[CR] ตามไปเที่ยว >> ดินแดนในจินตนาการ งานศิลป์แกะสลักที่ Woodland เมืองไม้ (เมืองไม้ แฟนตาซี)


“เมืองไม้” ชื่อนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาจากไหน…รู้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของ จ.นครปฐม ลุงยิ้มก็ไม่ได้สนใจมากนัก “คงเป็นที่จัดแสดงผลงานการแกะสลักไม้ของคนท้องถิ่น ในบรรยากาศแบบมืดๆ ทึมๆ ไม่น่าจะมีอะไรละมั้ง” จนเมื่อเร็วๆ นี้ ผมเห็นชื่อนี้อีกครั้ง ถูกโปรโมทอยู่ในหนังสือชื่อ “12 เมืองต้องห้าม(พลาด)Plus” คราวนี้ผมเริ่มสนใจมากขึ้น และรู้ชื่อของที่นี่จริงๆ ว่า “วู้ดแลนด์เมืองไม้” วันหนึ่งผมได้ขับรถไป จ.นครปฐม สายตาก็ได้ไปปะทะป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ จำข้อความได้แค่ว่า “เมืองไม้ แฟนตาซี” แหม...พอเติมคำว่าแฟนตาซีเข้ามา ช่างกระตุกต่อมความอยากรู้เสียจริงๆ ชักอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร และเพื่อให้ผมได้คิดฟุ้ง จินตนาการไปเรื่อย ทริปนี้จึงไม่ได้ควานหาข้อมูลมาก่อนเลย ไปลุ้นเอาที่หน้างานดีกว่า

สถานที่ / ที่อยู่ : วู้ดแลนด์ เมืองไม้ (Woodland Muangmai) 15 หมู่ 4 ต. ดอนแฝก อ. นครชัยศรี จ. นครปฐม
โทรศัพท์ : 034-265-330
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.woodlandmuangmai.com และ https://www.facebook.com/woodlandmuangmai


การเดินทางมาที่นี่ จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถ้าวิ่งเส้น ถ.เพชรเกษม ทางที่มุ่งหน้ามา จ.นครปฐม จะเจอ อ.นครชัยศรีก่อน ให้เลี้ยวขวาขึ้นสะพานมาตามป้าย ขับตรงจนถึง 3 แยก ให้เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ พอถึงแยกทางเข้าวัดสำโรงให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับไปตามป้ายบอกทางเลยครับ  อีกเส้นทางหนึ่งอาจจะลัดเลาะมาเส้น ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ผ่านตลาดศาลายาก็ได้ ไม่มั่นใจเส้นทางเปิด Google Map ตามไปเลยครับ (GPS : N 13.858157 E 100.21858)

ผมมาถึงที่นี่ตอนบ่าย 2 โมง พร้อมขบวนรถโค้ช...รถแบบว่าใหญ่กว่ารถบัสอีก ทั้งหมด 3 คัน เรียงตามกันมา ฝุ่นตลบ อย่างกับดรายไอซ์ เสมือนฉากเปิดตัวของกลุ่มเยาวชนที่กำลังก้าวลงมาจากรถ “ทำไมต้องมาเวลาเดียวกันด้วยหล่ะเนี่ย กลุ่มหลักร้อยคนอย่างนี้ ต้องวุ่นวายแน่ๆ” หลังจากแอบบ่น และฝ่าดรายไอซ์ละอองฝุ่น ผมก็มาถึงทางเข้า ราคาตั๋วสำหรับผู้ใหญ่คนละ 300 บาท ช่วงนี้มีโปรโมชั่น ลดเหลือ 200 บาท (ขอใส่รูปอมยิ้มนิดนึง) ยิ้ม ... ตอนนี้หูผมเริ่มผึ่ง เหมือนได้ยินคนพูดภาษาจีน นั่นไง! ทัวร์จีนก็มี  เฮ้อ...คงไม่ได้ละเมียดละไมกับงานศิลป์เท่าไรนัก

เข้ามาด้านในจะเห็นว่ากว้างขวาง ว่ากันว่ามีทั้งหมดกว่า 100 ไร่ ทั้งส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ และรีสอร์ทที่พัก ผมเริ่มจากอาคารไม้ 2 ชั้นแบบเปิดโล่ง ไม่มีฝาผนัง จัดแสดงงานแกะสลักทั่วๆ ไป เช่น รากไม้ขนาดใหญ่ โต๊ะไม้ ม้าไม้ รวมถึงแกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิม พระพรหม และพระพิฆเนศ เป็นต้น



จากนั้นเดินตรงไปตามทางเดินสู่อาคารไม้หลังที่ 2 เหมือนเป็นบ้านคนมีขนาดใหญ่พอสมควร ส่วนนี้จะเรียกว่า “นิทานเมืองไม้”


พอเปิดประตูเข้าไปทำให้ผมถึงกับชะงักเหมือนกัน “หูย...มีแสง สี เสียงด้วย” จัดแสดงงานเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ และแถมติดแอร์ทั้งหลังอีก ชอบจริงๆ เลย ภายในนี้จะจัดแสดงออกเป็นห้องๆ ตามเรื่องราวของ “นิทานเมืองไม้”

“มาถึงตอนนี้ลองหลับตาแล้วจินตนาการกันนะเด็กๆ…เรากำลังเดินตามเส้นทางการผจญภัยของปู่สัก ซึ่งเป็นมนุษย์ต้นไม้ โดยเราจะต้องผ่านดินแดนพิศวงอย่างเมืองไม้ เพื่อไปสู่อาณาจักรของผู้ที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา” … ถ้าพร้อมแล้ว…ก็ลืมตาขึ้นครับ ไปดูภาพกัน
การเล่าเรื่องเริ่มจากห้องที่ 1 “รากไม้” (Rootstock Room, The Beginning) เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต ซึ่งผมได้ผ่านมาแล้วตอนที่เข้าสู่อาคารหลังแรกที่ด้านล่างเป็นรากไม้ขนาดใหญ่ ตอนนี้ที่อาคารหลังที่ 2 กำลังดำเนินเรื่องเป็นห้องที่ 2 มีชื่อว่า “สัตว์ป่า” (Wildlife Room) ในนี้มีการแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ทั้ง นกฮูก ช้าง แรด สิงโต นกอินทรีย์ ลิง ไก่ กวาง อยู่ระหว่างทางเดิน



จากนั้นจะผ่านประตูเข้าไปยังห้องที่ 3 มีชื่อว่า “ชาวเมืองไม้” (Woodsmen Room) ที่ปู่สักของเราแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในนี้มีไม้แกะสลักเป็นรูปคนอยู่หลายตัวบนพื้นหินศิลาแลง มีการเล่นแสงสีบริเวณที่เป็นรูปองค์พระพรหม ในภาพรวมของห้องนี้จัดแสดงผลงานศิลปะแบบเขมร มีรูปติดผนังที่เป็นนครวัดด้วย ถ้าเดินเข้ามืดๆ คนเดียวมีขนลุกซู่แน่ๆ รีบไปห้องต่อไปกันดีกว่า


ห้องที่ 4 “ถ้ำพญานาค” (Dragon Cave Room) ตอนนี้ปู่สักของเราต้องให้พญานาคเปิดทางให้ถึงจะเดินทางต่อไปได้ ก็ตามชื่อห้องครับในนี้จะเห็นรูปพญานาคขนาดใหญ่เล็กอยู่เต็มไปหมด ผมชอบไอเดียที่เค้านำเศษไม้สี่เหลี่ยมท่อนเล็กๆ มาทำเป็นเพดานและพื้นตะปุ่มตะป่ำ


หลังจากพญานาคเปิดทางให้แล้ว ก็ต้องผจญภัยในห้องต่อไปซึ่งเป็นห้องที่ 5 มีชื่อว่า “โลกใต้บาดาล” (Abyss Room) ฝูงปลาและสัตว์น้ำทั้งหลายกำลังว่ายไปมา ยิ่งมีเทคนิคการใช้ภาพเคลื่อนไหวของน้ำสีฟ้าย้อมฉากหลังโดยเครื่องโปรเจ็คเตอร์ก็ทำให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น ผมชอบจนต้องถ่ายรูปคู่กับฉากปลานี้ด้วย



หลังจากปู่สักของเราอยู่โลกใต้น้ำจนไม้เริ่มเปื่อยแล้วก็มาถึงห้อง “เทวาณฤมิตร” (Twilight Room) ซึ่งเป็นห้องที่ 6 ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่รอยต่อระหว่างความจริงกับความเชื่อ ในห้องนี้ชอบการตกแต่งเพดานด้วยผ้าจับเป็นลอนสีขาวเรียงเต็มไปหมด ไฮไลท์อยู่ที่งานแกะสลักขนาดใหญ่จากรากไม้เทพธาโรแบบชิ้นเดียวไม่มีการต่อ ดูวิจิตรบรรจงมากๆ ถ่ายทอดเป็นเรื่องราวของพุทธประวัติ ร่วมกับชาดกรามเกียรติ์


“ถอดรองเท้าด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกพร้อมยื่นถุงรูดเชือกให้สำหรับใส่รองเท้า ตอนนี้ผมกำลังขึ้นบันไดไปยังชั้น 2

“ถึงแล้ว…ดินแดนอาณาจักรของผู้สร้างจักรวาลนี้” ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดหมาย ซึ่งเป็นห้องที่ 7 มีชื่อเรียกว่าห้อง “ฮินดู” (Hindu Room) ส่วนใหญ่เป็นการแกะสลักรูปเทพเจ้าศิลปะแบบฮินดู



หลังจากเดินทางมาส่งปู่สักของเราแล้ว ผมเดินต่อเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นห้องที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีศิลปะแบบพม่าและของไทย มีบุษบกใหญ่อยู่กลางห้อง พร้อมเสียงอื้ออึงของคณะนักเรียน “เดี๋ยวเราต้องรีบไปห้องต่อไปนะค่ะ เพราะว่าจะมีอีกกลุ่มตามมาแล้วค่ะ” วิทยากรพูดใส่โทรโข่งบอกเด็กๆ




ในที่สุดก็มาห้องสุดท้ายของอาคารหลังนี้ นั่นคือห้องคริสต์ครับ ตกแต่งเป็นโถงใหญ่มีรูปแกะสลักจำนวน 14 ภาพ รวมถึงชิ้นงานไฮไลท์เป็นรูปแกะสลัก “ปิเอตา” (Pieta) ที่พระแม่มารีประคองร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน สร้างสรรค์ผลงานโดย Mr. Dante D Valdellon ศิลปินชาวฟิลิปปินส์ ผมว่าห้องคริสต์นี้แหละทำให้ผมได้เซอร์ไพรส์จริงๆ ไม่คิดว่าที่นี่จะมีแบบนี้ด้วย ตอนนี้นักเรียนมากันเต็มห้องแล้ว พร้อมๆ กับการปิดฉากลงของพลังงานแบตเตอรี่กล้อง "ทำไมไม่ชาร์ตแบตมานะเราเนี่ย” ผมผละประตูบานสุดท้ายออก เดินลงบันไดไปนอกอาคาร เพื่อไปเอากล้องดิจิตอลอีกตัวที่อยู่ในรถมาใช้



ไปกันต่อครับที่อาคารหลังสุดท้าย เป็นอาคารไม้หลังใหญ่สุด สร้างเสมือนเป็นโบสถ์ ที่ทางวู้ดแลนด์เมืองไม้บอกว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีรูปพระเยซูขนาดใหญ่ตรึงอยู่บนไม้กางเขน ฝีมือการแกะสลักเป็นศิลปินท่านเดียวกับห้องคริสต์ ต้องบอกว่าดูพริ้วไหว ได้ความรู้สึกมากๆ อีกฝั่งของอาคารไม้หลังนี้ เป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และผมยังได้เห็นรูปไม้แกะสลักนูนต่ำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีความสูงถึง 9.99 เมตรอีกด้วย  





บรรยากาศโดยรอบของที่นี่ดูสบายตา เพราะพื้นที่ติดกับแม่น้ำนครชัยศรี และยังมีสวนหิน และมีต้นไม้ “เบาบับ” (Baobab) ที่มีลักษณะลำต้นอ้วนตรง แล้วมีกิ่งก้านบนยอด โดยถิ่นกำเนิดอยู่ที่มาดากัสการ์ ถ้าต้นใหญ่โตกว่านี้คงจะสวย ดูแปลกตาดี


มาถึงตรงนี้แล้ว ผมขอเล่าความเป็นมาของที่นี่สักนิดครับ ว่าผลงานทั้งหมดเป็นงานสะสมส่วนตัวของครอบครัวทิวไผ่งาม ถึง 4 รุ่น รวบรวมมาจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่หาชมได้ยากรวมกว่า 2,000 ชิ้น จัดแสดงสร้างเล่าเรื่องและใช้เทคนิคสื่อผสมทำให้ดูน่าสนใจในรูปแบบแฟนตาซี นอกจากนี้ถ้ามาในช่วงหน้าหนาว อาจมีโอกาสเห็นนกปากห่างที่อพยพมาพำนักในบริเวณเมืองไม้แห่งนี้ด้วย

สรุปสั้นๆ อยากให้ไปชมกันครับ จะไปคู่ หรือไปแบบครอบครัวก็ดูกันเพลินๆ ครับ ไปชมงานศิลปะฝีมือช่างของไทยและต่างชาติกัน ถ้ามีโอกาสผมจะกลับไปพินิจความละเอียดของชิ้นงานอีกครั้งครับ และถ้าเป็นไปได้รอบหน้าขออย่าให้ได้เจอกรุ๊ปทัวร์เลย จะได้เดินดูเงียบๆ  แต่ยังไงก็ขอมีคนอื่นอยู่บ้างนะครับ ไม่อย่างนั้นคงจะวังเวงชอบกล... ยิ้ม

" เมืองไม้นี้มีงานศิลป์     เมืองเที่ยวถิ่นจินตนาการ
  เมืองสลักจักเชี่ยวชาญ  เมืองขับขานงานสุนทรีย์ "

สุดท้ายนี้ขอฝากเพจไว้ติดตาม พูดคุย หรือดูกระทู้เก่าๆ กันครับ FB : ลุงยิ้ม พันทิป => https://www.facebook.com/%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%9B-1632477510328553/

กระทู้ก่อนหน้า : ตามไปชิว >> ร้านกาแฟลึกลับใกล้กรุง "Jardin de Chaisri" http://ppantip.com/topic/34556950
ชื่อสินค้า:   woodland เมืองไม้แฟนตาซี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่