สวัสดีชาวพันทิปทุกคนนะคะ ทริปนี้เราไปกัน3คน 5คืน6วัน
ที่ที่เราไปก็มี
อ่างขาง,แม่กำปอง,ปาย รายละเอียดก็อาจจะยาวไปนิดนึง
...ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวฝากกระทู้ด้วยนะคะ...
( วันแรก 11.12.2015 )
5ทุ่ม เรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ ด้วยความเหนื่อยและง่วงมาก เลยใช้บริการลีโม่ให้ไปส่งที่ที่พัก
พิกัดคือนิมมานซอย13 ในราคา 160.- เราเลือกพักที่โรงแรม Hug Nimmarn เพราะค่อนข้างอยู่ในทำเลที่สะดวก
ห้อง Superior ราคาคืนละ 1,400.- สำหรับ2คน หาก extra ก็เพิ่มอีก600.- รวมอาหารเช้าแล้ว
ตัดภาพ! ดูนาฬิกาจะตี1เฉยยย รีบนอนๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปอ่างขางกันต่อออ...
( วันที่สอง 12.12.2015 )
06:00 น. เราก็รีบไปอาบน้ำเก็บของ ลงไปกินอาหารเช้า และก็เช็คเอ้าท์ ออกจากที่พัก
ไปหาโบกรถสองแถวแดงไปลงที่คิวรถช้างเผือก เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปอ.ฝาง พอถึงคิวรถช้างเผือก
เราก็เดินไปที่วินรถตู้ที่ไปอ่างขาง ค่าโดยสารคนละ150.- ระยะเวลาจากขนส่งช้างเผือกไปยังวัดหาดสำราญ
(ปากทางเข้าดอยอ่างขาง) ใช้เวลาราวๆ3ชั่วโมง
ตัดภาพมา! ถึงปากทางขึ้นดอยอ่างขางแล้วว
*เราติดต่อคุณคำใสไว้ให้มารับขึ้นไปที่พักและพาเที่ยวด้านในโครงการหลวงสวนเกษตรดอยอ่างขาง
คุณคำใสจะพาเราเที่ยวทั้งรอบในและรอบนอกดอยอ่างขางเลย รวมถึงทุกที่ที่เราอยากจะไป
คุณคำใสเป็นคนพื้นที่อ.ฝาง บริการดีมากและพูดจาดีมาก กิริยาท่าทางมารยาทดี แถมยังใจดีด้วย
ระหว่างทางก็พูดคุยกัน เรากังวลและมีคำถามที่ยังจัดการกับเวลาไม่ได้ พี่เค้าบอกเลยว่าไม่ต้องเป็นห่วงครับ
เดี๋ยวจะดูแลเป็นอย่างดี ระยะเวลาจากวัดหาดสำราญ (ปากทางขึ้นดอย) ขึ้นไปยังที่พักก็ราวๆ45-50นาที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ง่ายๆก็คือเหมารถเที่ยวดอยอ่างขางนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่เหมา เราเที่ยวไม่ทั่วอ่างขางแน่ๆ เพราะไม่รู้ที่รู้ทาง
ไหนๆก็มาแล้วไปให้ครบเที่ยวให้คุ้มเลยดีกว่า
ตัดภาพมา! อ๊ะะ ถึงที่พักแล้ววว
คุณคำใสส่งเราที่หน้าที่พักเพื่อให้เก็บสัมภาระและยังแนะนำร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันให้อีกด้วย
ร้านถิงถิงจะอยู่ตรงข้ามกับอ่างขางวิลล่า
*ที่พักของเราชื่อ
อ่างขางวิลล่า อยู่บริเวณบ้านคุ้มลองเสิทหากันในกูเกิ้ลนะ
ตอนเราไปราคาแอบแรงอาจเป็นเพราะเข้าช่วงไฮแล้วก็เป็นได้
พอทำธุระเสร็จก็โทรหาคุณคำใส ให้มารับไปเที่ยวด้านในของโครงการหลวงกัน
วันแรกคุณคำใสจะพาเราไปที่สวน๘๐ จะเป็นส่วนของสวนดอกไม้นานาชนิด สวนผักต่างๆนาๆ
รวมไปถึงตัวที่ทำการอุทยานที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักในตัวโครงการ และเป็นที่รับประทานอาหารเช้า-เย็นอีกด้วย
(หากใครที่อยากจะดินเนอร์ภายในโครงการหลวง เขาก็มีบริการสำหรับบุคคลภายนอกด้วยนะ ราคาคนละ 300บาท)
ส่วนที่ถัดไปเป็นแปลงบ๊วย ตอนเราไปยังเห็นแต่ดอก
และที่สุดท้ายคือแปลงผัก ผักสลัดนาๆชนิดถูกปลูกไว้ที่นี่แหละ
เราใช้เวลาเที่ยวชมในส่วนของโครงการหลวงราวๆ 2-3ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 16:00 น. คุณคำใสเลยพาเราเข้าที่พักก่อน
แล้วจะมารับเราอีกทีตอน6โมงเย็น เพื่อเข้าไปทานอาหารเย็นในโครงการหลวง อาหารเย็นจะเป็นแบบบุปเฟ่ มีทั้งอาหารพื้นเมือง
บาบีคิว ผลไม้ สลัดผัก ทุกอย่างถือว่ารสชาติดี วัตถุดิบสดใหม่ ผักนี่กรอบทุกใบ มะเขือเทศกัดไปนี่แบบกรุบชุ่มฉ่ำ
300บาทถือว่าไม่แพงน้าาา ถ้าเทียบกับความหลากหลายและรสชาติของอาหาร กินได้ไม่อั้นเลยยย.
20:00 น. เราออกมาเดินตลาดย่อมๆ บริเวณหน้าบ้านคุ้ม ที่จะมีชาวบ้านพื้นเมืองออกมานั่งแบกะดินขายของจุกจิก
เป็นแนวยาวตลอดสองฝั่ง เดินเสร็จก็เข้าที่พักนอนดีกว่าา...
( วันที่สาม 13.12.2015 )
06:00 น. คุณคำใสมารอรับเราที่หน้าที่พัก เพื่อจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวม่อนสน
(คุณคำใสบอกว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของดอยอ่างขางแล้ว) ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่หากใครมาดอยอ่างขางแล้วไม่มาถือว่ามาไม่ถึง
และยังเป็นลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนอนดูดาวท้าลมหนาวอีกด้วย
ส่วนอากาศวันนี้คุณคำใสบอกอยู่ที่5องศาจ้า หนาวมากก พูดทีควันออกปากที มือแข็งไปหมด
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นช้าจัง...แต่ดีที่เมฆหมอกไม่หนาไม่งั้นเราอาจไม่เห็นไข่แดงแน่ๆ
พอถ่ายรูปกันพอใจแล้ว คุณคำใสพาเราไปที่ไร่ชา2000 หรือแปลง๒๐๐๐ นั่นเอง ที่นี่สวยมากกกก หนาวมาก
อุณภูมิอยู่ที่5องศา ไร่ชาที่นี่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ต้นชาไล่ระดับกันเป็นขั้นบันใดลดหลั่นกันไปตามพื้นที่
จากไร่ชา2000 เรามาโผล่กันที่ไร่สตรอเบอรี่ ที่นี่มีให้ชมอย่างเดียวนะไม่มีให้ชิม ฮ่าๆๆ
แต่คุณคำใสก็ไปเสาะหามาให้เราชิมแบบฟรีๆได้ คุณคำใสบอกว่าไม่ต้องล้างให้กินเลยเพราะถ้าล้างจากหวานมันจะกลายเป็นเปรี้ยว...
อ่ะๆไม่ล้างๆ คลุกฝุ่นคลุกดินปัดๆเอาก็หมดเนาะ... เห้ยจริงหวะ! คือหวานสดชื่นมากกก
เลยลองเอาน้ำล้างบ้างปรากฎว่ามีรสอมเปรี้ยวอย่างที่คุณคำใสบอกจริงๆ แต่ถ้าใครอยากชิมก็ไปขอซื้อที่กระต๊อบด้านบนได้
มีคุณยายขายอยู่ แต่จะเป็นลูกที่มีตำหนิ ช้ำบ้างเปรี้ยวบ้าง บางลูกมีเน่านิดหน่อย ราคาถุงละ 100.-
12:00 น. คุณคำใสพาเราลงมาส่งที่คิวรถตู้กลับเชียงใหม่ จ่ายเงินบอกลาหากมีโอากาสกลับมาอีกจะใช้บริการอีกแน่นอนค่ะ
15:00 น. รถตู้พาเรามาส่งถึงคิวรถช้างเผือก เราไม่รอช้ารีบเดินไปหารถแดงที่จะไปกาดหลวง(ตลาวโรรส) เพื่อจะหารถไปแม่กำปอง
จากการสอบถามที่พักและคนในตลาดก็ได้ความว่ารถที่จะไปถึงเลยหนะมันไม่มี มีเพียงเส้นทางดอยสะเก็ด ซึ่งก็ไม่ถึงจุดหมายเราอยู่ดี
และด้วยเวลาที่ค่อนข้างเย็นมากแล้วเลยตัดสินใจเหมารถแดงที่ทางที่พักแนะนำมา ไป-กลับ ราคา1,800 ถึงที่พักเวลาเกือบๆ6โมงเย็น
(เราพักที่
สำราญชนโฮมสเตย์ ราคาคนละ 650.- รวมอาหารเช้า-เย็น)
เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ออกมาจิบชาร้าน Y-line café คาเฟ่น่ารักๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับโฮมสเตย์
แต่...เนื่องจากวันนี้เรามาถึงกันเย็นมากแล้วเลยไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆต่อ กินข้าวเย็นแล้วอาบน้ำนอนเนอะ..
พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าเดินทางไปปายต่อ *อาหารเย็นที่นี่เป็นอาหารชาวบ้านๆ อร่อยมากกกกก กินไม่อิ่มก็เติมได้
( วันที่สี่ 14.12.2015 )
06:00 น. ลุกมาดื่มด่ำความสดชื่น สูดอากาศดมกลิ่นอายของธรรมชาติกันหน่อยยย
ออกมาจากห้องปุ้ป โห่หนาวมากจ้า ควันออกปากอีกแล้ว แต่อากาศก็สดชื่นมาก มองดูต้นไม้ ลำธารน้ำตก ฟังเสียงลมเสียงนก
ใครที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ เราขอแนะนำ
หมู่บ้านแม่กำปองเลย คือตอบโจทย์ความเป็นธรรมชาติมาก โคตรดีโคตรใช่
หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำและเก็บของ ไปกินอาหารเช้ากันนน อาหารเช้านี้เป็นข้าวต้ม อร่อยอีกละ555555 เติมได้ตลอดด้วย
กินเสร็จเราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวที่พัก
และก็แวะดื่มชาเขียวร้อนที่ร้านชมนก ชมไม้ระหว่างรอเวลากลับ
10:00 น. ออกเดินทางกลับไปอาเขต เพื่อไปต่อรถไปยังจุดหมายต่อไป...เราได้จองตั๋วไปปายของเปรมประชาไว้แล้ว
เพียงแค่เอาสลิปมายื่นรับตั๋วที่อาเขต ค่าโดยสารคนละ 150.- แล้วเราก็ซื้อตั๋วขากลับเลย
จากอาเขตใช้เวลาเดินทางไปปายราวๆ3 ชม. ช่วงที่เราไปถนนเกือบจะตลอดเส้นทางกำลังก่อสร้างทำทางใหม่อยู่
เลยทำให้ถึงที่หมายช้ากว่าเวลาที่คิดไว้บ้าง เรามาถึงปายเกือบๆบ่าย2 ไม่รอช้ารีบเดินตรงดิ่งไปเช็คอินที่พักก่อนเลย
*เราพักที่
เฮือนสราญ เกสเฮ้าส์ ราคาคืนละ 800.- (สำหรับ2คน) คนที่3เพิ่มอีก 400.-
ที่นี่ตั้งอยู่บนถนนคนเดินเลยค่อนข้างสะดวก เพราะรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ร้านเช่ารถ เซเว่น
ตกกลางคืนก็ออกมาเดินถนนคนเดินได้ชิวๆ ถ้าอยากไปเที่ยวตามที่ต่างๆก็เช่ามอเตอไซต์ขับไปได้สบายๆ ราคาก็ขึ้นอยู่กับรุ่นและccรถนะ
เกือบๆ4โมงเย็นเราเดินจากที่พักไปกินส้มตำหน้าอำเภอ ที่ใครๆก็ว่าอร่อย เราก็ด้วยแหละ
ส่วนตัวเรามาปายกี่ครั้งก็ต้องมากินทุกครั้งนะ หน้าร้านส้มตำจะมีร้านขนมบ้าบิ่นเจ้าอร่อยด้วยนี่ก็ห้ามพลาดเลย!
ตกดึกเราหยิบเสื้อแขนยาว เพราะอากาศเริ่มจะเย็นละ เราก็ลงมาเดินถนนคนเดิน สองข้างทางรายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆนาๆ
ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของฝาก งานอาร์ต คาเฟ่เล็กๆน่ารักๆดนตรีสดเพราะๆ...
เราหาของกินพออิ่มท้องแล้วขึ้นที่พักเตรียมออกไปนอนดูฝนดาวตกด้านนอก...
*โชคดีช่วงที่เราไปมีฝนดาวตก อยู่ปายแสงในเมืองจะไม่สว่างเท่าไหร่ ถ้าอยู่บ้านคงไม่เห็นแน่ๆ แสงสีในเมืองสว่างจ้าเลย
4ทุ่มกว่าเราก็ออกมาดูฝนดาวตก เห้ยยย! เห็นชัดมากเห็นเป็น10กว่าดวง ฟินเลยคืนนั้น55555
[CR] : หนาวนี้ แบกเป้ขึ้นเชียงใหม่กันเถอะ!!!
ที่ที่เราไปก็มี อ่างขาง,แม่กำปอง,ปาย รายละเอียดก็อาจจะยาวไปนิดนึง
...ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวฝากกระทู้ด้วยนะคะ...
( วันแรก 11.12.2015 )
5ทุ่ม เรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ ด้วยความเหนื่อยและง่วงมาก เลยใช้บริการลีโม่ให้ไปส่งที่ที่พัก
พิกัดคือนิมมานซอย13 ในราคา 160.- เราเลือกพักที่โรงแรม Hug Nimmarn เพราะค่อนข้างอยู่ในทำเลที่สะดวก
ห้อง Superior ราคาคืนละ 1,400.- สำหรับ2คน หาก extra ก็เพิ่มอีก600.- รวมอาหารเช้าแล้ว
ตัดภาพ! ดูนาฬิกาจะตี1เฉยยย รีบนอนๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปอ่างขางกันต่อออ...
( วันที่สอง 12.12.2015 )
06:00 น. เราก็รีบไปอาบน้ำเก็บของ ลงไปกินอาหารเช้า และก็เช็คเอ้าท์ ออกจากที่พัก
ไปหาโบกรถสองแถวแดงไปลงที่คิวรถช้างเผือก เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปอ.ฝาง พอถึงคิวรถช้างเผือก
เราก็เดินไปที่วินรถตู้ที่ไปอ่างขาง ค่าโดยสารคนละ150.- ระยะเวลาจากขนส่งช้างเผือกไปยังวัดหาดสำราญ
(ปากทางเข้าดอยอ่างขาง) ใช้เวลาราวๆ3ชั่วโมง
ตัดภาพมา! ถึงปากทางขึ้นดอยอ่างขางแล้วว
*เราติดต่อคุณคำใสไว้ให้มารับขึ้นไปที่พักและพาเที่ยวด้านในโครงการหลวงสวนเกษตรดอยอ่างขาง
คุณคำใสจะพาเราเที่ยวทั้งรอบในและรอบนอกดอยอ่างขางเลย รวมถึงทุกที่ที่เราอยากจะไป
คุณคำใสเป็นคนพื้นที่อ.ฝาง บริการดีมากและพูดจาดีมาก กิริยาท่าทางมารยาทดี แถมยังใจดีด้วย
ระหว่างทางก็พูดคุยกัน เรากังวลและมีคำถามที่ยังจัดการกับเวลาไม่ได้ พี่เค้าบอกเลยว่าไม่ต้องเป็นห่วงครับ
เดี๋ยวจะดูแลเป็นอย่างดี ระยะเวลาจากวัดหาดสำราญ (ปากทางขึ้นดอย) ขึ้นไปยังที่พักก็ราวๆ45-50นาที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดภาพมา! อ๊ะะ ถึงที่พักแล้ววว
คุณคำใสส่งเราที่หน้าที่พักเพื่อให้เก็บสัมภาระและยังแนะนำร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันให้อีกด้วย
ร้านถิงถิงจะอยู่ตรงข้ามกับอ่างขางวิลล่า
*ที่พักของเราชื่อ อ่างขางวิลล่า อยู่บริเวณบ้านคุ้มลองเสิทหากันในกูเกิ้ลนะ
ตอนเราไปราคาแอบแรงอาจเป็นเพราะเข้าช่วงไฮแล้วก็เป็นได้
พอทำธุระเสร็จก็โทรหาคุณคำใส ให้มารับไปเที่ยวด้านในของโครงการหลวงกัน
วันแรกคุณคำใสจะพาเราไปที่สวน๘๐ จะเป็นส่วนของสวนดอกไม้นานาชนิด สวนผักต่างๆนาๆ
รวมไปถึงตัวที่ทำการอุทยานที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักในตัวโครงการ และเป็นที่รับประทานอาหารเช้า-เย็นอีกด้วย
(หากใครที่อยากจะดินเนอร์ภายในโครงการหลวง เขาก็มีบริการสำหรับบุคคลภายนอกด้วยนะ ราคาคนละ 300บาท)
ส่วนที่ถัดไปเป็นแปลงบ๊วย ตอนเราไปยังเห็นแต่ดอก
และที่สุดท้ายคือแปลงผัก ผักสลัดนาๆชนิดถูกปลูกไว้ที่นี่แหละ
เราใช้เวลาเที่ยวชมในส่วนของโครงการหลวงราวๆ 2-3ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 16:00 น. คุณคำใสเลยพาเราเข้าที่พักก่อน
แล้วจะมารับเราอีกทีตอน6โมงเย็น เพื่อเข้าไปทานอาหารเย็นในโครงการหลวง อาหารเย็นจะเป็นแบบบุปเฟ่ มีทั้งอาหารพื้นเมือง
บาบีคิว ผลไม้ สลัดผัก ทุกอย่างถือว่ารสชาติดี วัตถุดิบสดใหม่ ผักนี่กรอบทุกใบ มะเขือเทศกัดไปนี่แบบกรุบชุ่มฉ่ำ
300บาทถือว่าไม่แพงน้าาา ถ้าเทียบกับความหลากหลายและรสชาติของอาหาร กินได้ไม่อั้นเลยยย.
20:00 น. เราออกมาเดินตลาดย่อมๆ บริเวณหน้าบ้านคุ้ม ที่จะมีชาวบ้านพื้นเมืองออกมานั่งแบกะดินขายของจุกจิก
เป็นแนวยาวตลอดสองฝั่ง เดินเสร็จก็เข้าที่พักนอนดีกว่าา...
( วันที่สาม 13.12.2015 )
06:00 น. คุณคำใสมารอรับเราที่หน้าที่พัก เพื่อจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวม่อนสน
(คุณคำใสบอกว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของดอยอ่างขางแล้ว) ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่หากใครมาดอยอ่างขางแล้วไม่มาถือว่ามาไม่ถึง
และยังเป็นลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนอนดูดาวท้าลมหนาวอีกด้วย
ส่วนอากาศวันนี้คุณคำใสบอกอยู่ที่5องศาจ้า หนาวมากก พูดทีควันออกปากที มือแข็งไปหมด
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นช้าจัง...แต่ดีที่เมฆหมอกไม่หนาไม่งั้นเราอาจไม่เห็นไข่แดงแน่ๆ
พอถ่ายรูปกันพอใจแล้ว คุณคำใสพาเราไปที่ไร่ชา2000 หรือแปลง๒๐๐๐ นั่นเอง ที่นี่สวยมากกกก หนาวมาก
อุณภูมิอยู่ที่5องศา ไร่ชาที่นี่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ต้นชาไล่ระดับกันเป็นขั้นบันใดลดหลั่นกันไปตามพื้นที่
จากไร่ชา2000 เรามาโผล่กันที่ไร่สตรอเบอรี่ ที่นี่มีให้ชมอย่างเดียวนะไม่มีให้ชิม ฮ่าๆๆ
แต่คุณคำใสก็ไปเสาะหามาให้เราชิมแบบฟรีๆได้ คุณคำใสบอกว่าไม่ต้องล้างให้กินเลยเพราะถ้าล้างจากหวานมันจะกลายเป็นเปรี้ยว...
อ่ะๆไม่ล้างๆ คลุกฝุ่นคลุกดินปัดๆเอาก็หมดเนาะ... เห้ยจริงหวะ! คือหวานสดชื่นมากกก
เลยลองเอาน้ำล้างบ้างปรากฎว่ามีรสอมเปรี้ยวอย่างที่คุณคำใสบอกจริงๆ แต่ถ้าใครอยากชิมก็ไปขอซื้อที่กระต๊อบด้านบนได้
มีคุณยายขายอยู่ แต่จะเป็นลูกที่มีตำหนิ ช้ำบ้างเปรี้ยวบ้าง บางลูกมีเน่านิดหน่อย ราคาถุงละ 100.-
12:00 น. คุณคำใสพาเราลงมาส่งที่คิวรถตู้กลับเชียงใหม่ จ่ายเงินบอกลาหากมีโอากาสกลับมาอีกจะใช้บริการอีกแน่นอนค่ะ
15:00 น. รถตู้พาเรามาส่งถึงคิวรถช้างเผือก เราไม่รอช้ารีบเดินไปหารถแดงที่จะไปกาดหลวง(ตลาวโรรส) เพื่อจะหารถไปแม่กำปอง
จากการสอบถามที่พักและคนในตลาดก็ได้ความว่ารถที่จะไปถึงเลยหนะมันไม่มี มีเพียงเส้นทางดอยสะเก็ด ซึ่งก็ไม่ถึงจุดหมายเราอยู่ดี
และด้วยเวลาที่ค่อนข้างเย็นมากแล้วเลยตัดสินใจเหมารถแดงที่ทางที่พักแนะนำมา ไป-กลับ ราคา1,800 ถึงที่พักเวลาเกือบๆ6โมงเย็น
(เราพักที่ สำราญชนโฮมสเตย์ ราคาคนละ 650.- รวมอาหารเช้า-เย็น)
เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ออกมาจิบชาร้าน Y-line café คาเฟ่น่ารักๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับโฮมสเตย์
แต่...เนื่องจากวันนี้เรามาถึงกันเย็นมากแล้วเลยไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆต่อ กินข้าวเย็นแล้วอาบน้ำนอนเนอะ..
พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าเดินทางไปปายต่อ *อาหารเย็นที่นี่เป็นอาหารชาวบ้านๆ อร่อยมากกกกก กินไม่อิ่มก็เติมได้
( วันที่สี่ 14.12.2015 )
06:00 น. ลุกมาดื่มด่ำความสดชื่น สูดอากาศดมกลิ่นอายของธรรมชาติกันหน่อยยย
ออกมาจากห้องปุ้ป โห่หนาวมากจ้า ควันออกปากอีกแล้ว แต่อากาศก็สดชื่นมาก มองดูต้นไม้ ลำธารน้ำตก ฟังเสียงลมเสียงนก
ใครที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ เราขอแนะนำหมู่บ้านแม่กำปองเลย คือตอบโจทย์ความเป็นธรรมชาติมาก โคตรดีโคตรใช่
หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำและเก็บของ ไปกินอาหารเช้ากันนน อาหารเช้านี้เป็นข้าวต้ม อร่อยอีกละ555555 เติมได้ตลอดด้วย
กินเสร็จเราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวที่พัก
และก็แวะดื่มชาเขียวร้อนที่ร้านชมนก ชมไม้ระหว่างรอเวลากลับ
10:00 น. ออกเดินทางกลับไปอาเขต เพื่อไปต่อรถไปยังจุดหมายต่อไป...เราได้จองตั๋วไปปายของเปรมประชาไว้แล้ว
เพียงแค่เอาสลิปมายื่นรับตั๋วที่อาเขต ค่าโดยสารคนละ 150.- แล้วเราก็ซื้อตั๋วขากลับเลย
จากอาเขตใช้เวลาเดินทางไปปายราวๆ3 ชม. ช่วงที่เราไปถนนเกือบจะตลอดเส้นทางกำลังก่อสร้างทำทางใหม่อยู่
เลยทำให้ถึงที่หมายช้ากว่าเวลาที่คิดไว้บ้าง เรามาถึงปายเกือบๆบ่าย2 ไม่รอช้ารีบเดินตรงดิ่งไปเช็คอินที่พักก่อนเลย
*เราพักที่ เฮือนสราญ เกสเฮ้าส์ ราคาคืนละ 800.- (สำหรับ2คน) คนที่3เพิ่มอีก 400.-
ที่นี่ตั้งอยู่บนถนนคนเดินเลยค่อนข้างสะดวก เพราะรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ร้านเช่ารถ เซเว่น
ตกกลางคืนก็ออกมาเดินถนนคนเดินได้ชิวๆ ถ้าอยากไปเที่ยวตามที่ต่างๆก็เช่ามอเตอไซต์ขับไปได้สบายๆ ราคาก็ขึ้นอยู่กับรุ่นและccรถนะ
เกือบๆ4โมงเย็นเราเดินจากที่พักไปกินส้มตำหน้าอำเภอ ที่ใครๆก็ว่าอร่อย เราก็ด้วยแหละ
ส่วนตัวเรามาปายกี่ครั้งก็ต้องมากินทุกครั้งนะ หน้าร้านส้มตำจะมีร้านขนมบ้าบิ่นเจ้าอร่อยด้วยนี่ก็ห้ามพลาดเลย!
ตกดึกเราหยิบเสื้อแขนยาว เพราะอากาศเริ่มจะเย็นละ เราก็ลงมาเดินถนนคนเดิน สองข้างทางรายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆนาๆ
ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของฝาก งานอาร์ต คาเฟ่เล็กๆน่ารักๆดนตรีสดเพราะๆ...
เราหาของกินพออิ่มท้องแล้วขึ้นที่พักเตรียมออกไปนอนดูฝนดาวตกด้านนอก...
*โชคดีช่วงที่เราไปมีฝนดาวตก อยู่ปายแสงในเมืองจะไม่สว่างเท่าไหร่ ถ้าอยู่บ้านคงไม่เห็นแน่ๆ แสงสีในเมืองสว่างจ้าเลย
4ทุ่มกว่าเราก็ออกมาดูฝนดาวตก เห้ยยย! เห็นชัดมากเห็นเป็น10กว่าดวง ฟินเลยคืนนั้น55555