หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักเทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งตอนนี้ถือว่า มาแรงมากๆ จริงๆแล้ว เจ้าเทคโนโลยีนี้มีมาประมาณ 30 ปีแล้ว แต่ยังไม่แพร่หลายมากนัก เพราะติดเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ตอนนี้ลิขสิทธิ์ของ 3D Printing นั้นหมดลงไปแล้วหลายตัว ทำให้คนทั่วไปสามารถที่จะนำมาสร้างแล้วใช้เอง หรือเอาไปทำการค้าก็ได้ โดยไม่ติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์แต่อย่างไร ที่นี้หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัว 3D Printer มันจะเปลี่ยนโลกอย่างไร ลองจินตนการดูว่า เราอยากได้รองเท้าคู่หนึ่ง ที่มีขนาดเท้า เท่ากับของเราแบบพอดี ไม่ใหญ่เกินไป หรือหลวมเกินไป อยากได้แบบรองเท้าที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ อยากได้ส่วนพื้นเป็นยาง ด้านในฟองน้ำ อยากได้ลายรองเท้าที่เราเป็นคนออกแบบ 3D printer จะตอบโจทย์ตรงนี้ให้เราได้เลย เพราะว่าการผลิตสินค้าที่เป็นแบบเฉพาะนั้น ระบบการผลิตแบบเก่าไม่สามารถทำได้ เพราะทำแล้วไม่คุ้ม แต่ 3D Printer ทำได้ ซึ่งตรงนี้จะสามารถตอบโจทย์เรื่องของการผลิตสินค้าให้เหมาะสมกับตัวบุคคล โดยไม่จำเป็นต้องผลิตเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น ลองนึกดูว่า สิ่งของที่เสียหายหรือแตกหัก เราก็สามารถซ่อมเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทุกบ้านมี 3D Printer แล้ววันนึง เตาอบไมโครเวฟที่ใช้อยู่ ลูกบิดหักหรือพัง แถมเจ้าไมโครเวฟตัวนี้ ก้อเป็นรุ่นเก่าอีกด้วย ไม่สามารถหาอะไหล่ได้ แต่ผู้ผลิตเตาไมโครเวฟตัวนี้ ได้ทำการเขียนโมเดล 3 มิติของลูกบิดตัวนี้เอาไว้แล้ว Upload ไปเก็บไว้ใน Website ของบริษัท ซึ่งผู้ใช้สามารถไปโหลดมาพิมพ์กับ 3D Printer ได้ เมื่อพิมพ์เสร็จ ก็เอามาใส่กับไมโครเวฟ ก็สามารถใช้งานได้ โดยไม่ต้องซื้อใหม่ แนวคิดอันนี้ สามารถไปประยุกต์ใช้กับการสร้างอาณานิคมบนดวงดาวอื่นอีกด้วย (อันนี้อาจจะดูโอเวอร์ไปนิด แต่ดูแล้วสามารถเป็นไปได้) ในอนาคต เราอาจจะไม่ต้องนำสิ่งของติดตัวขึ้นไปเพื่อไปสร้างที่อยู่บนดาวอื่น เพราะต้นทุนในการขนส่งจะแพงมากๆ เราอาจจะไปติดตั้ง 3D Printer บนดวงดาว แล้วใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรจากดาวดวงนั้นมาสร้างเป็นที่พักอาศัย หรือสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ถ้านักสำรวจอวกาศต้องการอะไร เราก็แค่ส่ง ข้อมูลไฟล์งาน 3 มิติผ่านดาวเทียมขึ้นไป เพื่อให้ 3D Printer พิมพ์สิ่งของที่ต้องการได้ ซึ่งตอนนี้ประเทศจีน ก็สามารถที่จะพัฒนา 3D Printer ที่พิมพ์บ้านได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
จริงๆแล้ว 3D printer นั้นสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ได้มากมาย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เช่นวงการแพทย์ นำ 3D Printer ไปใช้สำหรับผลิตอวัยวะเทียม เช่นมือเทียม ขาเทียม เป็นต้น โดยที่ต้นทุนในการผลิตนั้นถูกลงมาก ทำให้ผู้พิการหลายๆคนได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้ มือเทียมที่ทำจาก 3D Printer ก็ถูกพัฒนาไปไกลมากๆ
สำหรับวงการออกแบบนั้น จะคุ้นเคยกับ 3D Printer เป็นอย่างดี เพราะว่า เป็นอุตสาหกรรมที่นำ 3D Printer มาใช้ทำสินค้าตัวต้นแบบ ก่อนการผลิตจริง ทำให้การทำผลิตสินค้าเข้าสู่ตตลาดนั้นทำได้เร็วขึ้น เพราะในยุคนี้ถือว่า เป็นยุคที่สินค้าต้องถูกผลิตเพื่อความต้องการหรือเหมาะกับตัวผู้ใช้จริงๆ
จริงๆ แล้ว 3D Printer นั้นสามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานได้จากหลากหลายวัสดุ ซึ่งในปัจจุบันนั้น ตัว 3D Printer สามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานออกมาเป็นในรูปแบบโลหะได้แล้ว เช่น สแตนเลส ไทเทเนียม แม้กระทั่งทองคำ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆอีกด้วย อุตสาหกรรมที่ใช้ 3D Printer ที่พิมพ์โลหะนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่น อวกาศและการบิน เพราะสามารถที่จะพิมพ์ใบพัดเครื่องยนต์ Jet หรืออุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนได้มากกว่า น้ำหนักเบากว่า ทนทานมากกว่า กระบวนการผลิตแบบเก่า
เทคโนโลยี 3D printer นั้นๆมีหลากหลายรูปแบบมากมาย ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ แต่วิธีการที่ใช้นั้นจะมีรูปแบบเดียวกัน คือสร้างงานเป็นชั้นๆ ทับกันไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นรูป 3 มิติ ใครอยากรู้ว่ามีแบบไหนบ้าง เข้าไปอ่านต่อได้ที่
http://www.siamreprap.com/2015/10/what-is-3d-printer/
ในปัจจุบัน โลกของเรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการทำอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า อุตสาหกรรม 4.0 หรือ Industry 4.0 ซึ่งเป็นยุคที่สินค้าส่วนใหญ่จะถูกผลิตโดยระบบอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ ซึ่ง 3D printer ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Industry 4.0 ดังนั้น เราคนไทยก็ต้องเริ่มปรับตัวและเตรียมตัวรับกับ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามา เพื่อที่จะได้แข่งขันในตลาดโลกได้ ใครสามารถปรับตัวและรับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ก็สามารถยืนอยู๋ในตลาดได้
3D Printing เทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลก
นอกจากนั้น ลองนึกดูว่า สิ่งของที่เสียหายหรือแตกหัก เราก็สามารถซ่อมเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทุกบ้านมี 3D Printer แล้ววันนึง เตาอบไมโครเวฟที่ใช้อยู่ ลูกบิดหักหรือพัง แถมเจ้าไมโครเวฟตัวนี้ ก้อเป็นรุ่นเก่าอีกด้วย ไม่สามารถหาอะไหล่ได้ แต่ผู้ผลิตเตาไมโครเวฟตัวนี้ ได้ทำการเขียนโมเดล 3 มิติของลูกบิดตัวนี้เอาไว้แล้ว Upload ไปเก็บไว้ใน Website ของบริษัท ซึ่งผู้ใช้สามารถไปโหลดมาพิมพ์กับ 3D Printer ได้ เมื่อพิมพ์เสร็จ ก็เอามาใส่กับไมโครเวฟ ก็สามารถใช้งานได้ โดยไม่ต้องซื้อใหม่ แนวคิดอันนี้ สามารถไปประยุกต์ใช้กับการสร้างอาณานิคมบนดวงดาวอื่นอีกด้วย (อันนี้อาจจะดูโอเวอร์ไปนิด แต่ดูแล้วสามารถเป็นไปได้) ในอนาคต เราอาจจะไม่ต้องนำสิ่งของติดตัวขึ้นไปเพื่อไปสร้างที่อยู่บนดาวอื่น เพราะต้นทุนในการขนส่งจะแพงมากๆ เราอาจจะไปติดตั้ง 3D Printer บนดวงดาว แล้วใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรจากดาวดวงนั้นมาสร้างเป็นที่พักอาศัย หรือสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ถ้านักสำรวจอวกาศต้องการอะไร เราก็แค่ส่ง ข้อมูลไฟล์งาน 3 มิติผ่านดาวเทียมขึ้นไป เพื่อให้ 3D Printer พิมพ์สิ่งของที่ต้องการได้ ซึ่งตอนนี้ประเทศจีน ก็สามารถที่จะพัฒนา 3D Printer ที่พิมพ์บ้านได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
จริงๆแล้ว 3D printer นั้นสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ได้มากมาย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เช่นวงการแพทย์ นำ 3D Printer ไปใช้สำหรับผลิตอวัยวะเทียม เช่นมือเทียม ขาเทียม เป็นต้น โดยที่ต้นทุนในการผลิตนั้นถูกลงมาก ทำให้ผู้พิการหลายๆคนได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้ มือเทียมที่ทำจาก 3D Printer ก็ถูกพัฒนาไปไกลมากๆ
สำหรับวงการออกแบบนั้น จะคุ้นเคยกับ 3D Printer เป็นอย่างดี เพราะว่า เป็นอุตสาหกรรมที่นำ 3D Printer มาใช้ทำสินค้าตัวต้นแบบ ก่อนการผลิตจริง ทำให้การทำผลิตสินค้าเข้าสู่ตตลาดนั้นทำได้เร็วขึ้น เพราะในยุคนี้ถือว่า เป็นยุคที่สินค้าต้องถูกผลิตเพื่อความต้องการหรือเหมาะกับตัวผู้ใช้จริงๆ
จริงๆ แล้ว 3D Printer นั้นสามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานได้จากหลากหลายวัสดุ ซึ่งในปัจจุบันนั้น ตัว 3D Printer สามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานออกมาเป็นในรูปแบบโลหะได้แล้ว เช่น สแตนเลส ไทเทเนียม แม้กระทั่งทองคำ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆอีกด้วย อุตสาหกรรมที่ใช้ 3D Printer ที่พิมพ์โลหะนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่น อวกาศและการบิน เพราะสามารถที่จะพิมพ์ใบพัดเครื่องยนต์ Jet หรืออุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนได้มากกว่า น้ำหนักเบากว่า ทนทานมากกว่า กระบวนการผลิตแบบเก่า
เทคโนโลยี 3D printer นั้นๆมีหลากหลายรูปแบบมากมาย ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ แต่วิธีการที่ใช้นั้นจะมีรูปแบบเดียวกัน คือสร้างงานเป็นชั้นๆ ทับกันไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นรูป 3 มิติ ใครอยากรู้ว่ามีแบบไหนบ้าง เข้าไปอ่านต่อได้ที่ http://www.siamreprap.com/2015/10/what-is-3d-printer/
ในปัจจุบัน โลกของเรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการทำอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า อุตสาหกรรม 4.0 หรือ Industry 4.0 ซึ่งเป็นยุคที่สินค้าส่วนใหญ่จะถูกผลิตโดยระบบอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ ซึ่ง 3D printer ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Industry 4.0 ดังนั้น เราคนไทยก็ต้องเริ่มปรับตัวและเตรียมตัวรับกับ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามา เพื่อที่จะได้แข่งขันในตลาดโลกได้ ใครสามารถปรับตัวและรับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ก็สามารถยืนอยู๋ในตลาดได้