ด้ายแดง

กระทู้สนทนา
ด้ายแดง
    หญิงสาวเหม่อมองเส้นทางที่ทอดยาวราวไร้ที่สิ้นสุด แม้ใจจะสั่งให้รีบรุดหน้าต่อไป แต่เท้าอันปวดระบมจากการทำหน้าที่ของมันอย่างหนักมาหลายวันไม่อาจทำตามคำสั่งได้อย่างจงรักภักดีอีกแล้ว

    ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมทางเท้า จังหวะก้าวช้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่ง มือขวายกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลโทรมทั่วใบหน้า เธอหยีตามองภาพบิดเบี้ยวอันเกิดจากการบิดเบือนของไอความร้อนก่อนจะเหลือบมองสิ่งๆ หนึ่งที่พันผูกอยู่ที่นิ้วก้อยมือซ้ายของตนเอง ความคิดสับสนลังเลผุดขึ้นในหัวสมองอันเหนื่อยล้า

    ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นในเช้าวันปีใหม่เมื่อสามวันก่อน

    ............................

    มันคงจะเป็นเช้าที่ไม่ต่างอะไรไปจากเดิม และก็คงเป็นวันปีใหม่เช่นเดียวกับทุกปี ถ้าเพียงแต่หญิงสาวไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความผิดปกติอะไรบางอย่างในห้องนอนของเธอ

    บนพื้นห้องที่เคยสะอาดสะอ้านกลับมีสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายสีแดงเรืองๆ กองยุ่งเหยิงอยู่ ซึ่งเมื่อไล่สายตาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าปลายด้านหนึ่งของกองด้ายนั้นถูกลากออกไปทางประตูห้องและปลายอีกด้านติดอยู่กับนิ้วก้อยที่มือซ้ายของเธอนั่นเอง

    ยิ่งสังเกตก็ยิ่งแปลกใจเพราะเธอพบว่าด้ายที่ติดอยู่กับนิ้วนั้นไม่มีรอยผูกหรือเงื่อนปมใดๆ เหมือนกับว่ามันเพียงแค่งอกออกมาจากนิ้วเท่านั้นเอง

    หลังขบคิดอยู่พักหนึ่งเธอก็นึกอะไรบางอย่างออก สิ่งที่เห็นตอนนี้มันเหมือนกับบทความที่ได้อ่านบนโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อคืนก่อนนอน

    “คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเส้นด้ายแห่งพรหมลิขิต ด้ายแดงที่ปลายด้านหนึ่งจะพันผูกอยู่ที่นิ้วก้อยของตัวเราเอง และปลายอีกด้านหนึ่งนั้นก็จะถูกผูกติดอยู่กับคนอีกคนหนึ่ง

    เส้นสีแดงเรืองๆ นี้จะทำหน้าที่ชักนำให้เจ้าของซึ่งอยู่ที่ปลายทั้งสองข้างมาพบและร้อยเกี่ยวนิ้วก้อยของคนทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน

    คนทั้งสองที่เกิดมาเพื่อที่จะเป็นของกันและกัน คนที่พร้อมจะยิ้มและร้องไห้ไปด้วยกัน คนที่ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนวันสุดท้ายของชีวิต”

    ด้ายแดงเหรอ เฮ้อ ถ้าทุกอย่างง่ายดายอย่างนี้ได้ก็ดีน่ะสิ ฉันเองก็อยากจะเจอกับคนที่อยู่ปลายอีกด้านของด้ายแดงเสียที คนที่จะเป็นเนื้อคู่และอยู่เคียงข้างกันตลอดไป

    เธอจำได้ว่าตนเองนอนเพ่งพิศนิ้วก้อยอยู่นานราวกับต้องการจะเข้าถึงอะไรบางอย่างเช่นเดียวกับที่อ่านมา ความคิดสับสนเตลิดไปไกลจนกระทั่งผล็อยหลับไป
    
    และในเช้าวันปีใหม่วันนี้นี่เองที่เธอตื่นมาพร้อมๆ กับด้ายสีแดงเรืองรองที่ปลายนิ้วก้อยของเธอ

    หรือนี่จะเป็นโอกาสที่คนบนสรวงสวรรค์ประทานมาให้เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่กันนะ ต้องใช่แน่ๆ ท่านคงเห็นใจคนที่โดดเดี่ยวมานานถึงได้ตอบรับความรู้สึกของเรา

    และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับวันปีใหม่ของเธอ

    หญิงสาวเลือกแต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าสบายที่สุด หลังจากคว้ากระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเธอก็เริ่มต้นใช้มือทั้งสองค่อยๆ สาวเส้นด้ายสีแดงที่เกลื่อนตามพื้นห้องเข้าหาตัวในขณะที่เท้าก็ก้าวออกไปเรื่อยๆ หัวใจพองโตกับสิ่งที่เธอจะได้พบเจอ ในเวลานั้นหญิงสาวคิดว่าเธอเองพร้อมจะยิ้มรับทุกสิ่ง ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะเป็นเส้นทางใดก็ตามที่ด้ายแดงได้นำพาไป

    ด้ายแดงนำเธอลงจากชั้นสองและพาออกจากบ้านของตัวเอง

    โอ้โฮ

    เสียงในสมองอุทานดังหลังจากที่เห็นเส้นด้ายแบบเดียวกับที่ติดอยู่ที่นิ้วของเธอระโยงรยางค์กันเต็มไปหมดอยู่บนพื้นถนน

    สงสัยจะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว

    หญิงสาวต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการคลำเส้นทางที่ด้ายแดงจะนำพาไป มันพาดผ่านพื้นถนน ผ่านตรอกซอกซอย วนไปเวียนมาราวกับต้องมาเดินอยู่ในเขาวงกต เธอเองก็เริ่มงวยงงจนรู้สึกว่าการเดินทางนั้นไม่ได้มีความคืบหน้าเท่าไหร่เลย

    ไม่ใช่ว่าอาจจะไม่ง่าย แต่ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต้องเรียกว่ายากเลยทีเดียว อาจจะต้องเสียเวลาหลายวัน หรือไม่ก็อาจจะตลอดช่วงวันหยุดปีใหม่เลยก็เป็นได้

    เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและจัดเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับการออกเดินทางในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเริ่มต้นการออกเดินทางเพื่อตามหารักแท้ที่ปลายอีกด้านของเส้นด้ายสีแดงอีกครั้งในเวลาเที่ยงวัน

    ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศในช่วงกลางคืนและเช้ามืดนั้นออกจะเย็นสบาย แต่สำหรับในเวลาเที่ยงวันนั้นมันกลับไม่ได้แตกต่างจากฤดูกาลอื่นเลย

    แสงแดดที่แผดลงมายังเบื้องล่างส่งผลให้อุณหภูมิบนท้องถนนที่ปราศจากร่มเงาสูงขึ้นกว่าช่วงเช้าอย่างน่าใจหาย และเพียงแค่เดินออกจากบ้านแล้วต้องมาเจอกองด้ายแดงของใครต่อใครเต็มพื้นถนนไปหมดก็ทำให้เธอเกิดอาการตาลายขึ้นมาได้ง่ายๆ แล้ว

    จะพลาดโอกาสแบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องสู้สิ คนเบื้องบนอุตส่าห์ประทานโอกาสมาให้แล้วแท้ๆ

    หญิงสาวคิดก่อนจะปลุกเร้าตัวเองด้วยการสูดหายใจแรงๆ ก่อนจะเริ่มค่อยๆ คลำเส้นทางจากเส้นด้ายสีแดงตรงพื้นอีกครั้ง

    อ๊ะ นั่นใครกำลังเดินมา อุ๊ย เขานั่นเอง พี่ที่อยู่ซอยสี่คนนั้น จะใช่เขารึเปล่านะ คนที่ฉันแอบปลื้มมานานแล้ว

    สายตาก้มลงต่ำโดยอัตโนมัติเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ ทั้งๆ ที่แทบจะไม่เคยได้คุยด้วยแบบเป็นจริงเป็นจังเลยแท้ๆ แต่เธอก็กลับเขินอายและประหม่าได้อย่างที่ตัวเองยังคาดไม่ถึงว่าจะเป็นได้เพียงนี้

    ถึงแม้จะหลบตาแต่ก็พยายามมองไปยังนิ้วก้อยของชายหนุ่ม

    เขาเดินเข้ามาใกล้แล้ว ใช่รึเปล่านะ จะใช่รึเปล่า ถ้าใช่จะทำหน้ายังไงดี จะเข้าไปทักก่อนเลยดีไหม หรือจะทำเฉยๆ รอให้เขามาทักก่อนดี

    ความคิดแบบเข้าข้างตัวเองเตลิดไปไกล หัวใจเต้นแรงขึ้นเป็นลำดับ รู้สึกราวกับไม่สามารถควบคุมใบหน้าตัวเองให้เรียบเฉยได้

    “สวัสดีครับ แบกเป้อย่างนี้จะไปไหนหรือครับ”

    ชายหนุ่มยิ้มละไม เสียงทุ้มต่ำทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว

    “อ่ะ เอ้อ สวัสดีค่ะ อ๋อ พอดีจะไปเที่ยวสักสองสามวันน่ะค่ะ”

    เธอสะดุ้งลืมตัว ตอบตะกุกตะกัก ยิ้มแหยๆ กลบเกลื่อนความคิด

    “ถ้าอย่างนั้นรีบไปเถอะ ผมขอตัวก่อน ตากแดดนานๆ ระวังจะไม่สบายนะครับ”

    “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงลนลาน เขาอมยิ้มก่อนจะเดินแยกทางจากเธอ

    โธ่ นี่เขาต้องขำที่เห็นฉันทำท่าทางแปลกๆ แน่ๆ เลย หมดกันภาพลักษณ์ของฉันที่เขามี จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ถ้าไม่สาวเจ้าด้ายแดงนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีทางเดินไปตามทางของมันได้แน่ๆ

    หญิงสาวคิดโทษตัวเองอยู่ในที ทั้งๆ ที่มีโอกาสคุยด้วยแล้วแต่เธอก็ยังไม่กล้า แถมยังไปทำอะไรแปลกๆ ให้เห็นอีก

    เมื้อกี้ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย เส้นด้ายที่ติดอยู่กับนิ้วก้อยของเขาก็ยังทิ้งตัวอยู่ที่พื้นแล้วก็ลากยาวไปตามทางที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา ก็แสดงว่าคงจะไม่ใช่เขาสินะ

    หญิงสาวเหลียวหลังกลับไปมอง นึกเสียดายอยู่ลึกๆ หลังคลำทางมาอีกสักพัก ด้ายแดงก็พาเธอเลี้ยวหักมุมเข้าไปในซอยซ้ายมือข้างหน้า

    เอ๋ ซอยนี้ ตายล่ะ ซอยนี้มัน

    เท้าหยุดก้าวในทันทีที่นึกถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาได้

    “โฮ่งๆๆ”

    เสียงเห่าหนักๆ ทรงพลังอันแสนจะคุ้นเคยนี้บ่งบอกถึงขนาดและความดุร้ายของเจ้าของเสียงได้เป็นอย่างดี แต่ไหนแต่ไรหญิงสาวเองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับสุนัขทุกสายพันธุ์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะตัวใหญ่เท่าเสือหรือจะตัวเล็กเท่าหนูก็ตามที

    เธอจะรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของมัน แค่จินตนาการว่าลูกสุนัขตัวน้อยกำลังวิ่งเข้ามาเพื่อที่จะเล่นจะคลอเคลียด้วยเธอก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว

    โธ่ ยังไม่ทันจะขาดคำเลย จะผ่านไปยังไงดีล่ะเนี่ย จะเอายังไงดี โธ่ๆๆ ยังไม่ทันจะพ้นหมู่บ้านเลยก็ต้องมาเจออุปสรรคชิ้นโตเสียแล้ว

    เธอคิดหนักอก รอดูท่าทีของเจ้าร่างใหญ่อย่างหวั่นไหว เตรียมพร้อมวิ่งทุกเมื่อถ้ามันก้าวเท้ามาหา

    “เอ้า เห่าอะไรอยู่ได้ มานี่ เข้าบ้านเดี๋ยวนี้”

    ราวกับสวรรค์เข้าข้าง เสียงเจ้าของตวาดพร้อมกับจูงสุนัขตัวเขื่องที่กำลังขวางเส้นทางอยู่เข้าบ้าน หญิงสาวยิ้มออก ถอนหายใจโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดก็จะได้เริ่มเดินทางต่อเสียที

    ในที่สุดด้ายแดงก็พาให้เธอพ้นจากตัวหมู่บ้านหลังจากที่มันพาเดินวนไปวนมาอยู่นานนับชั่วโมงจนคนในหมู่บ้านบางคนเริ่มสงสัยว่าเธอทำอะไร แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

    ถนนสายหลักหน้าหมู่บ้านที่ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างใช้สัญจรไปมาไม่ขาดสาย ด้ายแดงเกลื่อนถนนยิ่งกว่าในหมู่บ้านไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่าตัว หญิงสาวยืนมองภาพตรงหน้ารู้สึกราวกับจะเป็นลม และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอคิดจะเลิกล้มความตั้งใจ

    ไม่ได้นะ ไม่ได้ ตั้งใจแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ก็นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะได้พบกับรักแท้แล้วทั้งที การเดินทางครั้งนี้จะต้องเป็นความทรงจำที่แสนประทับใจไปอีกนานแสนนาน การเดินทางเพื่อตามหารักแท้ที่จะต้องถูกจดจำไปจนวันสุดท้ายของเรา

    เมื่อใจเรียกร้องขาก็เริ่มก้าวอีกครั้ง บางครั้งที่เธอชำเลืองมองคนที่เดินสวนทางกัน เธอเองก็มีความรู้สึกอายอยู่ไม่น้อยที่ตัวเองต้องมาทำท่าทางราวกับสาวดึงอะไรบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น

    นี่เขาจะคิดว่าเราบ้ารึเปล่านะ โธ่ ต้องคิดแน่อยู่แล้วล่ะ

    แล้ววันแรกของการเดินทางก็จบลงด้วยการที่หญิงสาวหลับเป็นตายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องเดินตากแดดทั้งวันในห้องพักราคาถูก

    มือของเธอยังคงกำส่วนหนึ่งของด้ายแดงที่ได้เดินสาวดึงมาทั้งวัน ก่อนนอนเธอคิดว่าจะได้ฝันเห็นชายที่ปลายทางแห่งรัก แต่อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป ความฝันในคืนนั้นจึงสับสนจนเธอไม่สามารถจับต้นชนปลายได้

    ตี๊ดๆๆ ตี๊ดๆๆ

    มือเอื้อมกดหยุดเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือแต่ตายังคงหลับอยู่ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่อยากตื่น

    อย่าเพิ่งลุกเลย นอนต่อเถอะ ฉันไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มานานแล้วนะ

    ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเดินต่อแล้ว เห็นใจกันบ้างสิ

    อวัยวะต่างๆ ของร่างกายกำลังประท้วงอยู่ในหัวสมอง ร่างกายหนักจากการเดินทางเมื่อวาน เธอลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น รับรู้ได้ถึงความปวดเมื่อยตามแขนขา สายตาชำเลืองมองออกนอกหน้าต่างห้องพัก

    เฮ้อ ฟ้ายังมืดอยู่เลย อากาศก็กำลังเย็นสบายเชียว นอนต่ออีกหน่อยดีไหมเนี่ย

    หญิงสาวหลับตา ความรู้สึกสบายที่ได้จากการคุดคู้ตัวใต้ผ้าอุ่นหนาก่อนจะลุกขึ้นเมื่อสักครู่ยังคงอยู่ เธอถอนหายใจหนักๆ เพื่อรวบรวมกำลังก่อนจะดีดตัวจากที่นอนและจัดแจงกับตัวเองได้ในที่สุด

    การเดินทางในวันที่สองเริ่มต้นตั้งแต่เช้ามืด บทเรียนอันร้ายกาจจากเมื่อวานทำให้ต้องคิดวางแผนในการเดินทางมากขึ้น

    เธอหวังว่าในวันนี้ช่วงที่อากาศยังไม่ร้อนอบอ้าวจะทำให้เดินทางได้ไกลขึ้นและเหนื่อยน้อยกว่าเดิม ส่วนช่วงเที่ยงวันที่น่าจะร้อนที่สุดก็จะหาที่หลบพักเพื่อคลายร้อนก่อนเริ่มออกเดินทางอีกครั้งเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนกำลังลง

    ในวันนี้เส้นด้ายสีแดงเรืองรองยังคงพาหญิงสาวให้เดินอย่างเปะปะไม่ต่างจากเมื่อวาน จะรู้สึกดีอยู่หน่อยก็ตรงที่ในเวลานี้ยังไม่ค่อยมีผู้คนเดินไปมาและขบขันท่าทางของเธอ

    ตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า หญิงสาวรู้สึกแสบตาเล็กน้อยจากแสงที่เริ่มทอลงมายังเบื้องล่าง ลูกกลมสีส้มสุกปลั่งที่เธอไม่เคยสังเกตเห็นมานานแล้ว

    อันที่จริงเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ตื่นสายหรือเกียจคร้านอะไร แต่อาจเป็นเพราะลักษณะการใช้ชีวิตอันเร่งรีบของคนเมืองหรือจะอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เธอเลิกสนใจสิ่งเหล่านี้ไปในที่สุด

    อา สวยจังเลย วันนี้อาจจะมีอะไรดีๆ ก็ได้

    หญิงสาวหลับตา สูดหายใจลึก เผยยิ้มออกมาให้กับความรู้สึก

    ช่วงที่แสงแรงกล้าเริ่มฉายมาตรงกลางกระหม่อม หญิงสาวสะพายเป้วิ่งตามก่อนจะกระโดดขึ้นบนรถประจำทางหลังจากที่เธอพบว่าเส้นด้ายแดงถูกลากหายเข้าไปที่ประตูหลังของรถคันนั้น เธอจัดแจงนั่งอยู่ตรงเบาะด้านหลังสุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาคนอื่นมากนักก่อนที่จะเริ่มสาวดึงเส้นด้ายอีกครั้ง

    เธอใช้เวลาไปพอสมควรทีเดียวบนรถประจำทาง เส้นด้ายที่กองอยู่บนพื้นรถน้อยลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกจากที่นั่ง เขากดกริ่งและยืนรอเพื่อจะลงที่ป้ายข้างหน้า เส้นด้ายบนพื้นสั้นเข้ามา

    รถประจำทางจอดป้าย เขาเดินลงบันไดรถไปก่อนที่เธอจะพบว่าเส้นด้ายแดงนั้นพาดผ่านประตูหน้าที่เขาเพิ่งก้าวลงไปนั่นเอง

    หรือว่า

    ใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกจากอก เพียงคิดแค่นั้นเธอก็ลุกพรวดพราดจากที่นั่งพุ่งตัวออกจากรถประจำทางเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก

    เสียงบ่นเสียงด่าที่ดังไล่หลังไม่อาจดึงความสนใจของเธอไปจากชายตรงหน้าได้ แต่กระนั้นก็ทำให้ใครหลายคนบริเวณนั้นเหลียวหน้ามามอง และนั่นก็รวมถึงเขาคนที่เพิ่งลงจากรถด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่