สวัสดีค่ะ ต่อจากกระทู้เดิม
http://ppantip.com/topic/33310535
หลังจากที่เขียนกระทู้เดิมแล้ว อาการก็ทรงๆค่ะ ไม่มีขึ้นใหม่ แผลเดิมก็ยังคงอยู่ แดงบ้าง ชมพูบ้าง หนาๆ บ้าง แต่ก็ยังลอกร่อนเหมือนเดิม
แต่แล้วก็มีสิ่งที่ตกใจค่ะ.....มีผื่นขึ้นที่หน้าผาก เยอะด้วย (ถ้าคิดพื้นที่หน้าผากเป็น 100% ผื่นมันขึ้นประมาณ 80%) ตกใจเนอะ ขึ้นที่หน้าอ่ะ แล้วเป็นผู้หญิงมันต้องแต่งหน้า ทาแป้ง ทาเสร็จตอนเย็นก็ต้องมาเช็ด...ไอ้ขั้นตอนเหล่านี้ แสดงว่าหน้าผากเราต้องโดนสารเคมี ทำให้ระคายเคืองเพิ่มอีกจากเดิม อยากหายทำไงดีล่ะ....ปรึกษาหมอแมะละกัน เราก็ขอคิวเข้าไปตรวจ แมะแล้ว ผลปรากฎว่า ไปเจอสารเป็ดจ้า สารเป็ดคืออะไร? มันก็คือเป็ดนั่นแหละ คือเราไปกินเป็ดมา!!!!!! แค่ 3 ชิ้นเองนะ แฮร่ๆๆๆ จากเป็ดที่เป็นของห้ามกินอยู่แล้ว ตอนนั้นร่างกายเราไม่ค่อยแข็งแรง มันเลยทำให้ผื่นขึ้นนั่นเอง หมอแมะก็เลยให้ยามาทาผื่นที่หน้าผาก เป็นครีมมีกลิ่นของสมุนไพร แต่ไม่มีสเตียรอยด์นะจ๊ะ ก็เอามาทา 2 วันมันก็หายไปเลย หายไปแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนับจากวันนั้นมาเราก็ไม่กินเป็ดอีกเลย (ต้องให้ผื่นขึ้นก่อนสินะ ถึงคิดได้)
ยอมรับค่ะ ว่าการกินอาหารตามเมนูของหมอแมะนั้น เราเคร่งๆแบบสุดๆ ก็แค่ตอนที่หมอให้เมนูมาทำกินเอง แต่พอหมอไม่ให้เมนู แต่ให้เลือกกินเอง ว่าอะไรที่เคยอยู่ในเมนูก็แสดงว่ากินได้ อะไรที่ไม่อยู่ในเมนู อะไรที่ห้าม ก็อย่าไปกิน ... แค่เนี้ย ง่ายๆ แต่จะบอกว่าการกินนี่ถือเป็นกิเลสอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็ว่าได้ แล้วยิ่งออกไปนอกบ้าน อาหารการกิน มันช่างเยอะแยะมากมาย ยั่วน้ำลายยิ่งนัก เราก็กินอาหารที่ไม่ควรกินเหล่านั้นบ้างตามระเบียบ จากที่เคยแค่ “ไหนๆ มากินคำนึงสิ” “ลองอันนี้หน่อยสิ” “เอาอันนั้นด้วย” “อันนี้ก็อร่อย” “กินนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก”...งี้ ตอนนั้นเรียกได้ว่า กินแทบจะเหมือนคนปกติดเค้ากินกันเลยทีเดียว >>> ยกเว้นเป็ดนะ เข็ดเลยจริงๆ
ว๊ายยยย ตุ่มยุงกัดขึ้นที่คอ!!!!! ไม่เคยเลยนะ อะไรเนี้ย.... ไหนๆ ไปเอายาที่หมอให้มาคราวก่อนมาแต้มๆดูซิ เออ...มันยุบแฮะ ยุบไปสักพักก็ขึ้นมาอีก ก็ทายาไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 2 รอบ
จนเมื่อ กรกฏาคม 2558 มันก็ขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ก็ไม่ตื่นเต้นอะไรนะ เพราะขึ้นมาทายาแล้วก็ยุบไปเหมือนเมื่อ 2 ครั้งก่อนนั่นแหละ....ครั้งนี้ไม่เป็นงั้นแฮะ 5 วันแล้ว มันก็ไม่ยุบ แถมลาม ขยาย ไปเรื่อยๆ พอเวลาอาบน้ำ ส่องกระจกดูปรากฎว่าข้างหลัง ตรงสะบักก็มีด้วยแฮะ...ทำไงดี ก็ขอไปพบคุณหมอ ผลแมะออกมาปรากฎว่า ต่อมน้ำเหลืองผิดปกติมากๆ มีสภาวะทางอารมณ์ เครียด (จนใกล้เป็นโรคซึมเศร้าแล้ว) นอนพักผ่อนน้อย และทานอาหารที่ห้ามทาน มันเลยทำให้ร่างกายตอนนี้ผิดปกติไปมากๆ หมอแนะให้อย่าเครียด (ทำยากนะ ยิ่งคนป่วยๆ) และก็กินอาหารให้ระวัง พร้อมกันนั้น หมอก็ให้ยามาทาน ยาเป็นพวกยาปรับน้ำเหลือง ยาแก้แพ้ อาหารเสริม (ยาทั้งหมด เป็นยาที่คุณหมอปรุงเอง เป็นเม็ดบ้าง แคปซูลบ้าง ผงบ้าง)
เอายามากินละจ้า แต่ก็หยุดอาการผื่นไม่ได้จริงๆนะจ๊ะ หมอแอบบอกว่ามันเป็นกระบวนการ มันมาแล้ว หยุดไม่ได้แล้ว รอ รอ และรอ เท่านั้น
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง ถือว่านี่เป็นเหตุการไม่ปกติเอาซะเลย ตัดสินใจ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมถึงคอ กางเกงขายาว แถมด้วยผ้าเช็ดหน้าพับเป็นสามเหลี่ยม พันเพื่อปิดผิวบริเวณเหนือจากกระดุมเปิดบน ดึงขึ้นมาที่แก้ม ไดร์ผมตรงแล้วใส่หมวก (เพื่อปิดรอยบริเวณแก้ม) แล้วไปซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ซื้อของตุนนั่นเอง!!! ซื้อหมู ไข่ ผัก ผลไม้ และสิ่งที่จำเป็น กะว่าอยู่ เดียวดายๆ สัก 2-3 อาทิตย์ ซื้อเสร็จกลับมาแทบจะเป็นบ้าแหนะค่ะ ด้วยอากาศที่ร้อน เหงื่อออกแล้วแสบมากๆ แถมยังต้องแต่งตัวแบบหนาวๆอีก กลับมาก็รีบเอาของใส่ตู้เย็นให้เป็นระเบียบที่สุด แล้วก็อาบน้ำ ทำให้ร่างกายเย็นลง แล้วเตรียมตัวตั้งรับกับการไม่สบายในครั้งนี้ค่ะ
จากคอมันเริ่มไต่ขึ้นที่หน้าค่ะ มาถึงบริเวณเครา (เฉดไฮไลแก้มเวลาแต่งหน้าเลย 45 องศา)
โอ๋ยยยยย ขึ้นหน้าแล้วจะออกไปไหนมาไหนได้ไงนะ และคราวนี้ ขึ้นมาเยอะกว่าคราวก่อนอีก คราวก่อนยังไม่สูงขนาดนี้เลย และก็เริ่มลงไปที่หน้าอก และรักแร้ค่ะ เรียกได้ว่า (ดูภาพรูปตอนต้นปี 58 จากกระทู้ที่แล้วประกอบนะคะ) ตรงไหนที่มันเป็นผิวปกติสีเหลืองๆ มันจะขึ้นในครั้งนี้ค่ะ ส่วนตรงไหนที่เป็นแผลอยู่แล้วมันไม่ขึ้นค่ะ (ใช่ซี๊..หนาขนาดนั้นจะแทงทะลุขึ้นมาได้ไง ทำกันไว้ซะขนาดนั้นแล้ว นี่)
คอกับหน้าอกนี่เป็นเต็มพื้นที่ค่ะ ซ้าย ขวา เงย ก้ม ทำไม่ได้เลยค่ะ หน้าต้องตั้งตรงตลอดเวลา เพราะหันทีแผลก็ฉีกค่ะ ฉีกแล้วก็เลือดออกนะคะ เจ็บมากค่ะ น้ำตาไหล ว่างๆ ก็เอามือลูบๆ ดูที่คอด้านหลัง ตรงท้ายทอย คือมันเป็นรอบคอเลยค่ะ เป็นแห้งๆ สะเก็ด เจ็บมากค่ะ
แชร์ประสบการณ์ การรักษาตัวจากโรค SLE, สะเก็ดเงิน, เรื้อนกวาง ภาค2
หลังจากที่เขียนกระทู้เดิมแล้ว อาการก็ทรงๆค่ะ ไม่มีขึ้นใหม่ แผลเดิมก็ยังคงอยู่ แดงบ้าง ชมพูบ้าง หนาๆ บ้าง แต่ก็ยังลอกร่อนเหมือนเดิม
แต่แล้วก็มีสิ่งที่ตกใจค่ะ.....มีผื่นขึ้นที่หน้าผาก เยอะด้วย (ถ้าคิดพื้นที่หน้าผากเป็น 100% ผื่นมันขึ้นประมาณ 80%) ตกใจเนอะ ขึ้นที่หน้าอ่ะ แล้วเป็นผู้หญิงมันต้องแต่งหน้า ทาแป้ง ทาเสร็จตอนเย็นก็ต้องมาเช็ด...ไอ้ขั้นตอนเหล่านี้ แสดงว่าหน้าผากเราต้องโดนสารเคมี ทำให้ระคายเคืองเพิ่มอีกจากเดิม อยากหายทำไงดีล่ะ....ปรึกษาหมอแมะละกัน เราก็ขอคิวเข้าไปตรวจ แมะแล้ว ผลปรากฎว่า ไปเจอสารเป็ดจ้า สารเป็ดคืออะไร? มันก็คือเป็ดนั่นแหละ คือเราไปกินเป็ดมา!!!!!! แค่ 3 ชิ้นเองนะ แฮร่ๆๆๆ จากเป็ดที่เป็นของห้ามกินอยู่แล้ว ตอนนั้นร่างกายเราไม่ค่อยแข็งแรง มันเลยทำให้ผื่นขึ้นนั่นเอง หมอแมะก็เลยให้ยามาทาผื่นที่หน้าผาก เป็นครีมมีกลิ่นของสมุนไพร แต่ไม่มีสเตียรอยด์นะจ๊ะ ก็เอามาทา 2 วันมันก็หายไปเลย หายไปแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนับจากวันนั้นมาเราก็ไม่กินเป็ดอีกเลย (ต้องให้ผื่นขึ้นก่อนสินะ ถึงคิดได้)
ยอมรับค่ะ ว่าการกินอาหารตามเมนูของหมอแมะนั้น เราเคร่งๆแบบสุดๆ ก็แค่ตอนที่หมอให้เมนูมาทำกินเอง แต่พอหมอไม่ให้เมนู แต่ให้เลือกกินเอง ว่าอะไรที่เคยอยู่ในเมนูก็แสดงว่ากินได้ อะไรที่ไม่อยู่ในเมนู อะไรที่ห้าม ก็อย่าไปกิน ... แค่เนี้ย ง่ายๆ แต่จะบอกว่าการกินนี่ถือเป็นกิเลสอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็ว่าได้ แล้วยิ่งออกไปนอกบ้าน อาหารการกิน มันช่างเยอะแยะมากมาย ยั่วน้ำลายยิ่งนัก เราก็กินอาหารที่ไม่ควรกินเหล่านั้นบ้างตามระเบียบ จากที่เคยแค่ “ไหนๆ มากินคำนึงสิ” “ลองอันนี้หน่อยสิ” “เอาอันนั้นด้วย” “อันนี้ก็อร่อย” “กินนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก”...งี้ ตอนนั้นเรียกได้ว่า กินแทบจะเหมือนคนปกติดเค้ากินกันเลยทีเดียว >>> ยกเว้นเป็ดนะ เข็ดเลยจริงๆ
ว๊ายยยย ตุ่มยุงกัดขึ้นที่คอ!!!!! ไม่เคยเลยนะ อะไรเนี้ย.... ไหนๆ ไปเอายาที่หมอให้มาคราวก่อนมาแต้มๆดูซิ เออ...มันยุบแฮะ ยุบไปสักพักก็ขึ้นมาอีก ก็ทายาไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 2 รอบ
จนเมื่อ กรกฏาคม 2558 มันก็ขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ก็ไม่ตื่นเต้นอะไรนะ เพราะขึ้นมาทายาแล้วก็ยุบไปเหมือนเมื่อ 2 ครั้งก่อนนั่นแหละ....ครั้งนี้ไม่เป็นงั้นแฮะ 5 วันแล้ว มันก็ไม่ยุบ แถมลาม ขยาย ไปเรื่อยๆ พอเวลาอาบน้ำ ส่องกระจกดูปรากฎว่าข้างหลัง ตรงสะบักก็มีด้วยแฮะ...ทำไงดี ก็ขอไปพบคุณหมอ ผลแมะออกมาปรากฎว่า ต่อมน้ำเหลืองผิดปกติมากๆ มีสภาวะทางอารมณ์ เครียด (จนใกล้เป็นโรคซึมเศร้าแล้ว) นอนพักผ่อนน้อย และทานอาหารที่ห้ามทาน มันเลยทำให้ร่างกายตอนนี้ผิดปกติไปมากๆ หมอแนะให้อย่าเครียด (ทำยากนะ ยิ่งคนป่วยๆ) และก็กินอาหารให้ระวัง พร้อมกันนั้น หมอก็ให้ยามาทาน ยาเป็นพวกยาปรับน้ำเหลือง ยาแก้แพ้ อาหารเสริม (ยาทั้งหมด เป็นยาที่คุณหมอปรุงเอง เป็นเม็ดบ้าง แคปซูลบ้าง ผงบ้าง)
เอายามากินละจ้า แต่ก็หยุดอาการผื่นไม่ได้จริงๆนะจ๊ะ หมอแอบบอกว่ามันเป็นกระบวนการ มันมาแล้ว หยุดไม่ได้แล้ว รอ รอ และรอ เท่านั้น
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง ถือว่านี่เป็นเหตุการไม่ปกติเอาซะเลย ตัดสินใจ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมถึงคอ กางเกงขายาว แถมด้วยผ้าเช็ดหน้าพับเป็นสามเหลี่ยม พันเพื่อปิดผิวบริเวณเหนือจากกระดุมเปิดบน ดึงขึ้นมาที่แก้ม ไดร์ผมตรงแล้วใส่หมวก (เพื่อปิดรอยบริเวณแก้ม) แล้วไปซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ซื้อของตุนนั่นเอง!!! ซื้อหมู ไข่ ผัก ผลไม้ และสิ่งที่จำเป็น กะว่าอยู่ เดียวดายๆ สัก 2-3 อาทิตย์ ซื้อเสร็จกลับมาแทบจะเป็นบ้าแหนะค่ะ ด้วยอากาศที่ร้อน เหงื่อออกแล้วแสบมากๆ แถมยังต้องแต่งตัวแบบหนาวๆอีก กลับมาก็รีบเอาของใส่ตู้เย็นให้เป็นระเบียบที่สุด แล้วก็อาบน้ำ ทำให้ร่างกายเย็นลง แล้วเตรียมตัวตั้งรับกับการไม่สบายในครั้งนี้ค่ะ
จากคอมันเริ่มไต่ขึ้นที่หน้าค่ะ มาถึงบริเวณเครา (เฉดไฮไลแก้มเวลาแต่งหน้าเลย 45 องศา)
โอ๋ยยยยย ขึ้นหน้าแล้วจะออกไปไหนมาไหนได้ไงนะ และคราวนี้ ขึ้นมาเยอะกว่าคราวก่อนอีก คราวก่อนยังไม่สูงขนาดนี้เลย และก็เริ่มลงไปที่หน้าอก และรักแร้ค่ะ เรียกได้ว่า (ดูภาพรูปตอนต้นปี 58 จากกระทู้ที่แล้วประกอบนะคะ) ตรงไหนที่มันเป็นผิวปกติสีเหลืองๆ มันจะขึ้นในครั้งนี้ค่ะ ส่วนตรงไหนที่เป็นแผลอยู่แล้วมันไม่ขึ้นค่ะ (ใช่ซี๊..หนาขนาดนั้นจะแทงทะลุขึ้นมาได้ไง ทำกันไว้ซะขนาดนั้นแล้ว นี่)
คอกับหน้าอกนี่เป็นเต็มพื้นที่ค่ะ ซ้าย ขวา เงย ก้ม ทำไม่ได้เลยค่ะ หน้าต้องตั้งตรงตลอดเวลา เพราะหันทีแผลก็ฉีกค่ะ ฉีกแล้วก็เลือดออกนะคะ เจ็บมากค่ะ น้ำตาไหล ว่างๆ ก็เอามือลูบๆ ดูที่คอด้านหลัง ตรงท้ายทอย คือมันเป็นรอบคอเลยค่ะ เป็นแห้งๆ สะเก็ด เจ็บมากค่ะ