Strength + Opportunities:
จุดแข็ง
- คณะผู้บริหาร มาจากตระกูลที่มีความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน กตัญญู และเข้าใจการทำธุรกิจบนความยั่งยืน
- การมีทรัพยากรบุคคลที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน (Human Resources)
- พื้นฐานบริษัทมุ่งเน้นการพึ่งพานวัตกรรม (Innovative-Based)
- การมีสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเป็นของตัวเอง (Patents and Trademark)
- กระแสเงินสดดี และหนี้น้อย (Low D/E Ratio)
- มีประสบการณ์และความสามารถในการปรับ Business Model จาก OEM -> ODM และ OBM เพื่อเพิ่ม Margin
- ความสามารถในการเพิ่มมูลค่าจากสินทรัพย์แฝง เช่น การนำ TJM เข้าตลาดหุ้นภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ การนำ Patents ออกขายหรือต่อยอด การ Leverage เพื่อ M&A ฯลฯ
โอกาส
- แนวโน้มราคาน้ำมันและเม็ดพลาสติกต่ำไปอีกหลายปี (อเมริกากำลังจะผ่านกฎหมายยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมัน ฯลฯ) ต้นทุนวัตถูดิบ (เม็ดพลาสติก) เป็นสัดส่วนประมาณ 30-40% ของธุรกิจ Aeroklas และ Aeroflex เป็นสัดส่วน 50% สำหรับธุรกิจ EPP ปี 2558 (รอบบัญชี 2559) ราคาเม็ดพลาสติกลดลงประมาณ 10% เทียบแล้วอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นราว 3-5% กว่าช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้น ปีหน้าหากราคาน้ำมันดิบยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ (50 USD/Barrel) อาจเห็น Margin ที่เพิ่มสูงขึ้นอีก
- ความต้องการภาชนะพลาสติก โดยเฉพาะที่มีดีไซน์หรือรักษ์ธรรมชาติสูงขึ้น
- ความต้องการฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูง น่าจะสูงขึ้นจากธุรกิจท่องอวกาศ ซึ่งกำลังจะบูมในทศวรรษหน้า
- AEC + 3 ช่วย Urbanization เกิด Gentrification ทั้งในเมือง และหัวเมืองต่างจังหวัด ความต้องการในการสร้างหรือ Renovate อาคารสูงขึ้น
- การเติบโตของตลาดรถไฟฟ้า และรถยนตร์อัจฉริยะ (ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) สูงขึ้นที่ US และ EPG-US มีชื่อเสียงมากพอที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด
- Ford มีการเพิ่ม Line การผลิต น่าจะเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ Side Steps ซึ่งมี Margin สูง เพราะเป็นเจ้าของนวัตกรรมทั้งการออกแบบ และสูตร Polymerization
- เงินลงทุนจาก Mega Project เข้าระบบ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประเทศในทุกมิติ
- ธุรกิจปิโตรเคมีขาลง อาจเป็นโอกาสในการ M&A ธุรกิจต้นน้ำ
- การ Subsidized ภาษีของรัฐบาล เพื่อสนับสนุน New Cluster ที่มีนวัตกรรม จะทำให้ EPG มีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
Quantitative Analysis:
จากสมมติฐานในการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ซึ่งพบปัจจัยบวกทั้งในเชิง ช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้น กำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น การประหยัดภาษี การนำสินทรัพย์ไปต่อยอด การใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่า ความต้องการฉนวนกันความร้อนที่มากขึ้น ตลาดของ Aeroklas ที่กว้างขึ้น การนำ TJM เข้าจดทะเบียนฯ เพื่อรับรู้กำไรทางบัญชี การใช้ Leverage แนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ
Poirot's School of Thought มองว่า EPG จะโตได้ถึง 40% CAGR ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ก่อนจะเติบโตลดลงเหลือเพียง 5-10% ต่อปี จากธรรมชาติของวงจรธุรกิจ
คำนวณราคาหุ้นตาม DCF ได้ราคาหุ้นที่เหมาะสมในปี 2559 เท่ากับ 17-22 บาทต่อหุ้น
แนะนำ: ขายบ้าน ขายรถ ขายตัว มา "ซื้อ"
... [ EPG มุ่งหน้าสู่ 20 บาท ก่อนจะไป 30 บาท ภายใน 3 ปี ] ...
จุดแข็ง
- คณะผู้บริหาร มาจากตระกูลที่มีความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน กตัญญู และเข้าใจการทำธุรกิจบนความยั่งยืน
- การมีทรัพยากรบุคคลที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน (Human Resources)
- พื้นฐานบริษัทมุ่งเน้นการพึ่งพานวัตกรรม (Innovative-Based)
- การมีสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเป็นของตัวเอง (Patents and Trademark)
- กระแสเงินสดดี และหนี้น้อย (Low D/E Ratio)
- มีประสบการณ์และความสามารถในการปรับ Business Model จาก OEM -> ODM และ OBM เพื่อเพิ่ม Margin
- ความสามารถในการเพิ่มมูลค่าจากสินทรัพย์แฝง เช่น การนำ TJM เข้าตลาดหุ้นภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ การนำ Patents ออกขายหรือต่อยอด การ Leverage เพื่อ M&A ฯลฯ
โอกาส
- แนวโน้มราคาน้ำมันและเม็ดพลาสติกต่ำไปอีกหลายปี (อเมริกากำลังจะผ่านกฎหมายยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมัน ฯลฯ) ต้นทุนวัตถูดิบ (เม็ดพลาสติก) เป็นสัดส่วนประมาณ 30-40% ของธุรกิจ Aeroklas และ Aeroflex เป็นสัดส่วน 50% สำหรับธุรกิจ EPP ปี 2558 (รอบบัญชี 2559) ราคาเม็ดพลาสติกลดลงประมาณ 10% เทียบแล้วอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นราว 3-5% กว่าช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้น ปีหน้าหากราคาน้ำมันดิบยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ (50 USD/Barrel) อาจเห็น Margin ที่เพิ่มสูงขึ้นอีก
- ความต้องการภาชนะพลาสติก โดยเฉพาะที่มีดีไซน์หรือรักษ์ธรรมชาติสูงขึ้น
- ความต้องการฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูง น่าจะสูงขึ้นจากธุรกิจท่องอวกาศ ซึ่งกำลังจะบูมในทศวรรษหน้า
- AEC + 3 ช่วย Urbanization เกิด Gentrification ทั้งในเมือง และหัวเมืองต่างจังหวัด ความต้องการในการสร้างหรือ Renovate อาคารสูงขึ้น
- การเติบโตของตลาดรถไฟฟ้า และรถยนตร์อัจฉริยะ (ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) สูงขึ้นที่ US และ EPG-US มีชื่อเสียงมากพอที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด
- Ford มีการเพิ่ม Line การผลิต น่าจะเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ Side Steps ซึ่งมี Margin สูง เพราะเป็นเจ้าของนวัตกรรมทั้งการออกแบบ และสูตร Polymerization
- เงินลงทุนจาก Mega Project เข้าระบบ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประเทศในทุกมิติ
- ธุรกิจปิโตรเคมีขาลง อาจเป็นโอกาสในการ M&A ธุรกิจต้นน้ำ
- การ Subsidized ภาษีของรัฐบาล เพื่อสนับสนุน New Cluster ที่มีนวัตกรรม จะทำให้ EPG มีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
Quantitative Analysis:
จากสมมติฐานในการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ซึ่งพบปัจจัยบวกทั้งในเชิง ช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้น กำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น การประหยัดภาษี การนำสินทรัพย์ไปต่อยอด การใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่า ความต้องการฉนวนกันความร้อนที่มากขึ้น ตลาดของ Aeroklas ที่กว้างขึ้น การนำ TJM เข้าจดทะเบียนฯ เพื่อรับรู้กำไรทางบัญชี การใช้ Leverage แนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ
Poirot's School of Thought มองว่า EPG จะโตได้ถึง 40% CAGR ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ก่อนจะเติบโตลดลงเหลือเพียง 5-10% ต่อปี จากธรรมชาติของวงจรธุรกิจ
คำนวณราคาหุ้นตาม DCF ได้ราคาหุ้นที่เหมาะสมในปี 2559 เท่ากับ 17-22 บาทต่อหุ้น
แนะนำ: ขายบ้าน ขายรถ ขายตัว มา "ซื้อ"