สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน วันนี้เราขอนำเสนอเส้นทางที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันมากนักในรีวิวเที่ยวญี่ปุ่น เป็นเส้นทางสัญจรระหว่างเอโดะ-เกียวโตในสมัยก่อน มีชื่อเรียกว่า นากะเซนโดะ Nakasendo เส้นทางของนากะเซนโดะจริงๆนี่ยาวมากนะคะ แต่ในส่วนที่เราจะเขียนรีวิวถึงวันนี้ จะพูดถึงเฉพาะเส้นทางส่วนหนึ่งของนากะเซนโดะที่อยู่ในหุบเขาคิโสะ (Kiso Valley) ในแผ่นพับการท่องเที่ยวเค้าเขียนไว้ว่า Nakasendo Kisoji ค่ะ
ก่อนอื่นจะออกตัวก่อนว่า
1.เราเขียนหนังสือไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่ค่อยสนุก แล้วในการเดินทางของเราไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไร ถ้าอ่านแล้วหลับเราขอโทษไว้ตรงนี้เลย แต่เราจะพยายามใส่ข้อมูลที่เราทราบให้ได้มากที่สุดค่ะ
2.เราถ่ายรูปไม่เก่ง ทุกรูปที่ถ่ายมาก็ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรนอกจากใส่เครดิตนะคะ
ถึงเราจะทำอะไรได้ไม่ค่อยดีสักอย่างในการเขียนรีวิว T^T แต่เหตุผลที่เขียนรีวิวนี้เพราะว่าเราเสิร์ชข้อมูลของที่นี่เป็นภาษาไทยได้น้อยเหลือเกิน (หลังจากกลับมาแล้วจึงพบว่ามีหลายคนเขียนลงในบล็อกนอกจากพันทิปไว้ด้วย ก็เลยถือโอกาสเขียนไว้ในพันทิปละกัน เผื่อมีคนสนใจก็จะได้เสิร์ชเจอ)
มาเริ่มรู้จักกับ Nakasendo Kisoji กันคร่าวๆก่อนค่ะ ทางการท่องเที่ยวของเค้านำเสนอว่าเส้นทางนี้จะผ่านทั้งหมด 11 หมู่บ้านหลัก เราเลยทำชาร์ตย่อๆของหมู่บ้านและสถานีรถไฟให้รู้จักกันง่ายมากขึ้นตามรูปค่ะ
สีแดงคือสถานีรถไฟที่ใกล้หมู่บ้านที่สุด ถ้าตามแผนที่ที่อ่านและที่นั่งรถไฟดูผ่านมา ก็พอเห็นได้ว่าไม่ไกลกันมากค่ะ ยกเว้น 2 หมู่บ้านสุดท้ายนั่นคือมาโกะเมะกับทสึมาโกะ อันนี้เมื่อถึงสถานีแล้วก็ต้องขึ้นรถบัสไปนะคะ (จะเดินก็ได้แหละ แต่ต้องสตรองหน่อย ไกลเหมือนกัน)
สีเขียวคือหมู่บ้านทั้ง 11 แห่ง ที่ปรากฎอยู่แผนที่การเดินทางของนากะเซนโดะสายนี้ค่ะ ส่วนสีเหลืองเป็นจุดที่น่าสนใจ เราเลือกมานิดหน่อยจากที่ระบุไว้ในแผนที่อันยาวเหยียดค่ะ (มันเยอะมากอ่ะ) บางจุดมองเห็นได้จากการนั่งรถไฟผ่าน จำได้ก็เลยใส่ไว้
ย้อนกลับมาที่สีเขียวหน่อยละกันค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยลองแปลข้อมูลจากแผ่นพับที่ได้มาคร่าวๆเกี่ยวกับหมู่บ้านทั้ง 11 แห่งว่ามีความน่าสนใจอะไรบ้าง (ขี้เกียจอ่านเพราะชื่อไม่คุ้นหรือรู้สึกเยอะไปก็ข้ามได้เลยค่ะ)
1. Niekawa juku เป็นหมู่บ้านแรกบนเส้นทางนี้ (เริ่มต้นของเส้นทางจะอยู่ที่ Sakurasawa ก่อนถึง Niekawa เล็กน้อย)
- Kiso Hirasawa เป็นหมู่บ้านที่อยู่ระหว่าง Niekawa กับ Narai มีชื่อเสียงเรื่องงานไม้ที่เคลือบด้วยน้ำมันขัดเงา (อันนี้เราแปลจากคำว่า Lacquerware ในภาษาอังกฤษนะคะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันไม่ได้เก่งภาษานัก เดี๋ยวถึงช่วงรีวิวนาราอิแล้วจะมีรูปให้ดูค่ะว่าเป็นแบบไหน)
2. Narai juku หมู่บ้านที่ 2 สามารถเดินถึงได้เลยจากสถานี รายละเอียดอื่นๆจะเขียนเพิ่มเติมให้ค่ะเพราะไปมาแล้วในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา
- Torii pass เป็นทางที่อยู่บนนากะเซนโดะ ระหว่างนาราอิกับยาบุฮาระ ที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าท่านโยชินากะ (Minamoto no Yoshinaka) เคยมาสักการะขอพรต่อเทพเขาอนทาเกะ(สมัยนั้นเค้าน่าจะนับถือธรรมชาติกันค่ะ)ให้ได้รับชัยชนะเหนือตระกูลโอกะสะวาระแห่งมัตสึโมโตะ แล้วท่านก็สร้างเสาโทริอิที่นี่ ก็เลยเป็นชื่อเรียกเส้นทางนี้ไปค่ะ (ท่านโยชินากะคือขุนพลของตระกูลมินาโมโตะในสมัยเฮอันค่ะ คนเล่นเกมเยอะๆน่าจะรู้จักชื่อนี้ดีนะ)
3. Yabuhara juku มีชื่อเสียงเรื่องหวีโอโระขุ (Orokugushi)
4. Miyanokoshi juku มีพิพิธภัณฑ์ Yoshinaka - Yakata ตั้งอยู่ที่นี่
5. Fukushima juku หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควรนะคะ (แต่น่าจะไม่ใช่หมู่บ้านที่ถูกอนุรักษ์แบบทสึมาโกะ เพราะเห็นสิ่งที่ก่อสร้างสมัยใหม่เยอะอยู่) เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ (ดูจากแผนที่) และน่าจะไปต่อถึงเขาอนทาเกะได้ด้วยค่ะ ถ้าเรามีโอกาสไปนากาโนะอีกก็ลองแวะไปที่นี่อยู่เหมือนกัน (ข้อมูลเชิงลึกเรายังไม่ได้ศึกษานะคะ)
6. Agematsu juku ยังพอมีบ้านเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง
- Kuramoto จากอะเกะมัทสึมาคุราโมะโตะ มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามหลายจุดค่ะ แค่นั่งรถไฟผ่านยังมองเห็นได้เลย (แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย)
7. Suhara juku หมู่บ้านที่มีวัด joshoji ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ในหุบเขาคิโสะ และอยู่ใน Japan's Important Cultural Properties ด้วย
8. Nojiri juku เป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างนึง เรียกว่า "Nanamagari" คือมีถนนแบบ winding street เพื่อป้องกันศัตรูในสมัยก่อน
9. Midono juku เคยเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1881 ปัจจุบันยังพอมีบ้านเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง
10. Tsumago juku เป็นหมู่บ้านแรกที่รับความคุ้มครองจากรัฐบาลและให้มีการอนุรักษ์ความดั้งเดิมของหมู่บ้านไว้
11. Magome juku หมู่บ้านสุดท้ายบนนากะเซนโดะ คิโสะจิ (นับจากการเดินทางมาจากเอโดะนะคะ) สร้างบนทางลาดเขา และเป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น Shimazaki Toson
ทั้งหมดเป็นคร่าวๆของหมู่บ้านทั้ง 11 แห่งในหุบเขาคิโสะ คงอ่านกันมาเบื่อพอดูแล้ว ถ้าใครสนใจหมู่บ้านไหนเพิ่มลองเอาชื่อไปเสิร์ชข้อมูลดูละกันนะคะ ค่ะ เรามาเริ่มการเดินทางจริงๆกันเถอะค่ะ
---------
เราพักที่มัตสึโมโตะ วางแผนว่าจะนั่งรถไฟจากมัตสึโมโตะไปลงที่ nakatsugawa แล้วต่อบัสไปลงที่หมู่บ้านมาโกะเมะ ดูให้เข้าใจง่ายได้ตามรูปค่ะ
จากการคำนวนแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้ใช้พาสใดๆ ดังนั้นเราจะยอมตื่นเช้าเพื่อนั่งรถไฟแบบโลคอลไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า สำหรับคนที่มีเจอาร์พาสแบบทั่วประเทศอยู่ในมือสามารถนั่งรถเร็วได้ค่ะ ก็จะประหยัดเวลามากขึ้น หรือถ้าไม่ได้ซื้อพาส ก็ตัดสินใจเอาค่ะว่าจะนั่งแบบไหน รถเร็ว 4290 เยนโดยประมาณ โลคอล 1940 เยน ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเอาตารางรถไฟที่ถึง nakatsugawa มาเทียบเวลาออกของรถบัสด้วยนะคะ (สำหรับตารางรถไฟค้นหาได้จาก hyperdia และตารางบัสดูได้จาก
http://www.japan-guide.com/bus/kiso.html ค่ะ) นี่ตื่นตั้งแต่ตีห้าเลยค่ะ รถไฟรอบแรกมีประมาณหกโมงกว่าๆ แต่โชคชะตาไม่เป็นใจค่ะ ดันลืมมือถือไว้ที่โรงแรมก็ต้องวิ่งกลับมาเอา ผลคือตกรถไฟรอบแรกไปค่ะ ต้องรอรอบ 7 โมงกว่า เมื่อถึงนากาทสึงะวะแล้วมีเวลาวิ่งขึ้นบัสประมาณ 1 นาทีค่ะ *จมูกบาน*
อุณหภูมิในช่วงที่ไป(ต้นพฤศจิกายน) ตอนเช้าคือ 3 องศา ตอนแรกก็ไม่รู้สึกหนาวหรอกค่ะ แต่พอหนาวขึ้นมาเท่านั้นแหละ ก็หนาวเลย -*-
รถไฟสายชูโอนี้ ถึงจะเป็นโลคอล แต่ก็นั่งสบายค่ะ เป็นเบาะแบบนั่งคู่ ไม่ใช่เบาะยาวๆ ในช่วงเช้านักเรียนเยอะหน่อยแต่ส่วนใหญ่เป็นขาเข้ามาที่มัตสึโมโตะมากกว่า ไม่ได้ถ่ายรูปทั้งบนรถไฟและข้างทางค่ะเพราะมีคนอื่นนั่งข้างๆเลยเกรงใจ ก็นั่งมองไปเรื่อยๆจนถึงนากาทสึงะวะ
ด้วยความที่เราไม่ค่อยได้อ่านรีวิว เราก็เลยไม่รู้ค่ะว่ารถบัสจอดตรงไหน ยืนมองหาอยู่หนึ่งอึดใจ พอหันไปเห็นเท่านั้นแหละ 1 นาทีก็ช้าไป มองบัสวิ่งไปมาโกะเมะจนสุดสายตา ต้องรออีก 45 นาที ตอนนี้รู้แล้วว่าบัสจอดที่ไหน ฮ่าฮ่า ออกจากสถานี อยู่ด้านซ้ายมือค่ะ ชานชาลาที่ 3 คือรถที่ไปมาโกเมะตามรูป (ตรงจุดจอดบัสจะมีป้ายบอกเวลาของบัสสายต่างๆให้ดูด้วยนะคะ)
ในขณะที่รอบัสเดินสำรวจรอบๆสถานีสักเล็กน้อย เมืองนากาทสึงะวะก็เป็นเมืองขนาดกลางๆนะคะ เงียบๆ เดินวนไปวนมา ก้มไปเห็นฝาท่อสวยงาม (ที่ญี่ปุ่นที่ฝาท่อสวยเยอะค่ะ เจอที่ไหนต้องชักภาพไว้เป็นที่ระลึกเสมอ แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์ของฝาท่อที่ต่างกันไป)
ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึงแล้ว รถบัสมาจอดรอสักพักค่ะ ดึงตั๋วกระดาษจากตู้สีส้มๆตรงประตูกลางที่ขึ้นมาเก็บไว้กับตัว แล้วให้คนขับตอนลงพร้อมกับจ่ายเงินค่ะ ลงป้ายสุดท้ายก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ค่ารถบัสจากนากาทสึงะวะไปมาโกะเมะ 560 เยนค่ะ รถบัสค่อนข้างเล็กและแคบ ดังนั้นใครที่จะนอนค้างและสัมภาระเยอะ อาจจะต้องใช้บริการแท็กซี่หรือไม่ก็ลองค้นหาบริการการส่งกระเป๋าดูนะคะ จำจำนวนป้ายที่จอดไม่ค่อยได้ น่าจะซัก 18-19 ป้ายได้มั้ง บางป้ายที่จอดมีการแจ้งถึง 4 ภาษา ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อังกฤษ วิวข้างทางมองเพลินค่ะ แต่กดชัตเตอร์มาแค่รูปเดียว เกรงใจคนข้างๆเหมือนเคย ถึงจะแค่รูปเดียวแต่ก็เป็นรูปที่ชอบนะคะ สะพานสีแดงที่กำลังสร้างอยู่ ถ้าสร้างเสร็จคงแจ่มว้าวมากทีเดียวแหละ
ถึงมาโกะเมะเรียบร้อยด้วยสวัสดิภาพ แวะเก็บข้อมูลและแผ่นพับเกี่ยวกับมาโกะเมะและนากะเซนโดะตรงจุดรับฝากกระเป๋า (มีข้อมูลเหมือนจุดบริการนักท่องเที่ยวด้านบนแหละค่ะ) สอบถามให้แน่ใจว่านากาเซนโดะที่จะเดินไปทสึมาโกะโอเคไหม เจ้าหน้าที่บอกสบ๊าย เดินกันเยอะแยะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวรู้
ป้ายบอกทางเสร็จสรรพ ยินดีต้อนรับสู่มาโกะเมะ
มาโกะเมะเป็นหมู่บ้านบนทางลาดค่ะ จุดเด่นก็คือการปูพื้นหินนี่แหละค่ะ ทางค่อนข้างชัน คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเรานี่หอบเลยค่ะทั้งๆที่เดินมานิดเดียว เก็บรูปได้ไม่ค่อยมากเพราะวันนี้แดดดีเหลือเกิน ย้อนแสงเยอะ อีกอย่างคือเดินเพลินจนลืมถ่ายรูป ร้านรวงต่างๆในมาโกะเมะเปิดบริการเกือบหมดค่ะ นักท่องเที่ยวมีพอสมควร

น่าจะประมาณ 300 เมตรจากจุดเริ่มต้น จะมีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่ สำหรับใครที่ไม่ได้แวะตรงด้านล่าง สามารถสอบถามหรือขอข้อมูลต่างๆได้ที่นี่ค่ะ มีบริการให้ใช้ wifi ฟรี และห้องน้ำฟรีด้วยค่ะ
เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็จะเที่ยงแล้ว(ตกทั้งรถไฟรถบัส) มีเวลาไม่มากก่อนพระอาทิตย์ตกดิน(อยากเซฟเรื่องเวลานิดนึงค่ะ เพราะเดินทางไกลไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง) เลยไม่ค่อยได้แวะที่ไหนในมาโกะเมะเท่าไร เดินมาแป๊บๆก็สุดทางแล้ว เดินขึ้นไปอีกนิดจะเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามาของมาโกะเมะค่ะ เพิ่งมารู้ว่าบ้านในรูปนี่เค้าเป็นร้านโซบะตอนเปิดแผ่นพับดูทีหลัง
และนี่คือจุดชมวิวแบบพาโนรามาของมาโกเมะค่ะ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะแหละ

(เราอาจจะถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นแหละมันเลยได้แค่นี้)
และจากนี้ไปจะเข้าสู่เส้นทางนากะเซนโดะที่ต้องเดินผ่านป่าไปสู่หมู่บ้านทสึมาโกะแล้วค่ะ รวมระยะทางประมาณ 7.6 กิโลเมตรได้ (ป้ายเค้าบอกอย่างนั้น) ทันทีที่เราเดินเลยป้ายมา มองไปสู่เส้นทางข้างหน้า เราคิดถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ด้านล่างเลย สบ๊าย คนเดินเยอะแยะ ... *ตะโกนดัง ลมพัดแรง ใบไม้ปลิว*
พื้นที่หมดแล้ว เดี๋ยวมาต่อค่ะ ต่อไป เราจะเข้าสู่เส้นทางซามูไรแห่งหุบเขาคิโสะกัน *สวดมนต์เป็นระยะ*
**กำลังค่อยๆแก้ไขขนาดรูปใหม่นะคะ ใหญ่เกิ๊น ขออภัยด้วยค่ะ**
[CR] ยถาทัวร์ ตอน hiking สุดเปลี่ยว ที่ Nakasendo Kisoji (Magome สู่ Tsumago แถม Narai )
ก่อนอื่นจะออกตัวก่อนว่า
1.เราเขียนหนังสือไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่ค่อยสนุก แล้วในการเดินทางของเราไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไร ถ้าอ่านแล้วหลับเราขอโทษไว้ตรงนี้เลย แต่เราจะพยายามใส่ข้อมูลที่เราทราบให้ได้มากที่สุดค่ะ
2.เราถ่ายรูปไม่เก่ง ทุกรูปที่ถ่ายมาก็ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรนอกจากใส่เครดิตนะคะ
ถึงเราจะทำอะไรได้ไม่ค่อยดีสักอย่างในการเขียนรีวิว T^T แต่เหตุผลที่เขียนรีวิวนี้เพราะว่าเราเสิร์ชข้อมูลของที่นี่เป็นภาษาไทยได้น้อยเหลือเกิน (หลังจากกลับมาแล้วจึงพบว่ามีหลายคนเขียนลงในบล็อกนอกจากพันทิปไว้ด้วย ก็เลยถือโอกาสเขียนไว้ในพันทิปละกัน เผื่อมีคนสนใจก็จะได้เสิร์ชเจอ)
มาเริ่มรู้จักกับ Nakasendo Kisoji กันคร่าวๆก่อนค่ะ ทางการท่องเที่ยวของเค้านำเสนอว่าเส้นทางนี้จะผ่านทั้งหมด 11 หมู่บ้านหลัก เราเลยทำชาร์ตย่อๆของหมู่บ้านและสถานีรถไฟให้รู้จักกันง่ายมากขึ้นตามรูปค่ะ
สีแดงคือสถานีรถไฟที่ใกล้หมู่บ้านที่สุด ถ้าตามแผนที่ที่อ่านและที่นั่งรถไฟดูผ่านมา ก็พอเห็นได้ว่าไม่ไกลกันมากค่ะ ยกเว้น 2 หมู่บ้านสุดท้ายนั่นคือมาโกะเมะกับทสึมาโกะ อันนี้เมื่อถึงสถานีแล้วก็ต้องขึ้นรถบัสไปนะคะ (จะเดินก็ได้แหละ แต่ต้องสตรองหน่อย ไกลเหมือนกัน)
สีเขียวคือหมู่บ้านทั้ง 11 แห่ง ที่ปรากฎอยู่แผนที่การเดินทางของนากะเซนโดะสายนี้ค่ะ ส่วนสีเหลืองเป็นจุดที่น่าสนใจ เราเลือกมานิดหน่อยจากที่ระบุไว้ในแผนที่อันยาวเหยียดค่ะ (มันเยอะมากอ่ะ) บางจุดมองเห็นได้จากการนั่งรถไฟผ่าน จำได้ก็เลยใส่ไว้
ย้อนกลับมาที่สีเขียวหน่อยละกันค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยลองแปลข้อมูลจากแผ่นพับที่ได้มาคร่าวๆเกี่ยวกับหมู่บ้านทั้ง 11 แห่งว่ามีความน่าสนใจอะไรบ้าง (ขี้เกียจอ่านเพราะชื่อไม่คุ้นหรือรู้สึกเยอะไปก็ข้ามได้เลยค่ะ)
1. Niekawa juku เป็นหมู่บ้านแรกบนเส้นทางนี้ (เริ่มต้นของเส้นทางจะอยู่ที่ Sakurasawa ก่อนถึง Niekawa เล็กน้อย)
- Kiso Hirasawa เป็นหมู่บ้านที่อยู่ระหว่าง Niekawa กับ Narai มีชื่อเสียงเรื่องงานไม้ที่เคลือบด้วยน้ำมันขัดเงา (อันนี้เราแปลจากคำว่า Lacquerware ในภาษาอังกฤษนะคะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันไม่ได้เก่งภาษานัก เดี๋ยวถึงช่วงรีวิวนาราอิแล้วจะมีรูปให้ดูค่ะว่าเป็นแบบไหน)
2. Narai juku หมู่บ้านที่ 2 สามารถเดินถึงได้เลยจากสถานี รายละเอียดอื่นๆจะเขียนเพิ่มเติมให้ค่ะเพราะไปมาแล้วในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา
- Torii pass เป็นทางที่อยู่บนนากะเซนโดะ ระหว่างนาราอิกับยาบุฮาระ ที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าท่านโยชินากะ (Minamoto no Yoshinaka) เคยมาสักการะขอพรต่อเทพเขาอนทาเกะ(สมัยนั้นเค้าน่าจะนับถือธรรมชาติกันค่ะ)ให้ได้รับชัยชนะเหนือตระกูลโอกะสะวาระแห่งมัตสึโมโตะ แล้วท่านก็สร้างเสาโทริอิที่นี่ ก็เลยเป็นชื่อเรียกเส้นทางนี้ไปค่ะ (ท่านโยชินากะคือขุนพลของตระกูลมินาโมโตะในสมัยเฮอันค่ะ คนเล่นเกมเยอะๆน่าจะรู้จักชื่อนี้ดีนะ)
3. Yabuhara juku มีชื่อเสียงเรื่องหวีโอโระขุ (Orokugushi)
4. Miyanokoshi juku มีพิพิธภัณฑ์ Yoshinaka - Yakata ตั้งอยู่ที่นี่
5. Fukushima juku หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควรนะคะ (แต่น่าจะไม่ใช่หมู่บ้านที่ถูกอนุรักษ์แบบทสึมาโกะ เพราะเห็นสิ่งที่ก่อสร้างสมัยใหม่เยอะอยู่) เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ (ดูจากแผนที่) และน่าจะไปต่อถึงเขาอนทาเกะได้ด้วยค่ะ ถ้าเรามีโอกาสไปนากาโนะอีกก็ลองแวะไปที่นี่อยู่เหมือนกัน (ข้อมูลเชิงลึกเรายังไม่ได้ศึกษานะคะ)
6. Agematsu juku ยังพอมีบ้านเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง
- Kuramoto จากอะเกะมัทสึมาคุราโมะโตะ มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามหลายจุดค่ะ แค่นั่งรถไฟผ่านยังมองเห็นได้เลย (แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย)
7. Suhara juku หมู่บ้านที่มีวัด joshoji ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ในหุบเขาคิโสะ และอยู่ใน Japan's Important Cultural Properties ด้วย
8. Nojiri juku เป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างนึง เรียกว่า "Nanamagari" คือมีถนนแบบ winding street เพื่อป้องกันศัตรูในสมัยก่อน
9. Midono juku เคยเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1881 ปัจจุบันยังพอมีบ้านเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง
10. Tsumago juku เป็นหมู่บ้านแรกที่รับความคุ้มครองจากรัฐบาลและให้มีการอนุรักษ์ความดั้งเดิมของหมู่บ้านไว้
11. Magome juku หมู่บ้านสุดท้ายบนนากะเซนโดะ คิโสะจิ (นับจากการเดินทางมาจากเอโดะนะคะ) สร้างบนทางลาดเขา และเป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น Shimazaki Toson
ทั้งหมดเป็นคร่าวๆของหมู่บ้านทั้ง 11 แห่งในหุบเขาคิโสะ คงอ่านกันมาเบื่อพอดูแล้ว ถ้าใครสนใจหมู่บ้านไหนเพิ่มลองเอาชื่อไปเสิร์ชข้อมูลดูละกันนะคะ ค่ะ เรามาเริ่มการเดินทางจริงๆกันเถอะค่ะ
---------
เราพักที่มัตสึโมโตะ วางแผนว่าจะนั่งรถไฟจากมัตสึโมโตะไปลงที่ nakatsugawa แล้วต่อบัสไปลงที่หมู่บ้านมาโกะเมะ ดูให้เข้าใจง่ายได้ตามรูปค่ะ
จากการคำนวนแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้ใช้พาสใดๆ ดังนั้นเราจะยอมตื่นเช้าเพื่อนั่งรถไฟแบบโลคอลไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า สำหรับคนที่มีเจอาร์พาสแบบทั่วประเทศอยู่ในมือสามารถนั่งรถเร็วได้ค่ะ ก็จะประหยัดเวลามากขึ้น หรือถ้าไม่ได้ซื้อพาส ก็ตัดสินใจเอาค่ะว่าจะนั่งแบบไหน รถเร็ว 4290 เยนโดยประมาณ โลคอล 1940 เยน ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเอาตารางรถไฟที่ถึง nakatsugawa มาเทียบเวลาออกของรถบัสด้วยนะคะ (สำหรับตารางรถไฟค้นหาได้จาก hyperdia และตารางบัสดูได้จาก http://www.japan-guide.com/bus/kiso.html ค่ะ) นี่ตื่นตั้งแต่ตีห้าเลยค่ะ รถไฟรอบแรกมีประมาณหกโมงกว่าๆ แต่โชคชะตาไม่เป็นใจค่ะ ดันลืมมือถือไว้ที่โรงแรมก็ต้องวิ่งกลับมาเอา ผลคือตกรถไฟรอบแรกไปค่ะ ต้องรอรอบ 7 โมงกว่า เมื่อถึงนากาทสึงะวะแล้วมีเวลาวิ่งขึ้นบัสประมาณ 1 นาทีค่ะ *จมูกบาน*
อุณหภูมิในช่วงที่ไป(ต้นพฤศจิกายน) ตอนเช้าคือ 3 องศา ตอนแรกก็ไม่รู้สึกหนาวหรอกค่ะ แต่พอหนาวขึ้นมาเท่านั้นแหละ ก็หนาวเลย -*-
รถไฟสายชูโอนี้ ถึงจะเป็นโลคอล แต่ก็นั่งสบายค่ะ เป็นเบาะแบบนั่งคู่ ไม่ใช่เบาะยาวๆ ในช่วงเช้านักเรียนเยอะหน่อยแต่ส่วนใหญ่เป็นขาเข้ามาที่มัตสึโมโตะมากกว่า ไม่ได้ถ่ายรูปทั้งบนรถไฟและข้างทางค่ะเพราะมีคนอื่นนั่งข้างๆเลยเกรงใจ ก็นั่งมองไปเรื่อยๆจนถึงนากาทสึงะวะ
ด้วยความที่เราไม่ค่อยได้อ่านรีวิว เราก็เลยไม่รู้ค่ะว่ารถบัสจอดตรงไหน ยืนมองหาอยู่หนึ่งอึดใจ พอหันไปเห็นเท่านั้นแหละ 1 นาทีก็ช้าไป มองบัสวิ่งไปมาโกะเมะจนสุดสายตา ต้องรออีก 45 นาที ตอนนี้รู้แล้วว่าบัสจอดที่ไหน ฮ่าฮ่า ออกจากสถานี อยู่ด้านซ้ายมือค่ะ ชานชาลาที่ 3 คือรถที่ไปมาโกเมะตามรูป (ตรงจุดจอดบัสจะมีป้ายบอกเวลาของบัสสายต่างๆให้ดูด้วยนะคะ)
ในขณะที่รอบัสเดินสำรวจรอบๆสถานีสักเล็กน้อย เมืองนากาทสึงะวะก็เป็นเมืองขนาดกลางๆนะคะ เงียบๆ เดินวนไปวนมา ก้มไปเห็นฝาท่อสวยงาม (ที่ญี่ปุ่นที่ฝาท่อสวยเยอะค่ะ เจอที่ไหนต้องชักภาพไว้เป็นที่ระลึกเสมอ แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์ของฝาท่อที่ต่างกันไป)
ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึงแล้ว รถบัสมาจอดรอสักพักค่ะ ดึงตั๋วกระดาษจากตู้สีส้มๆตรงประตูกลางที่ขึ้นมาเก็บไว้กับตัว แล้วให้คนขับตอนลงพร้อมกับจ่ายเงินค่ะ ลงป้ายสุดท้ายก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ค่ารถบัสจากนากาทสึงะวะไปมาโกะเมะ 560 เยนค่ะ รถบัสค่อนข้างเล็กและแคบ ดังนั้นใครที่จะนอนค้างและสัมภาระเยอะ อาจจะต้องใช้บริการแท็กซี่หรือไม่ก็ลองค้นหาบริการการส่งกระเป๋าดูนะคะ จำจำนวนป้ายที่จอดไม่ค่อยได้ น่าจะซัก 18-19 ป้ายได้มั้ง บางป้ายที่จอดมีการแจ้งถึง 4 ภาษา ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อังกฤษ วิวข้างทางมองเพลินค่ะ แต่กดชัตเตอร์มาแค่รูปเดียว เกรงใจคนข้างๆเหมือนเคย ถึงจะแค่รูปเดียวแต่ก็เป็นรูปที่ชอบนะคะ สะพานสีแดงที่กำลังสร้างอยู่ ถ้าสร้างเสร็จคงแจ่มว้าวมากทีเดียวแหละ
ถึงมาโกะเมะเรียบร้อยด้วยสวัสดิภาพ แวะเก็บข้อมูลและแผ่นพับเกี่ยวกับมาโกะเมะและนากะเซนโดะตรงจุดรับฝากกระเป๋า (มีข้อมูลเหมือนจุดบริการนักท่องเที่ยวด้านบนแหละค่ะ) สอบถามให้แน่ใจว่านากาเซนโดะที่จะเดินไปทสึมาโกะโอเคไหม เจ้าหน้าที่บอกสบ๊าย เดินกันเยอะแยะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวรู้
ป้ายบอกทางเสร็จสรรพ ยินดีต้อนรับสู่มาโกะเมะ
มาโกะเมะเป็นหมู่บ้านบนทางลาดค่ะ จุดเด่นก็คือการปูพื้นหินนี่แหละค่ะ ทางค่อนข้างชัน คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเรานี่หอบเลยค่ะทั้งๆที่เดินมานิดเดียว เก็บรูปได้ไม่ค่อยมากเพราะวันนี้แดดดีเหลือเกิน ย้อนแสงเยอะ อีกอย่างคือเดินเพลินจนลืมถ่ายรูป ร้านรวงต่างๆในมาโกะเมะเปิดบริการเกือบหมดค่ะ นักท่องเที่ยวมีพอสมควร
น่าจะประมาณ 300 เมตรจากจุดเริ่มต้น จะมีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่ สำหรับใครที่ไม่ได้แวะตรงด้านล่าง สามารถสอบถามหรือขอข้อมูลต่างๆได้ที่นี่ค่ะ มีบริการให้ใช้ wifi ฟรี และห้องน้ำฟรีด้วยค่ะ
เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็จะเที่ยงแล้ว(ตกทั้งรถไฟรถบัส) มีเวลาไม่มากก่อนพระอาทิตย์ตกดิน(อยากเซฟเรื่องเวลานิดนึงค่ะ เพราะเดินทางไกลไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง) เลยไม่ค่อยได้แวะที่ไหนในมาโกะเมะเท่าไร เดินมาแป๊บๆก็สุดทางแล้ว เดินขึ้นไปอีกนิดจะเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามาของมาโกะเมะค่ะ เพิ่งมารู้ว่าบ้านในรูปนี่เค้าเป็นร้านโซบะตอนเปิดแผ่นพับดูทีหลัง
และนี่คือจุดชมวิวแบบพาโนรามาของมาโกเมะค่ะ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะแหละ
และจากนี้ไปจะเข้าสู่เส้นทางนากะเซนโดะที่ต้องเดินผ่านป่าไปสู่หมู่บ้านทสึมาโกะแล้วค่ะ รวมระยะทางประมาณ 7.6 กิโลเมตรได้ (ป้ายเค้าบอกอย่างนั้น) ทันทีที่เราเดินเลยป้ายมา มองไปสู่เส้นทางข้างหน้า เราคิดถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ด้านล่างเลย สบ๊าย คนเดินเยอะแยะ ... *ตะโกนดัง ลมพัดแรง ใบไม้ปลิว*
พื้นที่หมดแล้ว เดี๋ยวมาต่อค่ะ ต่อไป เราจะเข้าสู่เส้นทางซามูไรแห่งหุบเขาคิโสะกัน *สวดมนต์เป็นระยะ*
**กำลังค่อยๆแก้ไขขนาดรูปใหม่นะคะ ใหญ่เกิ๊น ขออภัยด้วยค่ะ**
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น