จขกท. เชื่อว่ามีจำนวนคนที่กำลังหาข้อมูลในการเรียนป.โทอยู่ไม่น้อยแล้วก็คงเกิดคำถามขึ้นมากมายอยู่ในใจ
เช่น การเรียนป.ตรีกับป.โทมันต่างกันยังไง? โปรเจคและการบ้านยากมั้ย? ต้องอ่านเปเปอร์เยอะขนาดไหน?
สอบเหมือนกับตอนป.ตรีหรือเปล่า? และบลาบลาบลา

วันนี้จขกท.จะขอแนะนำและแชร์ประสบการณ์ตรงของจขกท.เองให้คนที่กำลังหาข้อมูล กำลังจะสมัครเรียน
รวมถึงคนที่กำลังเริ่มเรียนป.โท ได้เตรียมตัวและเตรียมใจก่อนที่จะเจอ บทเรียนเหมือนกับจขกท.ค่ะ (นี่ไม่ได้จะข่มขู่นะ! พูดจริงๆ 55555)

ขอเล่าก่อนว่าตอนป.ตรี จขกท.เรียนคณะมนุษยศาสตร์ ม.กรุงเทพ (มหาวิทยาลัยเอกชน)
แล้วพอเรียนป.ตรีจบก็เรียนต่อป.โทที่ นิเทศ นิด้า (มหาวิทยาลัยรัฐบาล)ทันทีเลยค่ะ
ถ้าถามว่าบรรยากาศการเรียนของป.ตรีกับป.โทต่างกันมั้ย? เราพูดได้เลยว่า ค่อนข้างต่างเลยแหละ

เรื่องวิธีการเรียนตอนป.ตรีอ่ะ คือเราเข้าไปฟังที่ lecture จากอาจารย์ 100% เหมือนอาจารย์เป็นผู้ให้ แล้วเราเป็นผู้รับอย่างเดียว
ส่วนวิธีการเรียนตอนป.โท เรารู้สึกว่าเราเข้าไปฟัง lecture จากอาจารย์ 40% แล้วก็ขวนขวายเองอีก60% คือถามว่าต้องปรับตัวเยอะมั้ย?
ตอบเลยว่าเยอะเลยยยยย คือต้องพยายามขวนขวายหาความรู้ อัพเดตข้อมูลใหม่ๆเสมอ จะได้ตามเพื่อนๆในห้องทัน
(อันนี้อาจจะเป็นด้วยตัวคณะที่จขกท.เรียนด้วยแหละ...ที่ต้องคอยอัพเดตข่าวสารที่เกิดขึ้น
แล้วเวลาเค้าพูด หรือแชร์กันในห้องเรียน เราจะเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์หรือเพื่อนพูด)

ส่วนเรื่องโปรเจคกับการบ้าน ถ้าถามว่าเยอะมั้ย? เราว่าพอๆกันกับตอนป.ตรี
แต่เรารู้สึกว่า ทุกๆงาน ทุกๆโปรเจคของป.โท เราต้องทำออกมาให้มันดีกว่าตอนป.ตรี ให้มันมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างเปเปอร์ป.โทที่เขียนส่งในแต่ละวิชา พอเขียนแล้ว ก็ต้องอ่านซ้ำๆ แก้แล้วแก้อีก ปรับตรงนู้นตรงนี้ จนกว่าจะรู้สึกว่ามันดีที่สุด
แล้วก็อาจารย์แต่ละท่านที่นิเทศ นิด้านะ เน้นย้ำและเข้มงวดมากกกกกกกก
"เรื่องการเขียนอ้างอิง หรือพวกบรรณานุกรม"
นี่อยากบอกเลยว่าตอนแรกไม่ชอบมากๆ เรื่องเขียนอ้างอิงอ่ะ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่จุกจิก
ต้องมาตรวจทานหลายครั้งมาก...แต่พอเขียนเปเปอร์เสร็จ แล้วพอมาอ่านแล้วเรารู้สึกว่า
มันเป็นสิ่งที่ทำให้เปเปอร์เราดูแพงขึ้นมาเยอะเลย เพราะมีบทความ มีวิจัยมาอ้างอิง ทำให้เปเปอร์ที่เราเขียนดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเลยจริงๆ

แล้วก็ขอเตือน! สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มเรียนป.โทนะ งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเปเปอร์หรือโปรเจคอ่ะ อย่าดอง!!!
อย่าชะล่าใจคิดว่าอาจารย์ที่ป.โทจะคอยมาทวงงานเหมือนตอนป.ตรีนะ อยากแนะนำว่าให้จัดการตารางเวลาตัวเองดีๆ
อย่าหมักงานไว้ทำใกล้จะส่ง ไม่งั้นไม่ทันจ้ะ (พิสูจน์มาแล้ว TT) เปิดเทอมได้3สัปดาห์ควรเริ่มทำเลย อย่าดองงานขอย้ำ!!!

ถ้าถามว่าเรื่องเปเปอร์อ่านเยอะขนาดไหน นี่ตอนป.ตรีไม่เคยอ่านเลยยยยยย
พอมาป.โทบอกเลยว่า ด้วยสถานการณ์มันบังคับให้เราต้องอ่าน อ่านให้เยอะเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยิ่งต้องเขียนเปเปอร์ของตัวเองส่งแล้วนะ อื้อหือออ
ช่วงนั้นเปเปอร์กระจายเต็มห้อง เต็มโต๊ะ เต็มทุกอณูพื้นที่ในห้องเลยจริงๆ TT

ส่วนเรื่องสอบตอนป.ตรี ก็อ่านชีทแล้วจำไปตอบในข้อสอบ แต่ของป.โท…อยากพูดแค่ว่า หึหึ! 555555555
คือป.โท เราว่าจะเป็นแนว เอาสิ่งที่เรียนในห้อง ทฤษฎีหรือพวกแนวคิดต่างๆมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์หรือโจทย์ในข้อสอบ
ออกแนวต้องคิดพลิกแพลง วิเคราะห์เอามาใช้ได้จริงๆ ให้เข้าใจในสิ่งที่เรียนจริงๆไรงี้อ่ะ

สุดท้ายนี้อยากบอกว่าทั้งหมดที่เล่ามาจากความคิดเห็นและประสบการณ์ตรงของจขกท.เองนะ
ถ้าถามว่าเหนื่อยมั้ย? ก็ตอบเลยว่าเหนื่อย!
แต่ยังมีคนที่เหนื่อยกว่าเรา…คือ “แม่” ที่เป็นคนส่งเราเรียน
เรามั่นใจว่าแม่เหนื่อยกว่าเราเป็นร้อยเท่าพันเท่า
อยากให้ทุกคนที่แวะมาอ่านกระทู้นี้(รวมถึงจขกท.เองด้วย)
ตั้งใจ อดทน ทำมันให้ดีที่สุด เพื่อคนที่เรารัก! *เฮ้*

เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
ขอให้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วทุกอย่างจะแฮปปี้เนอะ
สู้ๆ ^^