราะพายุหิมะ เครื่องบินจึงไม่สามารถออกจากสนามบินได้ หนึ่งในผู้โดยสารที่โวยวายมากที่สุด คือพี่มืดหญิงผมยาวตัวบึ้ก ส้นสูง5นิ้ว ตะโกนบอกผู้คนในบริเวณว่า Don’t Recommend Chicago! It has nothing to offer (เมืองนี้มันไม่มีอะไรเลย อย่าแนะนำให้ใครมาเมืองนี้นะ)
สิ้นเสียงของพี่มืดคนนั้น ภาพในหัวของเราก็แล่นไปถึงวันแรกที่เรามาถึง เราคิดทบทวนอีกครั้งว่าคำพูดของพี่มืดมันจริงหรอวะ
เราเดินทางจาก Denver ถึง Chicago O’Hare วันที่ 12 ธันวาคม 2558 เวลาประมาณ 10.00 น. พอมาถึงก็ไปรับกระเป๋า พร้อมเดินทางเข้าเมือง การเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้เราเลือกที่จะใช้บริการรถสาธารณะ CTA ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราเลือกซื้อพาสแบบ 3 วัน เสียเงินไป 20$ ถือว่าใช้คุ้มเลยหละ (ปกติจะต้องเสีย 25$ แต่ถ้าลงทะเบียน ยอมเสียเวลาหน่อยก็เสียแค่ 20$ ซึ่งต้องไปบอกพนักงานว่าจะขอ Register บัตร แล้วก็ไปโทรศัพท์ตามขั้นตอนในกระดาษสีเหลือง) การเดินทางที่นี่เราจะใช้บัตร CTA ตลอดการเดินทาง ข้อมูลเพิ่มเติม (http://www.transitchicago.com)
เราซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันนะสิ ขอเรียกว่าโอปป้าก็แล้วกัน ฮีเกิดปัญหาเพราะเครื่องไม่ปล่อยบัตรออกมา แต่เสียเงินไปแล้ว โอ้ปป้าเลยต้องไปหาพนักงานสายโหดแห่งชิคาโก้ ตอนแรกก็คิดว่า ก็ขอ Refund สิ จะได้จบๆแล้วก็จ่ายเงินสด แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ มันจะต้องผ่านขบวนการมากมาย ซึ่งพนักงานทั้งสองคนก็ไปทะเลาะกันเอง ต้องรอคนที่มีอำนาจมาทำ ซึ่งอาจจะเสียเวลานานเป็นหลายชั่วโมง พวกเราโชคดีมากที่เจอพนักงานโอเค ฮีเลยตัดปัญหา โดยเอาเงินของตัวเองมาให้โอปป้า จากเหตุการณ์ณ์ครั้งนี้ พวกเราสองคนรับรู้ได้เลยว่าคนในเมืองใหญ่ ไม่มีใครมาสนใจใครจริงๆ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยมีมิตรสัมพันธ์เท่าไร การทักทายของคนที่นี่ก็ไม่เหมือนคนเมืองเล็ก ที่จะทักทายถามสารทุกข์
เมื่อได้ฤกษ์แล้ว เราก็เดินทางเข้าเมืองกันเลยยย
พวกเราจองที่พักเป็น Hilton Chicago ถือว่าทำเลดีมาก คือตั้งอยู่ใกล้ State Street ซึ่งถือว่าเป็นดาวทาวน์ของที่นี่ และอยู่ใกล้ Cloudgate งานศิลปะชื่อดัง ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูป ซึ่งอีกชื่อหนึ่งคือ The Bean เพราะมีหน้าตาคล้ายถั่วนั่นเอง โดยผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นโดย Anish Kapoor และตั้งอยู่ที่ Millennial Park
เมื่อเดินทางลากกระเป๋าถึงโรงแรม พอเราเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไป Cloud gate กันเลย
ภาพจินตนาการของเราคือแบบนี้
แต่ในความเป็นจริง อยากจะกรี๊ดออกมา (ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้) แล้วฉันจะถ่ายรูปยังไงให้สวยเนี่ย แต่สุดท้าย เราก็ได้รูปแบบนี้มา ก็ต้องทำใจกันไปเนาะ
สาวเสื้อแดงคือเพื่อนที่อยู่ที่ชิคาโก้ โดยนัดมาเจอกันวันสุดท้ายของทริป
หลังจากไป The Bean เราก็ไปเดินเล่นกันในดาวทาวน์ แสง สี และคนพลุกพล่าน ตื่นเต้นมากๆ และที่สำคัญแหล่งช้อปปิ้งเยอะมากเลยหละ
จากการสังเกตุ ครอบครัวมักจะพาเด็กๆออกมาเดินดาวทาวน์ เพราะช่วงนี้เค้าจะมีการตกแต่งตู้กระจกเป็นการ์ตูนน่ารักๆให้คนมาถ่ายรูป ซึ่งธีมในปีนี้คือ Universe ตู้กระจกจะเปลี่ยนธีมไปทุกปีเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งภาพข้างล่างมากจาก Marshall (111 N State St, Chicago, IL 60602)