ถ้าจะว่ากันถึงหนัง Star Wars กัน ผมยังเชื่ออยู่ว่านักดูหนังไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ต้องนึกถึงมหากาพย์ภาพยนตร์ในยุด 90 ซึ่งทำออกมาเป็นไตรภาคในแบบที่ฉีกแนวหนังสงครามอวกาศทั้งหลายอย่างสิ้นเชิง Star Wars IV : A New Hope เป็นอะไรที่ทำให้วงการหนังสงครามอวกาศในสมัยนั้นเปลี่ยนรูปแบบไปเลย เหล่าอัศวินเจได กลายมาเป็นฮีโร่ของนักดูหนังอย่างเป็นวงกว้าง คนทั่วโลกรู้จัก ลอร์ดแห่งอำนาจมืด อย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ ชื่อของ ลุค สกายวอล์คเกอร์, กัปตันฮาน โซโล, เจ้าหญิงเลอา, ชิวเบ็คก้า, โอบีวัน เคโนบี้, อาจารย์โยดา, R2D2, C3PO ถูกพูดถึงติดปาก และดาบไลท์เซเบอร์ ก็กลายมาเป็นอาวุธให้เด็กๆ เล่นฟาดฟันกันพร้อมกับทำเสียง หวึ่งๆ ตลอดเวลา ซึ่งหนังได้สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ขึ้นมากมาย


เมื่อมหากาพย์ไตรภาคชุดแรกซึ่งเป็นไตรภาคที่เน้นตัวละครเอกที่กล่าวไปแล้วจบลง ซึ่งประกอบไปด้วยภาค 4 : A New Hope (1977) ภาค 5 : Empire Strike Back (1980) ภาค 6 : Return of the Jedi (1983) จอร์จ ลูคัส ใช้เวลากลั่นกรองไอเดียตัวเองถึง 16 ปี ก่อนจะปล่อยภาคกำเนิดออกมาเป็นไตรภาคอีก 1 ชุด โดยเน้นไปที่ต้นกำเนิดของตัวละครอย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ หรือ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ กับ ราชินีอมิดาล่า พ่อและแม่ของลุคและเลอา, โอบีวันวัยหนุ่ม และตัวร้ายตัวใหม่ Darth Maul กับกระบองเลเซอร์ อาวุธร้ายแบบใหม่ ภาค 1 : The Phantom Menace (1999) ภาค 2 : Attack of the Clones (2002) ภาค 3 : Revenge of the Sith (2005) ชุดนี้อาจจะไม่ได้ตรึงใจเท่าชุดแรก แต่ก็สร้างปรากฏการณ์ Star Wars ได้อีกคำรบ


ผ่านมา 10 ปีเต็ม ปรากฏการณ์ Star Wars ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อผู้กำกับ J.J. Abarms กลายมาเป็นผู้เขียนบทและกำกับไตรภาคชุดใหม่ โดยชุดนี้เป็นเรื่องราวหลังจากอาณาจักรเดิมล่มสลาย หลังจากการล่มสลายไปของสาธารณรัฐกาแลกติก จากการเข้ายึดอำนาจโดยจักรวรรดิซิธ เหล่าอัศวินเจไดและกองทัพได้ทำการฟื้นฟูรัฐกาแลกติกขึ้นมาอีกครั้ง จากการได้รับชัยชนะในการต่อต้านครั้งใหม่ แต่เมื่อเหล่าจักรวรรดิยังไม่สิ้นซาก สงครามจึงเริ่มต้นขึ้น!!


เชื่อว่าสาวก Star Wars คงไม่ต้องพูดถึงความยอดเยี่ยมของการดำเนินเรื่องของหนังชุดนี้แน่นอน เพราะทุกภาคมีการดำเนินเรื่องที่คล้ายกัน โดยหนังจะค่อยๆ เปิดเผยปริศนาทีละอย่างออกมาเรื่อยๆ ซึ่งบางอย่างก็ทำให้คนดูช็อคไปเหมือนกัน ซึ่งกับภาคล่าสุดนี้ ถึงแม้เรื่องราวมันจะเป็นของใหม่ทั้งหมด เหมือนหนังแค่ดึงเอาความเป็นแฟรนส์ชายส์ของ Star Wars มาใช้ กับตัวละครเก่านิดหน่อยเพื่อเท้าความ แต่หนังก็ยังให้ความเคารพกับ Star Wars ต้นฉบับอยู่มาก เราจะเห็นการเดินเรื่อง การแนะนำตัวละคร หรือการเฉลยเนื้อหาหนัง ยังดึงเอาความเป็น Star Wars ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงฉากหักมุมที่ถึงแม้จะพอเดาออก แต่หนังก็ทำให้คนดูอุทานออกมาว่า เชร้ดดดดดดด ได้ดังๆ หลายฉากเลยล่ะ


ฉาก CG ถือว่าเป็นตัวช่วยอย่างมากให้หนังดูสนุกยิ่งขึ้นกว่าที่มันเป็นอยู่ ฉากสงครามอวกาศ ฉากต่อสู้ ฉากกองทัพยานรบยิงถล่มกัน หนังทำออกมาได้เรียกว่า Masterpiece มากๆ และเอกลักษณ์ของ Star Wars ที่ต้องมีคือฉากดวลดาบไลท์เซเบอร์ ที่ต้องมีในทุกภาค แต่ภาคนี้ยังอ่อนอยู่ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่อย่างว่า หนังปูเรื่องไปสู่ภาคต่อของไตรภาค ก็คงต้องกั๊กอะไรเอาไว้เยอะพอสมควร


นักแสดงเอง ตัวละครเก่าอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด ที่กลับมารับบท ฮาน โซโล วัยแก่ได้อย่างดี ก็มี แครี่ ฟิชเชอร์ ในบทเจ้าหญิงเลอา ในวัยป้าที่ออกมาแล้วจำแทบไม่ได้ คนนี้ก็ยังไม่ทิ้งความเจ๋งในการแสดง นักแสดงรุ่นใหม่ในเรื่อง ซึ่งในภาคนี้เน้นอยู่สามคนคือ Daisy Ridley ที่แสดงเป็น Rey, John Boyega ในบท Finn, Adam Driver ในบท Keiro Ren ทั้งสามคนถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยเฉพาะ Daisy Ridley คนนี้สามารถแจ้งเกิดได้เลยนะ ฝีไม้ลายมือในการแสดง ถือว่าเกินตัวเลยทีเดียว


ถามว่าถ้าไม่ได้ดูภาคก่อนๆ มาจะดูรู้เรื่องมั๊ย ตอบได้เลยว่าดูสนุกแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่อินเท่าไหร่ เพราะตัวละครเก่าๆ ก็ยังคงมีความสำคัญในเรื่องราวอยู่พอสมควร อาจจะไม่ถึงขั้นว๊าววววมากเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวละครเหล่านั้น แต่ก็ยังสนุกกับเนื้อเรื่องใหม่ได้อยู่ดี


รวมๆ แล้วด้วยความเป็น Star Wars สำหรับผมเสน่ห์มันยังคงเหลือล้นอยู่ดี ทั้งในเรื่องการเล่าเรื่อง ในเรื่องตัวละคร ในเรื่องของความเป็นมหากาพย์สงครามอวกาศที่มีการวางพล็อตเรื่องที่มีปริศนาให้ค้นหาตลอดเวลา ก็ทำให้แฟนๆ Star Wars ปลื้มปริ่มจนหายคิดถึง และยังสามารถดึงกลุ่มแฟนๆ รุ่นใหม่ได้ด้วย แต่ถามว่าถึงขั้นเป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีหรือยัง สำหรับผมคงยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถามว่าเป็นหนังน่าดูแห่งปีมั๊ย ตอบเลยว่าใช่ครับ

พูดคุยเพิ่มเติมได้ครับ >>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/DooNangGunMai/