เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
เธอ ... มีทรัพย์ศฤงคารพรั่งพร้อม
เธอ ... บัณฑิตหน้าใสใหม่หมาด โลกทั้งโลกแสนสดใสฉ่ำหวาน
เธอ ... ผู้กำลังจะลัดฟ้าไปศึกษายังแดนไกลตามธรรมเนียมวงศ์ตระกูล
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะ จดหมายฉบับน้อยจากเมืองเหนือเพียงฉบับเดียว
คุณวรรณ วรรณพานิชย์ เข็ดขยาดแล้วกับการเลี้ยงลูกสาวลูกชายด้วยเม็ดเงิน เมื่อหว่านพืชปล่อยให้โตตามมีตามเกิด ถึงเมล็ดพันธุ์จะดี แต่การไม่ดูแลใส่ใจก็ทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยว แมลงเจาะกัดกินจนพรุนไปหมด ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่จนทุกวันนี้ ความประพฤติฉาวโฉ่ งานการไม่เป็นโล้เป็นพาย จะแก้ไขอย่างไรได้ เมื่อเป็นไม้แก่ดัดยากเสียแล้ว เมื่อลูกสาวคนเดียว "รัศมี" หอบลูกสาวที่ยังเล็กกลับมาตายรังที่บ้าน คุณวรรณเองก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำที่จะทอดทิ้งหลานสาว เพียงแต่ตั้งปณิธานไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ ว่า "จะต้องไม่ซ้ำรอยเดิม"
นารา หรือ ยัยนา จึงอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของคุณตา โดยที่ผู้เป็นแม่ก็ยังสำมะเลเทเมาไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งเห็นว่าลูกสาวเป็นหลานที่พ่อหวงและห่วงยิ่งกว่าลูก รัศมีก็ยิ่งทวีความหมั่นไส้ "หลานรัก" ที่เป็นลูกในไส้ของตัวเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อบวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า "นารา" เป็น "สัญลักษณ์" ที่รัศมีคิดว่าคือความผิดพลาดและโง่เขลาของวัยเยาว์ ความรู้สึกที่รัศมีมีต่อนาราจึงสมทบทวีขึ้นเป็นความชัง ทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับเธอ ล้วนเป็นสิ่งที่น่าตำหนิทั้งสิ้น และ คนเป็น "ลูก" ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นจึงปิดปากเงียบสนิททุกครั้ง
จะว่าไปแล้วสำหรับบ้านวรรณพานิชย์ นารา คือ ตัวแทนของความผิดพลาด ความผิดพลาดและความโง่เขลาในมุมของรัศมี และ ความผิดพลาดในการเลี้ยงดูลูกของคุณวรรณ ตัวตนของนาราจึงถูกบ่มเพาะมาด้วยสองสิ่งนี้ จากมุมมองของมารดามันสั่งสมให้เธอมีความยืดหยุ่นและสามารถทำความเข้าใจเห็นอกเห็นใจชะตากรรมที่คนรอบตัวเธอต้องเผชิญได้โดยง่าย ถึงจะอยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลไฮโซ แต่นาราไม่มีความคิดดูถูกคนที่ฐานะด้อยกว่า และ ไม่มีความคิดจะข่มเหงใคร เธอรู้ดีเทียวล่ะว่าการถูก "เกลียด" มันเป็นอย่างไร
จากมุมมองคุณตาที่เข็ดเขี้ยวกับความจัดจ้านของรัศมี นาราจึงถูกเลี้ยงดูมาให้อยู่ในกรอบจารีตประเพณี เป็นเด็กสาววัยใส ที่กริยามารยาทดี มีความรู้ มีหัวคิด และ มีเหตุผลตามสมควร หากการที่ถูกควบคุมอยู่ในกรอบนั้นก็ทำให้นาราเอง "อ่อนต่อโลก" อยู่ประมาณหนึ่ง ซึ่งก็ออกจะเป็นที่พอใจของคุณตา ที่หน้าตาของนาราไม่ได้โดดเด่นสวยคมอย่างรัศมี และ ไม่ได้ปราดเปรียวเปรี้ยวเข็ดฟัน ค่อนไปทางอยู่ในโอวาท ช่วยงานการทางธุรกิจของคุณตาได้เป็นที่น่าพอใจ นี่ไม่ได้พูดถึงสกิลของงานบ้านงานเรือน สิ่งเหล่านั้นจะหัดหรือไม่หัดในสายตาของคุณวรรณมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ก็เมื่อชีวิตของนาราเป็นดังที่คุณวรรณได้ปูทางเอาไว้ให้เรื่องจะหยิบจับงานบ้านก็คงไม่จำเป็น
หากชีวิตเรียบเรื่อยของเธอก็พลิกกลับหลัง เมื่อจดหมายฉบับน้อยเดินทางมาถึงบ้านวรรณพานิชย์ สิ่งที่เจ้าตัวเก็บกักและกดมันอยู่หลายปีก็พังทลายออกมา พ่อในภาพจำ .. ผู้ชายอบอุ่นแสนดีคนนั้น คนที่เธอทั้งรักและคิดถึง คนที่แม่ให้คำตอบส่ง ๆ ตลอดมา คนที่คุณตาไม่ยอมพูดถึง นอกจากคำที่ว่า "ตายแล้ว" พ่อยังมีชีวิตอยู่ ... สำหรับแม่เธอยอมรับสภาพมานานแล้ว หากเธอไม่คิดว่าคุณตาจะปิดบังเรื่องเช่นนี้ได้
สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วก็คือเปลี่ยนไป น้ำที่ไหลไปแล้วจะให้หวนกลับคืน หรือ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ... นั่นคงยาก สายธารเชี่ยวกรากของอารมณ์ และ ความตั้งมั่นที่จะเสาะหาความจริง จิตใจที่อยากจะเดินทางไปหาคำตอบ ทำให้นาราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เธอออกจากบ้านขึ้นเมืองเหนือไปคนเดียว โดยมีจุดหมายอยู่ที่ไร่ชื่อแปลกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เธอไม่รู้อะไรซักอย่าง พ่อที่จากกันไกล 10 กว่าปี จะเปลี่ยนไปหรือไม่ จะไต่ถามอะไรเมื่อเจอกัน เธอรู้แต่ว่าเธอต้องไป แม้จะหวั่นไหวว่าเพราะไม่รู้ว่าเบื้องหน้าคือสิ่งใด แต่นี่คือเวลาที่ต้องออกจากเปลือกแล้ว
ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่คุณวรรณก็ใจกว้างพอที่จะให้เวลา นาราเองก็มีเหตุผลพอที่จะนึกได้ว่าหน้าที่อะไรรออยู่ หนังสือตอบรับจากมหาวิทยาในต่างประเทศมาถึงแล้ว เธอมีเวลาน้อยนิดจะจัดการเรื่องที่คั่งค้าง หากเมื่อเผชิญหน้ากับพ่อเข้าจริง ๆ นารากลับพูดอะไรไม่ออก พ่อของเธอเปลี่ยนไปมาก กาลเวลาและความทุกข์ตรมแต่งเติมริ้วรอยและดูดซับชีวิตชีวาเหลือเพียงความเคร่งขรึมและแห้งผาก สุดท้ายนาราจึงต้องซื้อเวลาให้กับตัวเองโดยการอยู่ในคราบของ "หนูนา ทองการค้า"
ณ ไร่สัตบุษย์ นารากลายเป็น หนูนา ทองการค้า เด็กสาวหน้าใสแจ๋วแหวว ดวงตาหวานกลมโตเป็นประกาย เป็นประกายมากเสียจนคว้าหัวใจใครคนหนึ่งได้อยู่หมัดตั้งแต่แรกเห็น เมื่อกรอบของความเป็น "คุณนารา" พังทลาย ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือ "วรรณพานิชย์" ที่ไร่บัวขาวเธอคือเด็กกะโปโลหนูนา ที่ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ไม่ได้เรื่อง ไอ้เรื่องเอือมก็เอือมอยู่หรอก แต่ทุกคนก็อดจะเอ็นดูในความแป๋วแหวว และ ความพยายามของเธอไม่ได้ ในคราบของหนูนา ทองการค้า อะไรที่ผิดพลาดไป ก็ยอมรับผิดโดยดุษณี อะไรที่เป็นหน้าที่ก็พยายามเต็มร้อยถึงงานจะออกมาลุ่ม ๆ ดอน ๆ บ้างคนก็มักให้อภัย จะมีแง้ว ๆ หน้าดำหน้าแดงต่อปากต่อคำกับ "นาย" ใหญ่อยู่หน่อย ไม่ใช่ว่ากระด้างกระดางลางอะไร ก็เพราะความช่างยั่วของนายเคราหมีนั่นแหละ ใช่ว่าจะตะแบงเป็นอย่างอื่น สกิลยียวนชวนให้ขึ้นจนลืมนายลืมบ่าวเสียทุกครั้ง (ฮา)
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ... คนที่อยู่ใกล้ อาจจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับการทำเรื่องพื้น ๆ นั่นนี่ไม่เป็น แต่มันก็นำพามาซึ่งเสียงหัวเราะ ความเบิกบาน ความชื่นใจ และ ผ่อนคลาย หน้าใสซื่อ ความเข้าอกเข้าใจ และ ยืดหยุ่น สดสะอาดไม่จัดจ้านนั่นต่างหากที่สำคัญ และ เป็นน้ำเนื้อ ของสาวน้อยคนนี้ ไม่ว่าเธอจะมาจากไหน หรือ ชื่อใดก็ตาม
และเพราะเหตุนี้
จะเป็นหนูนา ทองการค้า
หรือ นารา วรรณพานิชย์
ไม่ว่าจะเป็นชื่อไหน
ก็ตามรักกลับคืนใจได้ถึงสองดวง
ขอใส่เพลงเดิม ... ยังไงก็ชอบเพลงนี้อยู่ดี ถ้าเป็นเรื่องนี้อ่ะนะ
ตามรักคืนใจ (คาแร็คเตอร์รีวิว) : หนูนา ทองการค้า และ นารา ที่ฉันรู้จัก (สปอยด์)
เธอ ... มีทรัพย์ศฤงคารพรั่งพร้อม
เธอ ... บัณฑิตหน้าใสใหม่หมาด โลกทั้งโลกแสนสดใสฉ่ำหวาน
เธอ ... ผู้กำลังจะลัดฟ้าไปศึกษายังแดนไกลตามธรรมเนียมวงศ์ตระกูล
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะ จดหมายฉบับน้อยจากเมืองเหนือเพียงฉบับเดียว
คุณวรรณ วรรณพานิชย์ เข็ดขยาดแล้วกับการเลี้ยงลูกสาวลูกชายด้วยเม็ดเงิน เมื่อหว่านพืชปล่อยให้โตตามมีตามเกิด ถึงเมล็ดพันธุ์จะดี แต่การไม่ดูแลใส่ใจก็ทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยว แมลงเจาะกัดกินจนพรุนไปหมด ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่จนทุกวันนี้ ความประพฤติฉาวโฉ่ งานการไม่เป็นโล้เป็นพาย จะแก้ไขอย่างไรได้ เมื่อเป็นไม้แก่ดัดยากเสียแล้ว เมื่อลูกสาวคนเดียว "รัศมี" หอบลูกสาวที่ยังเล็กกลับมาตายรังที่บ้าน คุณวรรณเองก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำที่จะทอดทิ้งหลานสาว เพียงแต่ตั้งปณิธานไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ ว่า "จะต้องไม่ซ้ำรอยเดิม"
นารา หรือ ยัยนา จึงอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของคุณตา โดยที่ผู้เป็นแม่ก็ยังสำมะเลเทเมาไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งเห็นว่าลูกสาวเป็นหลานที่พ่อหวงและห่วงยิ่งกว่าลูก รัศมีก็ยิ่งทวีความหมั่นไส้ "หลานรัก" ที่เป็นลูกในไส้ของตัวเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อบวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า "นารา" เป็น "สัญลักษณ์" ที่รัศมีคิดว่าคือความผิดพลาดและโง่เขลาของวัยเยาว์ ความรู้สึกที่รัศมีมีต่อนาราจึงสมทบทวีขึ้นเป็นความชัง ทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับเธอ ล้วนเป็นสิ่งที่น่าตำหนิทั้งสิ้น และ คนเป็น "ลูก" ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นจึงปิดปากเงียบสนิททุกครั้ง
จะว่าไปแล้วสำหรับบ้านวรรณพานิชย์ นารา คือ ตัวแทนของความผิดพลาด ความผิดพลาดและความโง่เขลาในมุมของรัศมี และ ความผิดพลาดในการเลี้ยงดูลูกของคุณวรรณ ตัวตนของนาราจึงถูกบ่มเพาะมาด้วยสองสิ่งนี้ จากมุมมองของมารดามันสั่งสมให้เธอมีความยืดหยุ่นและสามารถทำความเข้าใจเห็นอกเห็นใจชะตากรรมที่คนรอบตัวเธอต้องเผชิญได้โดยง่าย ถึงจะอยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลไฮโซ แต่นาราไม่มีความคิดดูถูกคนที่ฐานะด้อยกว่า และ ไม่มีความคิดจะข่มเหงใคร เธอรู้ดีเทียวล่ะว่าการถูก "เกลียด" มันเป็นอย่างไร
จากมุมมองคุณตาที่เข็ดเขี้ยวกับความจัดจ้านของรัศมี นาราจึงถูกเลี้ยงดูมาให้อยู่ในกรอบจารีตประเพณี เป็นเด็กสาววัยใส ที่กริยามารยาทดี มีความรู้ มีหัวคิด และ มีเหตุผลตามสมควร หากการที่ถูกควบคุมอยู่ในกรอบนั้นก็ทำให้นาราเอง "อ่อนต่อโลก" อยู่ประมาณหนึ่ง ซึ่งก็ออกจะเป็นที่พอใจของคุณตา ที่หน้าตาของนาราไม่ได้โดดเด่นสวยคมอย่างรัศมี และ ไม่ได้ปราดเปรียวเปรี้ยวเข็ดฟัน ค่อนไปทางอยู่ในโอวาท ช่วยงานการทางธุรกิจของคุณตาได้เป็นที่น่าพอใจ นี่ไม่ได้พูดถึงสกิลของงานบ้านงานเรือน สิ่งเหล่านั้นจะหัดหรือไม่หัดในสายตาของคุณวรรณมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ก็เมื่อชีวิตของนาราเป็นดังที่คุณวรรณได้ปูทางเอาไว้ให้เรื่องจะหยิบจับงานบ้านก็คงไม่จำเป็น
หากชีวิตเรียบเรื่อยของเธอก็พลิกกลับหลัง เมื่อจดหมายฉบับน้อยเดินทางมาถึงบ้านวรรณพานิชย์ สิ่งที่เจ้าตัวเก็บกักและกดมันอยู่หลายปีก็พังทลายออกมา พ่อในภาพจำ .. ผู้ชายอบอุ่นแสนดีคนนั้น คนที่เธอทั้งรักและคิดถึง คนที่แม่ให้คำตอบส่ง ๆ ตลอดมา คนที่คุณตาไม่ยอมพูดถึง นอกจากคำที่ว่า "ตายแล้ว" พ่อยังมีชีวิตอยู่ ... สำหรับแม่เธอยอมรับสภาพมานานแล้ว หากเธอไม่คิดว่าคุณตาจะปิดบังเรื่องเช่นนี้ได้
สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วก็คือเปลี่ยนไป น้ำที่ไหลไปแล้วจะให้หวนกลับคืน หรือ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ... นั่นคงยาก สายธารเชี่ยวกรากของอารมณ์ และ ความตั้งมั่นที่จะเสาะหาความจริง จิตใจที่อยากจะเดินทางไปหาคำตอบ ทำให้นาราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เธอออกจากบ้านขึ้นเมืองเหนือไปคนเดียว โดยมีจุดหมายอยู่ที่ไร่ชื่อแปลกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เธอไม่รู้อะไรซักอย่าง พ่อที่จากกันไกล 10 กว่าปี จะเปลี่ยนไปหรือไม่ จะไต่ถามอะไรเมื่อเจอกัน เธอรู้แต่ว่าเธอต้องไป แม้จะหวั่นไหวว่าเพราะไม่รู้ว่าเบื้องหน้าคือสิ่งใด แต่นี่คือเวลาที่ต้องออกจากเปลือกแล้ว
ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่คุณวรรณก็ใจกว้างพอที่จะให้เวลา นาราเองก็มีเหตุผลพอที่จะนึกได้ว่าหน้าที่อะไรรออยู่ หนังสือตอบรับจากมหาวิทยาในต่างประเทศมาถึงแล้ว เธอมีเวลาน้อยนิดจะจัดการเรื่องที่คั่งค้าง หากเมื่อเผชิญหน้ากับพ่อเข้าจริง ๆ นารากลับพูดอะไรไม่ออก พ่อของเธอเปลี่ยนไปมาก กาลเวลาและความทุกข์ตรมแต่งเติมริ้วรอยและดูดซับชีวิตชีวาเหลือเพียงความเคร่งขรึมและแห้งผาก สุดท้ายนาราจึงต้องซื้อเวลาให้กับตัวเองโดยการอยู่ในคราบของ "หนูนา ทองการค้า"
ณ ไร่สัตบุษย์ นารากลายเป็น หนูนา ทองการค้า เด็กสาวหน้าใสแจ๋วแหวว ดวงตาหวานกลมโตเป็นประกาย เป็นประกายมากเสียจนคว้าหัวใจใครคนหนึ่งได้อยู่หมัดตั้งแต่แรกเห็น เมื่อกรอบของความเป็น "คุณนารา" พังทลาย ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือ "วรรณพานิชย์" ที่ไร่บัวขาวเธอคือเด็กกะโปโลหนูนา ที่ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ไม่ได้เรื่อง ไอ้เรื่องเอือมก็เอือมอยู่หรอก แต่ทุกคนก็อดจะเอ็นดูในความแป๋วแหวว และ ความพยายามของเธอไม่ได้ ในคราบของหนูนา ทองการค้า อะไรที่ผิดพลาดไป ก็ยอมรับผิดโดยดุษณี อะไรที่เป็นหน้าที่ก็พยายามเต็มร้อยถึงงานจะออกมาลุ่ม ๆ ดอน ๆ บ้างคนก็มักให้อภัย จะมีแง้ว ๆ หน้าดำหน้าแดงต่อปากต่อคำกับ "นาย" ใหญ่อยู่หน่อย ไม่ใช่ว่ากระด้างกระดางลางอะไร ก็เพราะความช่างยั่วของนายเคราหมีนั่นแหละ ใช่ว่าจะตะแบงเป็นอย่างอื่น สกิลยียวนชวนให้ขึ้นจนลืมนายลืมบ่าวเสียทุกครั้ง (ฮา)
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ... คนที่อยู่ใกล้ อาจจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับการทำเรื่องพื้น ๆ นั่นนี่ไม่เป็น แต่มันก็นำพามาซึ่งเสียงหัวเราะ ความเบิกบาน ความชื่นใจ และ ผ่อนคลาย หน้าใสซื่อ ความเข้าอกเข้าใจ และ ยืดหยุ่น สดสะอาดไม่จัดจ้านนั่นต่างหากที่สำคัญ และ เป็นน้ำเนื้อ ของสาวน้อยคนนี้ ไม่ว่าเธอจะมาจากไหน หรือ ชื่อใดก็ตาม
จะเป็นหนูนา ทองการค้า
หรือ นารา วรรณพานิชย์
ไม่ว่าจะเป็นชื่อไหน
ก็ตามรักกลับคืนใจได้ถึงสองดวง