ก่อนอื่น บอกก่อนเลยนะครับว่ากระทู้นี้ เขียนเอาไว้บันทึกเรื่องราวของตัวเอง พอได้เอาไว้อ่านเล่นตอนเหงาๆ ++ Macau Hongkong แบบงงงง งมงม งวยงวย ..... เฮ้ย มันก็สวยนี่หว่า คือการเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกของเราทั้งสามคน เราทั้งสามเป็นเพื่อนมัธยมกันครับ เพราะฉะนั้น ทริปก็ง่ายๆ เป็นกันเอง ตามปะสาคนคุ้นเคย มูลเหตุเริ่มต้นของการเดินทาง ก็คือเพื่อนคนหนึ่งในทริปของพวกเราพึ่งเป็นมหาบัณฑิตหมาดๆๆ อัดอั้นตันใจที่ช่วงเรียนไม่ได้ไปไหนเลย หลังรับปริญญาเลยชวนกันออกท่องต่างดินแดนสักหน่อย โดยข้อกำหนดเราคือ เอาแบบไม่ต้องลา ราคาประหยัด สรุปคือได้ช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญ เพราะตอนแรกนึกว่า 11 ประกาศหยุด แต่ที่ไหนได้สุดท้ายเราก็ต้องได้ลา 1 วัน ส่วนสาเหตุที่ลงมาเก๊าก็มีที่มาที่ไปครับ เพราะตั๋วราคาโปรโมชั่น ที่มีไป 10 กลับ 13 ธ.ค. 2558 คือ อู่ตะเภา - มาเก๊า นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเรา
ผมกับเพื่อนทำงานโซนอีสาน เราจึงหารถที่มาถึงอู่ตะเภาเลย เราได้รถทัวร์บริษัทชาญทัวร์ครับ ค่ารถเที่ยวละ 710 บาท ออกจากต้นทางเวลา 19.30 น. ของวันที่ 9 อยากจะบอกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากเลยครับ เกือบ 8 โมง ยังไม่ถึงเป้าหมายเลย มีทั้งจอดแช่ เกลี่ยคน อะไรบ้างไม่รู้ ดีหน่อยที่ไฟท์เราออกสาย ไม่งั้นจบเห่ แน่ๆๆ
ตามแผนที่ (ขอบคุณภาพจาก google ) รถทัวร์จอดให้ผมลง โซน A ครับผม พวกเราก็ดีใจ มองไปนึกว่าอยู่หน้าทางเข้าสนามบิน เป็นอะไรที่ฟินมากเลยครับ เราลงจุดที่ 1 จากนั้นก็ข้ามถนน แล้วเดินไปจุดที่ 2 ปรากฎว่าทหารรักษาการณ์บอกว่า ไม่ใช่ตรงนี้นะน้อง อีก 2 ไฟแดง โอ้พระเจ้า เราจะไปยังไงนี่ ตอนแรกก็กะว่าจะเดินครับ เอามาจุดที่ 3 มีป้ายบอกว่า ท่าอากาศยานอีก 8 กม. 55555 ถึงกับเข้าทรุด โบกรถสิครับ
โบกอยู่พักหนึ่งคล้ายรถตุ๊กๆ จอดรับครับ เป็นรถตุ๊กๆ ชาวบ้าน ถามว่าจะไปสนามบินหรอ ให้ไปส่งไหม เราไมีมีทางเลือกครับ ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าขึ้นรถทันที
เป็นบรรยากาศที่ฟินสุดๆๆ ครับ จากรูปแผนที่รูปแรก เรานั่งรถผ่าน B พึ่งมารู้ตอนหลังว่าเข้าตรงนั้นก็ได้ครับ
อีกเส้นทางหนึ่งที่ลุงพามาคือ มาเลี้ยวซ้ายที่สี่แยก รพ. สมเด็จพระนางเจ้าฯ ไปจนกว่าจะเห็นป้าย แถวๆ จุด D เลี้ยวซ้ายเลยครับ จากนั้นก็ขับเข้าไปข้างในถึงท่าอากาศยานจุด E ครับ ลึก ซับซ้อนพอควร สำหรับคนที่ไม่เคยไป
ถ้าเห็นตรงนี้แสดงว่าคุณมาถูกที่ละครับ อาคารผู้โดยสารอีกหนึ่งหลังกำลังดำเนินการสร้างใหม่ครับ ความฝันที่จะได้อาบน้ำเช้านี้ก็หมดไป คงไว้แต่กลิ่นเต่า 555 เพื่อความสบายตัวก็เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ล้างตาสักหน่อยครับ
เวลาบินของพวกเราคือ 11.15 น. ตอนนี้พึ่ง 09.00 น. เราจึงไปโหลดกระเป๋าไว้ สันการเชคอิน เราเช็คออนไลน์มาจากบ้านแล้วครับ เราจึงออกมาหาอะไรทานกันแถวๆ สนามบิน ระหว่างทานข้าวนั้น เราก็เช็คกับเพื่อนอีกคนตลอด เพราะมีปัญหาทางเทคนิคในการเดินทางนิดหน่อย ทั้งๆ ที่ออกจากบ้านก่อน 06.00 น. มาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ท่ารถบอกว่าไม่มีรถตู้ไป สัตหีบ ต้องไป หมอชิต เพื่อนก็ไปหมอชิต ยังไม่มีคน รอตั้งนาน สุดท้ายรถออกมาแล้วมาจอดรับคนตรงที่เพื่อนไปถามหารถที่อนุฯ แบบว่าเซ็งมากครับ เพราะรถเคลื่อนจากอนุฯ 08.00 น. คิดดูว่ามันต้องมาให้ถึงสนามบินก่อนเวลาเรียกขึ้นเครื่อง 10.35 น. แบบว่าลุ้นระทึกมากๆ ครับ ปักหมุดกันตลอดทาง ในใจก็ภาวนาว่าทันๆๆๆ แต่อีกใจก็หาแผนสำรอง เข้าไปดูตั๋วไปฮ่องกง มีไฟท์เย็น ไฟท์เดียว 4500 ของเคนย่าแอร์ ขึ้นที่สุวรรณภูมิ ก็เลยโทรบอกเพื่อนว่า ถ้ามาถึงแล้วไม่ทัน ให้จองเครื่องตามไป เจอกันที่ฮ่องกง ช่วงเวลานั้นใจหายใจคว่ำ ไม่เป็นอันกินอันนั่งครับ เวลาผ่านไป 10.10 น. อีก 20 นาที จะเรียกขึ้นเครื่อง ผมมานั่งรอที่หน้าเกต (โครงสร้างของอู่ตะเภาคือ ใกล้ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง เขาถึงจะให้เข้าไป ตม. แล้วก็รอขึ้นเครื่องเลย) ทุกส่วน ทุกขั้นตอนอยู่ในอาคารเดียวกัน คนไม่แออัด ชั่วอึดใจเพื่อนโทรมาว่าถึง กม. 10 สิบแล้วกำลังจะนั่งวินเข้ามาครับ 10.17 น เพื่อนมาถึง เขียนใบ ตม เข้าไป ตม. แป๊บเดียวก็เรียกเข้า Bus gate แบบว่า ใครไม่อยู่ในสถานการณ์นั้น คงไม่รู้ว่าอารมณ์เราประมาณไหน 555 ตอนเจอกัน น้ำตาแทบจะไหล
ไปรอบนเครื่อง กัปตันประกาศดีเลย์ ว่าต้องเติมน้ำมันก็รอกันไปเกือบครึ่ง ชม. ครับ กว่าจะได้ออกจากสนามบินอู่ตะเภา กับประสบการณ์เกือบหัวใจวาย
เมฆสวยดี เลยเก็บภาพมาฝาก
ไม่แน่ใจว่าบริเวณไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็นแม่น้ำโขง ในดินแดนประเทศลาว
การเดินทางเกือบ 3 ชม. ในที่สุดเราก็ถึง อากาศดีมากเลยครับออกเย็นๆ น่าจะราวๆ 18 องศา การเข้า ตม. ที่มาเก๊า ราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องกรอกเอกสาร ตม.เสร็จ ได้แค่สลิปเล็กๆ 1 แผ่น ไม่มีการปั้มหนังสือเดินทางเลยครับ หลังจากนั้นเราก็ออกมาจากสนามบิน เพื่อที่จะไปท่าเรือข้างสนามบิน เพื่อไปนอนฮ่องกง
วนเวียนหาทางไปเกือบ 20 นาทีครับ เชื่อไหมว่า มองเห็นแต่ไม่มีทางไป เพราะอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ไม่มีการติดป้ายใดๆ เลย แล้วก็ไม่เห็นคนเดินไปเลยครับ ต้องขอบคุณป้ายสังกะสีอันนี้ ที่ช่วยชี้ทางเรา
ขอถ่ายภาพระหว่างทางเดินไปก็แล้วกัน แอบเปลี่ยวมาก ไม่มีคนผ่านเลย
สภาพทางเดินไปทุลัก ทุเลมากครับ ในที่สุดพวกผมก็เดินเลยทางเข้าท่าเรือครับ ทำให้พวกผมหลงทางเกือบชั่วโมง เหมือนจะหลงไป สนง.ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เราก็นึกว่าท่าเรือตรงนั้นครับ มีลุงคนหนึ่งเดินผ่านมา ถึงจะรู้ว่าพวกผมหาทางไปท่าเรือ แกไม่พูดอะไรเลย แค่ชี้ว่าไปทางนั้น 5555 พวกผมไม่มีทางเลือกครับ ไม่รู้ว่าแกชี้ไปไหนแหละ ไปก่อนละกัน
ดูสิครับ ทางไปท่าเรือ คนงานก่อสร้างมองด้วยความสงสัยว่าพวกนี้มาจะไปไหน 5555
ตอนแรกเราแพลนว่าจะนั่งไปลงท่าเรือฝั่ง China Ferry เที่ยวเรือน้อยมาก แล้วก็ต้องรออีกตั้งนาน เลยตัดสิสใจไปลงท่าเรือฝั่งฮ่องกง ที่มีเที่ยวตลอด ทุกๆ 30 นาที ให้บริการโดย Cotaijet ราคา 154 $HK ต่อคน เราได้รอบ 14.30 น. ครับ
อันนี้ตารางเที่ยวเรือไปฝั่งเกาะฮ่องกง
อันนี้เป็นจุดซื้อตั๋วครับ ซื้อเสร็จ รอเวลาตามรอบป้ายข้างหน้า เข้าไปเป็นการตรวจคนออกเมือง แล้วก็ไม่บุคกิ้งที่นั่ง ก่อนทางไปเกท ถ้ามาเป็นกล่ม เขาจะให้นั่งติดกันอยู่แล้ว โดยไม่ต้องบอกครับ
ได้เวลาออกเดินทางข้ามประเทศอีกแล้วครับ ไม่สิ ข้ามเขตปกครองพิเศษ โดยเรือใหญ่ ใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมง ก็ถึงเกาะฮ่องกงครับ จากนั้นก็ขึ้นเรือไปตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้แหละสำคัญเลยสำหรับสาวไทย ที่ไปฮ่องกง เขาจะเรียกเข้าห้องเย็นเกือบทุกคน ไม่ใช่แค่มาครั้งแรกนะครับ มาหลายครั้งแล้วก็เรียกครับ กรุณาเตรียมตัวไปให้พร้อม
1. เอกสารเที่ยวบิน ทั้งไปและกลับ
2. เอกสารตารางการท่องเที่ยว
3. เอกสารที่พัก
4. จำนวนเงินที่แลกมา
5. วัตถุประสงค์ที่เข้าประเทศ
6. เอกสารแสดงว่าเรามีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งที่ไทย
ก็ถามทั่วๆไป ครับ ไม่น่ากลัวหรอก แค่ตอบเขาตามคำถามที่เขาถามมา ที่เขาเรียกเข้าห้องเย็น คงกลัวปัญหาการมาค้าประเวณี ที่แนะนำเพราะเพื่อนผมทั้งสองคนก็โดนเข้าสัมภาษณ์ครับ มีการบอกอีกนะว่า คนที่สัมภาษณ์หล่อเว่อร์ 555
ออกมาจาก ตม. ได้ หิวมากเลยครับ ชั้นบนๆ ตรงท่าเรือนั่นแหละ ก็จะมีห้าง ร้านอาหาร ให้บริการครับ เราจึงลงความเห็นว่า ซดอะไรที่ร้อนๆ แซ่บๆ ก็ไปเจอราเม็ง อยู่ข้างร้าน KFC ครับผม อร่อยมาก สนนราคา 50-60 $HK แล้วก็สามารถเล่นเน็ตฟรีของ KFC คนละ 15 นาทีได้ด้วยนะ
จากนั้นก็ตามหาสถานีรถไฟ Sheung Wan ครับ เป็นสถานีที่อยู่ใต้ท่าเรือเลยครับ สะดวกสบายมากเลยครับ ลงบันไดเลื่อนหรือลิฟต์ก็ได้ครับ พวกผมพยายามมองหาตู้ขายบัตรปลาหมึก (Octopus) ไม่เจอเลยครับ สุดท้ายเราก็ไปซื้อกับ จนท. ในตู้
ในการโดยสารรถไฟฟ้าของ ฮ่องกง ควรโหลด App MTR ไว้เลยนะครับ ไม่มีเน็ตก็ใช้งานได้ มันดีงามมาก จะบอกเวลา ราคา เส้นทางการเปลี่ยนรถ บางทีหาจุดทางขึ้นก็ได้ แค่ใส่พิกัดว่าจะไปสถานที่ไหนครับ ปล. ใช้บัตรปลาหมึก ถูกกว่าซื้อเป็นครั้งๆ นะครับ หรือถ้าใครแพลนจะเที่ยวอุตหลุดในวันเดียว ก็ซื้อเป็น 1 DAY ticket 55 $HK ได้นะครับ
Next station Mongkok มาถึงแล้วครับ รร.พวกผมพักที่ตึกซิวเคียว ใกล้สุดคืออกที่ ประตู D2 ข้ามสี่แยกไฟแดงเดินอีก 2 BoX ก็ถึงครับ เดินทางสะดวกมากๆๆ เลย
พวกผมเลือกพัก Ah shan hostel สนง. อยู่ชั้น 14 แต่ห้องพักอยุ่ชั้น 5 ครับ ข้างนอกที่เป็นส่วนกลางอาจจะดูหลอนๆ น่ากลัว แต่ข้างในนี่ใช้ได้เลยครับ เหมาะสมกับราคา สะดวกสบายในการเดินทางและใกล้แหล่งเลือกซื้อของครับ
ก่อนลงลิฟต์ที่ชั้น 5 เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครับ
เหตุเกิดที่หน้าลิฟต์ชั้น 5
A : สูๆ ว่าเลายำหยังนะ
B : กูว่ายำบักหุ่งสู
C : คนฮ่องกงสิกินตำบักฮุ่งเป็นอยู่ติ
พวกผมสนทนากันด้วยเสียงเบาๆ สักอึดใจ คนที่พวกเรากำลังพูดถึงก็ทักทายกลับมาว่า
D : มาเด้อ มากินตำบักหุ่ง ได้ยินอยู่เดะมาคุยหยังกัน
555 !! #ตำบักฮุ่งกลางกรุงฮ่องกง
ถ้าใครไปก็ลองไปพักได้นะครับ การสื่อสารน่าจะง่าย เพราะคนไทยเป็นเจ้าของ
อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ยังไม่ดึกมาก เลยเดินลงมาเล่นแถวที่พัก อย่างฮานะครับ คนเยอะแยะ พ้อกันเสย....เจอเพื่อนคนไทยครับ แล้วก็ได้เพื่อนใหม่คนฮ่องกงอีกคน สบายเลยครับ ได้คนท้องถิ่นพาเที่ยว อย่ารอช้า ไปหาของกินกันเลย
ร้านไหนคนมุงเยอะๆ เราจะไปร้านนั้นแหละครับ .... ทานไปเสียดายตังไป แพงทุกอย่างเลยยยยยยย
หน้าตานางดูปลื้มปลิ่ม กระดิ่งแมวมาก............เหมือนได้กิน ...... ผช. ฮ่องกง 55555 เสียใจ มโนต่อไปครับ เพราะนั่นแค่ขนม
[CR] ไป Macau Hongkong ขึ้นเครื่องที่ "อู่ตะเภา" แบบงงงง งมงม งวยงวย ..... เฮ้ย ไปถึง มันก็สวยนี่หว่า
ก่อนอื่น บอกก่อนเลยนะครับว่ากระทู้นี้ เขียนเอาไว้บันทึกเรื่องราวของตัวเอง พอได้เอาไว้อ่านเล่นตอนเหงาๆ ++ Macau Hongkong แบบงงงง งมงม งวยงวย ..... เฮ้ย มันก็สวยนี่หว่า คือการเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกของเราทั้งสามคน เราทั้งสามเป็นเพื่อนมัธยมกันครับ เพราะฉะนั้น ทริปก็ง่ายๆ เป็นกันเอง ตามปะสาคนคุ้นเคย มูลเหตุเริ่มต้นของการเดินทาง ก็คือเพื่อนคนหนึ่งในทริปของพวกเราพึ่งเป็นมหาบัณฑิตหมาดๆๆ อัดอั้นตันใจที่ช่วงเรียนไม่ได้ไปไหนเลย หลังรับปริญญาเลยชวนกันออกท่องต่างดินแดนสักหน่อย โดยข้อกำหนดเราคือ เอาแบบไม่ต้องลา ราคาประหยัด สรุปคือได้ช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญ เพราะตอนแรกนึกว่า 11 ประกาศหยุด แต่ที่ไหนได้สุดท้ายเราก็ต้องได้ลา 1 วัน ส่วนสาเหตุที่ลงมาเก๊าก็มีที่มาที่ไปครับ เพราะตั๋วราคาโปรโมชั่น ที่มีไป 10 กลับ 13 ธ.ค. 2558 คือ อู่ตะเภา - มาเก๊า นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเรา
ผมกับเพื่อนทำงานโซนอีสาน เราจึงหารถที่มาถึงอู่ตะเภาเลย เราได้รถทัวร์บริษัทชาญทัวร์ครับ ค่ารถเที่ยวละ 710 บาท ออกจากต้นทางเวลา 19.30 น. ของวันที่ 9 อยากจะบอกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากเลยครับ เกือบ 8 โมง ยังไม่ถึงเป้าหมายเลย มีทั้งจอดแช่ เกลี่ยคน อะไรบ้างไม่รู้ ดีหน่อยที่ไฟท์เราออกสาย ไม่งั้นจบเห่ แน่ๆๆ
ตามแผนที่ (ขอบคุณภาพจาก google ) รถทัวร์จอดให้ผมลง โซน A ครับผม พวกเราก็ดีใจ มองไปนึกว่าอยู่หน้าทางเข้าสนามบิน เป็นอะไรที่ฟินมากเลยครับ เราลงจุดที่ 1 จากนั้นก็ข้ามถนน แล้วเดินไปจุดที่ 2 ปรากฎว่าทหารรักษาการณ์บอกว่า ไม่ใช่ตรงนี้นะน้อง อีก 2 ไฟแดง โอ้พระเจ้า เราจะไปยังไงนี่ ตอนแรกก็กะว่าจะเดินครับ เอามาจุดที่ 3 มีป้ายบอกว่า ท่าอากาศยานอีก 8 กม. 55555 ถึงกับเข้าทรุด โบกรถสิครับ
โบกอยู่พักหนึ่งคล้ายรถตุ๊กๆ จอดรับครับ เป็นรถตุ๊กๆ ชาวบ้าน ถามว่าจะไปสนามบินหรอ ให้ไปส่งไหม เราไมีมีทางเลือกครับ ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าขึ้นรถทันที
เป็นบรรยากาศที่ฟินสุดๆๆ ครับ จากรูปแผนที่รูปแรก เรานั่งรถผ่าน B พึ่งมารู้ตอนหลังว่าเข้าตรงนั้นก็ได้ครับ
อีกเส้นทางหนึ่งที่ลุงพามาคือ มาเลี้ยวซ้ายที่สี่แยก รพ. สมเด็จพระนางเจ้าฯ ไปจนกว่าจะเห็นป้าย แถวๆ จุด D เลี้ยวซ้ายเลยครับ จากนั้นก็ขับเข้าไปข้างในถึงท่าอากาศยานจุด E ครับ ลึก ซับซ้อนพอควร สำหรับคนที่ไม่เคยไป
ถ้าเห็นตรงนี้แสดงว่าคุณมาถูกที่ละครับ อาคารผู้โดยสารอีกหนึ่งหลังกำลังดำเนินการสร้างใหม่ครับ ความฝันที่จะได้อาบน้ำเช้านี้ก็หมดไป คงไว้แต่กลิ่นเต่า 555 เพื่อความสบายตัวก็เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ล้างตาสักหน่อยครับ
เวลาบินของพวกเราคือ 11.15 น. ตอนนี้พึ่ง 09.00 น. เราจึงไปโหลดกระเป๋าไว้ สันการเชคอิน เราเช็คออนไลน์มาจากบ้านแล้วครับ เราจึงออกมาหาอะไรทานกันแถวๆ สนามบิน ระหว่างทานข้าวนั้น เราก็เช็คกับเพื่อนอีกคนตลอด เพราะมีปัญหาทางเทคนิคในการเดินทางนิดหน่อย ทั้งๆ ที่ออกจากบ้านก่อน 06.00 น. มาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ท่ารถบอกว่าไม่มีรถตู้ไป สัตหีบ ต้องไป หมอชิต เพื่อนก็ไปหมอชิต ยังไม่มีคน รอตั้งนาน สุดท้ายรถออกมาแล้วมาจอดรับคนตรงที่เพื่อนไปถามหารถที่อนุฯ แบบว่าเซ็งมากครับ เพราะรถเคลื่อนจากอนุฯ 08.00 น. คิดดูว่ามันต้องมาให้ถึงสนามบินก่อนเวลาเรียกขึ้นเครื่อง 10.35 น. แบบว่าลุ้นระทึกมากๆ ครับ ปักหมุดกันตลอดทาง ในใจก็ภาวนาว่าทันๆๆๆ แต่อีกใจก็หาแผนสำรอง เข้าไปดูตั๋วไปฮ่องกง มีไฟท์เย็น ไฟท์เดียว 4500 ของเคนย่าแอร์ ขึ้นที่สุวรรณภูมิ ก็เลยโทรบอกเพื่อนว่า ถ้ามาถึงแล้วไม่ทัน ให้จองเครื่องตามไป เจอกันที่ฮ่องกง ช่วงเวลานั้นใจหายใจคว่ำ ไม่เป็นอันกินอันนั่งครับ เวลาผ่านไป 10.10 น. อีก 20 นาที จะเรียกขึ้นเครื่อง ผมมานั่งรอที่หน้าเกต (โครงสร้างของอู่ตะเภาคือ ใกล้ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง เขาถึงจะให้เข้าไป ตม. แล้วก็รอขึ้นเครื่องเลย) ทุกส่วน ทุกขั้นตอนอยู่ในอาคารเดียวกัน คนไม่แออัด ชั่วอึดใจเพื่อนโทรมาว่าถึง กม. 10 สิบแล้วกำลังจะนั่งวินเข้ามาครับ 10.17 น เพื่อนมาถึง เขียนใบ ตม เข้าไป ตม. แป๊บเดียวก็เรียกเข้า Bus gate แบบว่า ใครไม่อยู่ในสถานการณ์นั้น คงไม่รู้ว่าอารมณ์เราประมาณไหน 555 ตอนเจอกัน น้ำตาแทบจะไหล
ไปรอบนเครื่อง กัปตันประกาศดีเลย์ ว่าต้องเติมน้ำมันก็รอกันไปเกือบครึ่ง ชม. ครับ กว่าจะได้ออกจากสนามบินอู่ตะเภา กับประสบการณ์เกือบหัวใจวาย
เมฆสวยดี เลยเก็บภาพมาฝาก
ไม่แน่ใจว่าบริเวณไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็นแม่น้ำโขง ในดินแดนประเทศลาว
การเดินทางเกือบ 3 ชม. ในที่สุดเราก็ถึง อากาศดีมากเลยครับออกเย็นๆ น่าจะราวๆ 18 องศา การเข้า ตม. ที่มาเก๊า ราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องกรอกเอกสาร ตม.เสร็จ ได้แค่สลิปเล็กๆ 1 แผ่น ไม่มีการปั้มหนังสือเดินทางเลยครับ หลังจากนั้นเราก็ออกมาจากสนามบิน เพื่อที่จะไปท่าเรือข้างสนามบิน เพื่อไปนอนฮ่องกง
วนเวียนหาทางไปเกือบ 20 นาทีครับ เชื่อไหมว่า มองเห็นแต่ไม่มีทางไป เพราะอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ไม่มีการติดป้ายใดๆ เลย แล้วก็ไม่เห็นคนเดินไปเลยครับ ต้องขอบคุณป้ายสังกะสีอันนี้ ที่ช่วยชี้ทางเรา
ขอถ่ายภาพระหว่างทางเดินไปก็แล้วกัน แอบเปลี่ยวมาก ไม่มีคนผ่านเลย
สภาพทางเดินไปทุลัก ทุเลมากครับ ในที่สุดพวกผมก็เดินเลยทางเข้าท่าเรือครับ ทำให้พวกผมหลงทางเกือบชั่วโมง เหมือนจะหลงไป สนง.ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เราก็นึกว่าท่าเรือตรงนั้นครับ มีลุงคนหนึ่งเดินผ่านมา ถึงจะรู้ว่าพวกผมหาทางไปท่าเรือ แกไม่พูดอะไรเลย แค่ชี้ว่าไปทางนั้น 5555 พวกผมไม่มีทางเลือกครับ ไม่รู้ว่าแกชี้ไปไหนแหละ ไปก่อนละกัน
ดูสิครับ ทางไปท่าเรือ คนงานก่อสร้างมองด้วยความสงสัยว่าพวกนี้มาจะไปไหน 5555
ตอนแรกเราแพลนว่าจะนั่งไปลงท่าเรือฝั่ง China Ferry เที่ยวเรือน้อยมาก แล้วก็ต้องรออีกตั้งนาน เลยตัดสิสใจไปลงท่าเรือฝั่งฮ่องกง ที่มีเที่ยวตลอด ทุกๆ 30 นาที ให้บริการโดย Cotaijet ราคา 154 $HK ต่อคน เราได้รอบ 14.30 น. ครับ
อันนี้ตารางเที่ยวเรือไปฝั่งเกาะฮ่องกง
อันนี้เป็นจุดซื้อตั๋วครับ ซื้อเสร็จ รอเวลาตามรอบป้ายข้างหน้า เข้าไปเป็นการตรวจคนออกเมือง แล้วก็ไม่บุคกิ้งที่นั่ง ก่อนทางไปเกท ถ้ามาเป็นกล่ม เขาจะให้นั่งติดกันอยู่แล้ว โดยไม่ต้องบอกครับ
ได้เวลาออกเดินทางข้ามประเทศอีกแล้วครับ ไม่สิ ข้ามเขตปกครองพิเศษ โดยเรือใหญ่ ใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมง ก็ถึงเกาะฮ่องกงครับ จากนั้นก็ขึ้นเรือไปตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้แหละสำคัญเลยสำหรับสาวไทย ที่ไปฮ่องกง เขาจะเรียกเข้าห้องเย็นเกือบทุกคน ไม่ใช่แค่มาครั้งแรกนะครับ มาหลายครั้งแล้วก็เรียกครับ กรุณาเตรียมตัวไปให้พร้อม
1. เอกสารเที่ยวบิน ทั้งไปและกลับ
2. เอกสารตารางการท่องเที่ยว
3. เอกสารที่พัก
4. จำนวนเงินที่แลกมา
5. วัตถุประสงค์ที่เข้าประเทศ
6. เอกสารแสดงว่าเรามีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งที่ไทย
ก็ถามทั่วๆไป ครับ ไม่น่ากลัวหรอก แค่ตอบเขาตามคำถามที่เขาถามมา ที่เขาเรียกเข้าห้องเย็น คงกลัวปัญหาการมาค้าประเวณี ที่แนะนำเพราะเพื่อนผมทั้งสองคนก็โดนเข้าสัมภาษณ์ครับ มีการบอกอีกนะว่า คนที่สัมภาษณ์หล่อเว่อร์ 555
ออกมาจาก ตม. ได้ หิวมากเลยครับ ชั้นบนๆ ตรงท่าเรือนั่นแหละ ก็จะมีห้าง ร้านอาหาร ให้บริการครับ เราจึงลงความเห็นว่า ซดอะไรที่ร้อนๆ แซ่บๆ ก็ไปเจอราเม็ง อยู่ข้างร้าน KFC ครับผม อร่อยมาก สนนราคา 50-60 $HK แล้วก็สามารถเล่นเน็ตฟรีของ KFC คนละ 15 นาทีได้ด้วยนะ
จากนั้นก็ตามหาสถานีรถไฟ Sheung Wan ครับ เป็นสถานีที่อยู่ใต้ท่าเรือเลยครับ สะดวกสบายมากเลยครับ ลงบันไดเลื่อนหรือลิฟต์ก็ได้ครับ พวกผมพยายามมองหาตู้ขายบัตรปลาหมึก (Octopus) ไม่เจอเลยครับ สุดท้ายเราก็ไปซื้อกับ จนท. ในตู้
ในการโดยสารรถไฟฟ้าของ ฮ่องกง ควรโหลด App MTR ไว้เลยนะครับ ไม่มีเน็ตก็ใช้งานได้ มันดีงามมาก จะบอกเวลา ราคา เส้นทางการเปลี่ยนรถ บางทีหาจุดทางขึ้นก็ได้ แค่ใส่พิกัดว่าจะไปสถานที่ไหนครับ ปล. ใช้บัตรปลาหมึก ถูกกว่าซื้อเป็นครั้งๆ นะครับ หรือถ้าใครแพลนจะเที่ยวอุตหลุดในวันเดียว ก็ซื้อเป็น 1 DAY ticket 55 $HK ได้นะครับ
Next station Mongkok มาถึงแล้วครับ รร.พวกผมพักที่ตึกซิวเคียว ใกล้สุดคืออกที่ ประตู D2 ข้ามสี่แยกไฟแดงเดินอีก 2 BoX ก็ถึงครับ เดินทางสะดวกมากๆๆ เลย
พวกผมเลือกพัก Ah shan hostel สนง. อยู่ชั้น 14 แต่ห้องพักอยุ่ชั้น 5 ครับ ข้างนอกที่เป็นส่วนกลางอาจจะดูหลอนๆ น่ากลัว แต่ข้างในนี่ใช้ได้เลยครับ เหมาะสมกับราคา สะดวกสบายในการเดินทางและใกล้แหล่งเลือกซื้อของครับ
ก่อนลงลิฟต์ที่ชั้น 5 เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครับ
เหตุเกิดที่หน้าลิฟต์ชั้น 5
A : สูๆ ว่าเลายำหยังนะ
B : กูว่ายำบักหุ่งสู
C : คนฮ่องกงสิกินตำบักฮุ่งเป็นอยู่ติ
พวกผมสนทนากันด้วยเสียงเบาๆ สักอึดใจ คนที่พวกเรากำลังพูดถึงก็ทักทายกลับมาว่า
D : มาเด้อ มากินตำบักหุ่ง ได้ยินอยู่เดะมาคุยหยังกัน
555 !! #ตำบักฮุ่งกลางกรุงฮ่องกง
ถ้าใครไปก็ลองไปพักได้นะครับ การสื่อสารน่าจะง่าย เพราะคนไทยเป็นเจ้าของ
อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ยังไม่ดึกมาก เลยเดินลงมาเล่นแถวที่พัก อย่างฮานะครับ คนเยอะแยะ พ้อกันเสย....เจอเพื่อนคนไทยครับ แล้วก็ได้เพื่อนใหม่คนฮ่องกงอีกคน สบายเลยครับ ได้คนท้องถิ่นพาเที่ยว อย่ารอช้า ไปหาของกินกันเลย
ร้านไหนคนมุงเยอะๆ เราจะไปร้านนั้นแหละครับ .... ทานไปเสียดายตังไป แพงทุกอย่างเลยยยยยยย
หน้าตานางดูปลื้มปลิ่ม กระดิ่งแมวมาก............เหมือนได้กิน ...... ผช. ฮ่องกง 55555 เสียใจ มโนต่อไปครับ เพราะนั่นแค่ขนม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น