จากจุดเริ่มต้น ของการทำรีสอร์ตเล็กๆจนถึงวันนี้ 3 ปี กับการลงมือทำลองผิดลองถูก คิด ลงมือทำ ห้องพัก สวน ล้วนแล้วเกิดจากความฝัน ความตั้งใจ รู้ว่าจุดบกพร่องมีเยอะ แต่ก็พยายามปรับปรุงแก้ไข ค่อยๆปรับเพราะเราไม่ได้มีเงินทุนมากมายอะไร
ในส่วนของ Reception ตอนแรกที่ตั้งใจอยากจะให้เป็นร้านกาแฟ และรับรองลูกค้ารีสอร์ต แต่แค่ความฝัน ความคิด มันไม่ได้เป็นแบบนั้นในโลกความจริง
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 1 ปรับเปลี่ยนร้านกาแฟเป็นร้านอาหาร ช่วงแรกเป็นอาหารง่ายๆ ช่วงนั้นกระแส ส้มตำถาดมา เราก็ลองจัดอาหารตามกระแสดู ก็พอขายได้. แต่ก็มี ปัญหาเรื่องแม่ครัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 2 ปรับเปลี่ยนเมนู ยุโรป ตามพ่อครัว ขายได้ แต่พ่อครัวก็มีภาระกิจ ความจำเป็นที่ต้องกลับไปดูแลที่บ้าน เคว้งอยู่พักหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ปรับเปลี่ยนเมนูตามพ่อครัว เป็นเมนูไทยซีฟู้ด และกระแสบุฟเฟต์ ใน กทม กำลังมา ก็เลยเปิดขายบุฟเฟต์ด้วย ลูกค้ารู้จักและชื่นชิบในรสชาตน้ำจิ้ม แต่ ก็ไปต่อไม่ได้เนื่องจากพ่อครัว มีภาระกิจ
การปรับเปลี่ยนครั้งที่ 4 ปรับเมนูอาหารไทยจีน กับพ่อครัวที่มีผู้ช่วยมาด้วย แต่ก็ร่วมงานกันได้แค่ 2 วัน ใจเราไม่ตรงกันก็เลยแยกย้าย
การปรับเปลี่ยนครั้งที่ 5 ปรับเมนู อาหารไทยซีฟู้ด กับพ่อครัวและคู่หูที่น่ารัก รสชาตอาหารอร่อย อาหารออกเร็ว ขยัน แต่ก็เจอปัญหาเรื่องสุขภาพของพ่อครัว ก็เลยให้ไปพักรักษาตัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 6 เป็นพ่อครัวที่ได้ใจสุดๆเพราะมาช่วยแบบกะทันหัน มาถึงปุ๊ป ไม่ได้คุยกันเลย เจองานด่วน จริงๆก็ไม่ด่วนหรอกแต่เราพลาดเราลืมเอง เพราะคิดหลายอย่าง พ่อครัวคนนี้ทำได้ดี ใสใจอาหาร ตกแต่งเน้นความสวยงาม แต่ที่รีสอร์ตของเรา มันคงเล็กไปและไม่มีเครื่องมือหรืออะไรที่จะให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาฝีมือ เราอยากเห็นแก่ตัว ยื้อไว้ แต่ก็ไม่กล้า
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 7 ด้วยเวลาทีบีบที่ต้องให้พ่อครัวเดิมได้ก้าวออกไปสานฝันและเรียนรู้ฝึกวิทยายุทธ มีแม่ครัวเดินเข้ามาจอสมัครงาน ตอนนั้นเราก็ไม่อยากอะไรมาก ก็รับเลย แต่อาหารโดนลูกค้าตำหนิ แม้แต่ตัวเราก็ว่าไม่ผ่าน ก็มีการคุยกัน ว่าไม่ผ่าน แต่ให้เวลาตั้งตัวหางาน เพราะเขามีภาระที่ต้องรับผิดชอบเยอะ
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 8 ตัดสินใจให้พ่อครัวคนเดิมที่ให้กลับไปรักษาตัวกลับมา เพราะเรารับปากไว้ว่า ถ้าไปรักษาตัวหายแล้วไม่ว่าเราจะมีพ่อครัวคนใหม่เราก็จะรับเขาเข้าทำงาน การกลับมาครั้งนี้ของเขาเรารู้สึกอุ่นใจ อบอุ่นและคิดว่าคงมีพ่อครัวที่ใจตรงกับเราและครอบครัวในรีสอร์ตของเราแล้ว แต่ก็ด้วยร่างกายที่ยังไม่หายดี พี่เขาก็ป่วยอีกครั้ง เราก็ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไร แต่ใจตอนนั้นมัน ชา มึน สับสน เหนื่อย ท้อ
ก็เลยตัดสินใจติดต่อเชฟอีกท่าน ที่เคยคุยและรู้จักกันให้เข้ามาช่วยจนกว่าจะหมดงานจัดเลี้ยงที่รับจองไว้ ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
การเปลี่ยนแปลงๆทุกๆครั้งเราเสียใจ แต่ครั้งนี้ ณ. ตอนนี้มันมากกว่าคำว่าเสียใจ เราคิดทบทวนและย้อนมองดูตัวเอง เราไม่ดี เราผิด เราพลาดตรงไหน หรือเราไม่ควรจะเดินบนสายอาชีพร้านอาหารแล้ว ทำไม แค่ เวลา 2 ปีของการทำร้านอาหารเราถึงเปลี่ยนพ่อครัว ได้มากมายขนาดนี้
เป็นเพราะเรามีแค่ความอยาก แต่ไม่มีความรู้
แค่อยาก ที่อยากจะให้รีสอร์ตเรามีอาหารให้ลูกค้าที่มาพักได้นั่งทาน ลูกค้าภายนอกที่อยากจะมานั่งร้านอาหารบรรยากาศชิลๆมีเสียงน้ำมีสนามหญ้า มีต้นไม้ธรรมชาติที่หาได้ไม่ไกล ในเมืองที่มีแต่โรงงาน การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ
เราคงไม่ได้ไปต่อ กับสายงานอาชีพนี้แล้ว มั้ง ไม่อยากผิดหวัง เสียใจ และมองคนที่จากไป อีกแล้ว...
เมื่อความฝัน ความจริง ดวง กับการทำร้านอาหารต้องเลือกและตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือหยุด?
ในส่วนของ Reception ตอนแรกที่ตั้งใจอยากจะให้เป็นร้านกาแฟ และรับรองลูกค้ารีสอร์ต แต่แค่ความฝัน ความคิด มันไม่ได้เป็นแบบนั้นในโลกความจริง
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 1 ปรับเปลี่ยนร้านกาแฟเป็นร้านอาหาร ช่วงแรกเป็นอาหารง่ายๆ ช่วงนั้นกระแส ส้มตำถาดมา เราก็ลองจัดอาหารตามกระแสดู ก็พอขายได้. แต่ก็มี ปัญหาเรื่องแม่ครัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 2 ปรับเปลี่ยนเมนู ยุโรป ตามพ่อครัว ขายได้ แต่พ่อครัวก็มีภาระกิจ ความจำเป็นที่ต้องกลับไปดูแลที่บ้าน เคว้งอยู่พักหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ปรับเปลี่ยนเมนูตามพ่อครัว เป็นเมนูไทยซีฟู้ด และกระแสบุฟเฟต์ ใน กทม กำลังมา ก็เลยเปิดขายบุฟเฟต์ด้วย ลูกค้ารู้จักและชื่นชิบในรสชาตน้ำจิ้ม แต่ ก็ไปต่อไม่ได้เนื่องจากพ่อครัว มีภาระกิจ
การปรับเปลี่ยนครั้งที่ 4 ปรับเมนูอาหารไทยจีน กับพ่อครัวที่มีผู้ช่วยมาด้วย แต่ก็ร่วมงานกันได้แค่ 2 วัน ใจเราไม่ตรงกันก็เลยแยกย้าย
การปรับเปลี่ยนครั้งที่ 5 ปรับเมนู อาหารไทยซีฟู้ด กับพ่อครัวและคู่หูที่น่ารัก รสชาตอาหารอร่อย อาหารออกเร็ว ขยัน แต่ก็เจอปัญหาเรื่องสุขภาพของพ่อครัว ก็เลยให้ไปพักรักษาตัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 6 เป็นพ่อครัวที่ได้ใจสุดๆเพราะมาช่วยแบบกะทันหัน มาถึงปุ๊ป ไม่ได้คุยกันเลย เจองานด่วน จริงๆก็ไม่ด่วนหรอกแต่เราพลาดเราลืมเอง เพราะคิดหลายอย่าง พ่อครัวคนนี้ทำได้ดี ใสใจอาหาร ตกแต่งเน้นความสวยงาม แต่ที่รีสอร์ตของเรา มันคงเล็กไปและไม่มีเครื่องมือหรืออะไรที่จะให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาฝีมือ เราอยากเห็นแก่ตัว ยื้อไว้ แต่ก็ไม่กล้า
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 7 ด้วยเวลาทีบีบที่ต้องให้พ่อครัวเดิมได้ก้าวออกไปสานฝันและเรียนรู้ฝึกวิทยายุทธ มีแม่ครัวเดินเข้ามาจอสมัครงาน ตอนนั้นเราก็ไม่อยากอะไรมาก ก็รับเลย แต่อาหารโดนลูกค้าตำหนิ แม้แต่ตัวเราก็ว่าไม่ผ่าน ก็มีการคุยกัน ว่าไม่ผ่าน แต่ให้เวลาตั้งตัวหางาน เพราะเขามีภาระที่ต้องรับผิดชอบเยอะ
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 8 ตัดสินใจให้พ่อครัวคนเดิมที่ให้กลับไปรักษาตัวกลับมา เพราะเรารับปากไว้ว่า ถ้าไปรักษาตัวหายแล้วไม่ว่าเราจะมีพ่อครัวคนใหม่เราก็จะรับเขาเข้าทำงาน การกลับมาครั้งนี้ของเขาเรารู้สึกอุ่นใจ อบอุ่นและคิดว่าคงมีพ่อครัวที่ใจตรงกับเราและครอบครัวในรีสอร์ตของเราแล้ว แต่ก็ด้วยร่างกายที่ยังไม่หายดี พี่เขาก็ป่วยอีกครั้ง เราก็ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไร แต่ใจตอนนั้นมัน ชา มึน สับสน เหนื่อย ท้อ
ก็เลยตัดสินใจติดต่อเชฟอีกท่าน ที่เคยคุยและรู้จักกันให้เข้ามาช่วยจนกว่าจะหมดงานจัดเลี้ยงที่รับจองไว้ ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
การเปลี่ยนแปลงๆทุกๆครั้งเราเสียใจ แต่ครั้งนี้ ณ. ตอนนี้มันมากกว่าคำว่าเสียใจ เราคิดทบทวนและย้อนมองดูตัวเอง เราไม่ดี เราผิด เราพลาดตรงไหน หรือเราไม่ควรจะเดินบนสายอาชีพร้านอาหารแล้ว ทำไม แค่ เวลา 2 ปีของการทำร้านอาหารเราถึงเปลี่ยนพ่อครัว ได้มากมายขนาดนี้
เป็นเพราะเรามีแค่ความอยาก แต่ไม่มีความรู้
แค่อยาก ที่อยากจะให้รีสอร์ตเรามีอาหารให้ลูกค้าที่มาพักได้นั่งทาน ลูกค้าภายนอกที่อยากจะมานั่งร้านอาหารบรรยากาศชิลๆมีเสียงน้ำมีสนามหญ้า มีต้นไม้ธรรมชาติที่หาได้ไม่ไกล ในเมืองที่มีแต่โรงงาน การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ
เราคงไม่ได้ไปต่อ กับสายงานอาชีพนี้แล้ว มั้ง ไม่อยากผิดหวัง เสียใจ และมองคนที่จากไป อีกแล้ว...