อุบลราชธานี - “วัฒนา จันทศิลป์” ทนายดีเจต้อย จำเลยคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ยอมรับให้ข้อมูลคำตัดสินของศาลฎีกาผิดพลาด เพราะความจริงศาลลงโทษนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา แกนนำคนเสื้อแดงเพียงจำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่ประหารชีวิต พร้อมทำหนังสือขอขมาศาลและแสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย
จากกรณีศาลฎีกาได้ออกมาแย้งการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนในคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือดีเจต้อย แกนนำ นปช.จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนำพวกเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยศาลระบุว่าคำตัดสินที่ถูกต้องศาลฎีกาได้พิพากษาแก้จากเดิมจำคุก 1 ปี เป็นจำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่ให้ประหารชีวิตตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวัฒนา จันทศิลป์ ทนายความของจำเลยที่เป็นผู้ให้สัมภาษณ์การลงโทษของศาลฎีกาที่มีความคลาดเคลื่อน นายวัฒนากล่าวยอมรับว่า เป็นความเข้าใจผิดของตนเองที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนผิดพลาดกรณีการลงโทษจำเลยที่ 1 นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา จริง เพราะที่ถูกต้องศาลฎีกาได้ลงโทษเพียงให้จำคุกตลอดชีวิต ไม่ได้ลงโทษประหารชีวิตแต่อย่างใด
เนื่องจากในวันนั้นมีจำเลยขึ้นศาลฟังคำพิพากษาพร้อมกันหลายคน ทำให้ตนเกิดความสับสน แต่พร้อมยอมรับผิดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งตนกำลังทำหนังสือแสดงความรับผิดชอบ และขอขมาต่อศาลที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนคลาดเคลื่อนไป พร้อมทั้งกำลังคัดสำเนาคำพิพากษาในคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาแจกให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่อย่างถูกต้องในวันพรุ่งนี้ด้วย
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000138503
ทนายเสื้อแดงรับผิดให้ข่าวศาลสั่งประหาร “ดีเจต้อย” คลาดเคลื่อน อ้าว ข่าว ประหาร นี่ ทนายเสื้อแดง เขาออกมาบอกนักข่าว นะ
จากกรณีศาลฎีกาได้ออกมาแย้งการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนในคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือดีเจต้อย แกนนำ นปช.จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนำพวกเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยศาลระบุว่าคำตัดสินที่ถูกต้องศาลฎีกาได้พิพากษาแก้จากเดิมจำคุก 1 ปี เป็นจำคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่ให้ประหารชีวิตตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวัฒนา จันทศิลป์ ทนายความของจำเลยที่เป็นผู้ให้สัมภาษณ์การลงโทษของศาลฎีกาที่มีความคลาดเคลื่อน นายวัฒนากล่าวยอมรับว่า เป็นความเข้าใจผิดของตนเองที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนผิดพลาดกรณีการลงโทษจำเลยที่ 1 นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา จริง เพราะที่ถูกต้องศาลฎีกาได้ลงโทษเพียงให้จำคุกตลอดชีวิต ไม่ได้ลงโทษประหารชีวิตแต่อย่างใด
เนื่องจากในวันนั้นมีจำเลยขึ้นศาลฟังคำพิพากษาพร้อมกันหลายคน ทำให้ตนเกิดความสับสน แต่พร้อมยอมรับผิดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งตนกำลังทำหนังสือแสดงความรับผิดชอบ และขอขมาต่อศาลที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนคลาดเคลื่อนไป พร้อมทั้งกำลังคัดสำเนาคำพิพากษาในคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาแจกให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่อย่างถูกต้องในวันพรุ่งนี้ด้วย
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000138503