(มธ. 3:1-12)
1 คราวนั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดีย
2 กล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์มาใกล้แล้ว"
3 ยอห์นผู้นี้แหละซึ่งตรัสถึงโดยอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ว่า `เสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ท่านจงเตรียมมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป'
4 เสื้อผ้าของยอห์นผู้นี้ทำด้วยขนอูฐ และท่านใช้หนังสัตว์คาดเอว อาหารของท่านคือตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า
5 ขณะนั้นชาวกรุงเยรูซาเล็ม และคนทั่วแคว้นยูเดีย และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ก็ออกไปหายอห์น
6 และได้รับบัพติศมาจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน ด้วยการสารภาพความผิดบาปของตน
7 ครั้นยอห์นเห็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีพากันมาเป็นอันมากเพื่อจะรับบัพติศมา ท่านจึงกล่าวแก่เขาว่า "โอ เจ้าชาติงูร้าย ใครได้เตือนเจ้าให้หนีจากพระอาชญาซึ่งจะมาถึงนั้น
8 เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น
9 อย่านึกเหมาเอาในใจว่า เรามีอับราฮัมเป็นบิดา เพราะเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถจะให้บุตรเกิดขึ้นแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้
10 บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว ดังนั้นทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ
11 เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
12 พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ"
มนุษย์ทุกคนต่างก็ได้กระทำบาป และบาปที่เราทำนั้น ทำให้เรากลายเป็นคนบาป พระเยซูตรัสว่า "ทุกคนที่กระทำบาปก็เป็นทาสของบาป" และบาปนั้นจะนำเราไปสู่ความพินาศและความตายในที่สุด ถ้าเราไม่กลับใจเสียใหม่ พระคัมภีร์กล่าวถึงความบาปทั้งหลายไว้ใน (รม. 1:20-32) เอาไว้ดังนี้
20 ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระองค์นั้น คือฤทธานุภาพอันนิรันดร์และเทวสภาพของพระเจ้า ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
21 เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป
22 เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป
23 และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
24 เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน
25 เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้สมจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ เอเมน
26 เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีราคะตัณหาอันน่าอัปยศ แม้แต่พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากการสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป
27 ฝ่ายผู้ชายก็เลิกการสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟแห่งราคะตัณหาที่มีต่อกัน ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันชั่วช้าอย่างน่าละอาย เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา
28 และเพราะเขาไม่เห็นชอบที่จะรู้จักพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีใจเลวทรามและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม
29 พวกเขาเต็มไปด้วยสรรพการอธรรม การล่วงประเวณี ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การวิวาท การเมื่อล่อลวง การคิดร้าย พูดนินทา
30 ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า หยาบคาย จองหอง อวดตัว ริทำชั่วอย่างใหม่ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา
31 อปัญญา ไม่รักษาคำสัญญา ไม่มีความรักกัน ไม่ยอมคืนดีกัน ปราศจากความเมตตา
32 แม้เขาจะรู้การพิพากษาของพระเจ้าที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น แต่ยังเห็นดีกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย
เมื่อมนุษย์กระทำบาปตามการตัดสินใจของตน มนุษย์ก็กลายเป็นคนบาปและถูกแยกออกจากพระเจ้าซึ่งบริสุทธิ์ปราศจากบาปโดยทันที เหมือนดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกไปจากต้นของมัน และจะเหี่ยวแห้งไปในที่สุด และเหมือนความมืดที่ไม่สามารถจะทนอยู่ในความสว่างได้อย่างไร คนบาปก็ไม่สามารถจะอยู่ใกล้พระเจ้าหรืออยู่ในสวรรค์ที่บริสุทธิ์ปราศจากความบาปและความชั่วร้ายอย่างนั้น
ความบาปนั้นลบล้างด้วยความดีไม่ได้ และโทษของความบาปมีอย่างเดียวคือความตาย ทั้งความตายและโลกนี้และความตายครั้งที่สองหรือการทนทุกข์ชั่วนิรันดร์ในนรกบึงไฟ คนที่ทำบาปต้องได้รับโทษบาปตามการกระทำของตนและไม่สามารถเข้าไปในสวรรค์ได้เลย คนที่โกหกจะต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับคนที่ฆ่าคน ถ้าคนคนหนึ่งฆ่าคนเพียง 1 คน แต่ช่วยชีวิตคน 1000 คน เข้าจะต้องตกนรกเพราะคนที่เขาฆ่า 1 คนนั้น แต่ถ้าคนคนนั้นไม่ได้กระทำบาปใดใดเลย เขาจะได้เข้าไปในสวรรค์และรับรางวัลสำหรับสิ่งดีทั้งสิ้นที่เขากระทำ
คนบาปนั้นก็เหมือนคนที่เป็นหนึ้ และเจ้าหนี้ก็เปรียบเหมือนพระเจ้า เจ้าหนี้ให้เงินแก่ลูกหนี้เพื่อไปลงทุนทำสิ่งที่ดี เหมือนพระเจ้าให้ชิวิตแก่เรา สร้างโลกนี้เพื่อเรา และให้สิ่งดีทั้งสิ้นแก่เราเพื่อให้เราไปทำสิ่งที่ดี แต่แทนที่ลูกหนี้จะทำสิ่งที่ดีก็นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่นไปเล่นการพนัน หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเงินหมด เหมือนกับมนุษย์ที่เอาทุกสิ่งที่พระเจ้าให้มาไปกระทำบาปและสิ่งชั่วร้าย ท้ายที่สุด ลูกหนี้ไม่เหลือเงินไปคืนเจ้าหนี้ เหมือนกับมนุษย์ที่ทำความบาป ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นมลทินและชั่วร้าย แม้แต่ชีวิตของเราเองก็มลทินเและเต็มไปด้วยความบาปและพลาดไปจากน้ำพระทัยของพระเจ้า ลูกหนี้ต้องได้รับโทษเพราะไม่มีเงินคืนเจ้าหนี้อย่างไร คนบาปก็ต้องได้รับโทษเพราะความบาปที่เราทำผิดไปอย่างนั้น ลูกหนี้อาจได้รับโทษในโลกนี้เท่านั้น แต่คนบาปต้องได้รับการลงโทษชั่วนิรันดร์
เพราะว่ามนุษย์ทุกคนทำบาป มนุษย์จึงต้องถูกลงโทษชั่วนิรันดร์ในนรกเพราะความบาปของตน แต่เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์จึงทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ พระเยซู เพื่อทนทุกข์ทรมาน ถูกตรึงการเขนและตายไถ่บาปมนุษย์ทุกคน ถ้ามนุษย์คนใดกลับใจใหม่จากบาปของตน และเชื่อวางในพระเยซู ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มาตายไถ่บาปของตน เชื่อฟังและกระทำตามสิ่งที่พระเยซูสั่งสอน เขาก็จะได้รับการอภัยบาป และ โปรดให้เป็นบุตรของพระเจ้าโดยทางองค์พระเยซูนั้น
นี่เป็นข่าวดีที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรามนุษย์ทุกคน เพื่อให้ทุกคนสามารถได้รับความรอดจากการลงโทษชั่วนิรันดร์ ผ่านทางความเชื่อในพระเยซู ไม่ใช่ตามการกระทำของตนเอง เพราะมาตรฐานของพระเจ้านั้นไม่เหมือนกับมาตรฐานของมนุษย์ และเมื่อพระเจ้าจะทรงตัดสินลงโทษมนุษย์นั้น พระองค์ก็ทรงใช้มาตรฐานของพระองค์ไม่ใช่ของเรา แต่ยิ่งมาตรฐานของพระองค์สูงมากเท่าใด ความรักของพระองค์ก็สูงมากเท่านั้น พระเจ้าทรงรักคนที่ทำบาปมากที่สุดเช่นเดียวกับคนที่ทำบาปน้อยที่สุด เหมือนกับที่พระเจ้าทรงรักพระเยซู
พระเจ้าทรงใช้ "ความเชื่อ" เพื่อให้มนุษย์ทุกคนมีโอกาสมารู้จักพระเยซู และเชื่อวางใจในพระองค์อย่างเท่าเทียม ไม่ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะร่ำรวยแค่ไหน พิการด้านไหน อายุเท่าไหร่ นับถือศาสนาอะไร ชอบอะไร เคยทำบาปมามากแค่ไหน ... เขาก็มีความเชื่อพร้อมอยู่แล้วในตัวที่จะเชื่อในพระเยซู และมีโอกาสได้รับความรอดของพระเจ้า และได้รับชีวิตใหม่
ถ้าลูกหนี้คนหนึ่งเป็นหนี้เจ้าหนี้คนนึง และไม่มีเงินจะใช้คืน ถ้าลูกหนี้คนนั้นจะไปหาเพื่อนของเขาซึ่งก็เป็นลูกหนี้ของเจ้าหนึ้เหมือนกัน และพูดกับเพื่อนว่าช่วยยกหนี้ให้ฉันด้วย หรือพูดกับตัวเองว่าไม่มีหนี้อีกแล้ว หนี้นั้นจะยังอยู่หรือไม่ ... ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือไปขอให้ใครยกหนี้ให้ (ยกเว้นเจ้าหนี้) หนึ้ของเขาก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ... มีแต่เจ้าหนี้เท่านั้นที่ยกหนี้ให้เขาได้ ... นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เช่นเดียวกัน มนุษย์ที่ทำบาปต่อพระเจ้า ก็มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ยกบาปให้กับมนุษย์ได้ แต่พระเจ้าไม่ได้แค่ "พูด" ว่ายกหนี้ให้มนุษย์ แต่ได้ "กระทำ" ด้วยการที่พระเยซูมารับโทษบาปและตายแทนเรามนุษย์บนไม้กางเขนด้วย
ถ้าเจ้าหนี้จะเพียงแค่ "พูด" ว่ายกหนี้ให้กับลูกหนี้ แต่ไม่ยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นไว้เอง คือ เงินที่สูญหายไปเพราะลูกหนี้ไม่สามารถนำมาคืนได้ คำพูดนั้นก็ไม่มีความหมาย เพราะท้ายที่สุด ลูกหนี้จะต้องนำเงินนั้นมาคืน หรือไม่ก็ต้องได้รับโทษแทนเงินที่สูญเสียไปนั้นอยู่ดี เช่นเดียวกัน ถ้าพระเจ้า "พูด" ว่ายกโทษให้มนุษย์ แต่ไม่ยอมมารับทรมานและความตายแทนมนุษย์ คำพูดของพระเจ้าก็ไม่มีความหมาย เพราะท้ายที่สุดมนุษย์จะต้องรับการลงโทษทั้งหมดนั้นไว้เอง ... แต่พระเจ้าทรงเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ พระเยซู เพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ และทรงปรารถนาจะช่วยเราให้รอดจากความบาป และการลงโทษชั่วนิรันดร์ที่รอคอยเราอยู่ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพราะความบาปของเรา แต่พระองค์ทรงกลับคืนชีพจากความตายและกำลังอธิฐานเพื่อเรา เพื่อให้เราได้รับของขวัญที่พระองค์นำมาให้เรา ของขวัญที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เราตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิดมา
ถ้าหากท่านอยากรู้จักพระเยซู ขอให้ท่านสงบใจและอธิษฐานตามข้อความเหล่านี้
"องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ข้าพเจ้าต้องการพระองค์ ข้าพเจ้าขอเปิดประตูใจของข้าพเจ้า ต้อนรับเอาพระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายอมรับกับพระองค์ว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป และขอสารภาพความผิดบาปทั้งสิ้นของข้าพเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงโปรดอภัยโทษบาปผิดให้ข้าพเจ้าแล้ว และได้โปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่ข้าพเจ้า ขอได้โปรดครอบครองชีวิตของข้าพเจ้า และกระทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นไปตามแนวทางของพระองค์เถิด อธิษฐานทูลขอในนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"
วันคริสมาสต์ - การเตรียมใจและการกลับใจใหม่จากความบาปและการกระทำบาป
1 คราวนั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดีย
2 กล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์มาใกล้แล้ว"
3 ยอห์นผู้นี้แหละซึ่งตรัสถึงโดยอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ว่า `เสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ท่านจงเตรียมมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป'
4 เสื้อผ้าของยอห์นผู้นี้ทำด้วยขนอูฐ และท่านใช้หนังสัตว์คาดเอว อาหารของท่านคือตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า
5 ขณะนั้นชาวกรุงเยรูซาเล็ม และคนทั่วแคว้นยูเดีย และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ก็ออกไปหายอห์น
6 และได้รับบัพติศมาจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน ด้วยการสารภาพความผิดบาปของตน
7 ครั้นยอห์นเห็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีพากันมาเป็นอันมากเพื่อจะรับบัพติศมา ท่านจึงกล่าวแก่เขาว่า "โอ เจ้าชาติงูร้าย ใครได้เตือนเจ้าให้หนีจากพระอาชญาซึ่งจะมาถึงนั้น
8 เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น
9 อย่านึกเหมาเอาในใจว่า เรามีอับราฮัมเป็นบิดา เพราะเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถจะให้บุตรเกิดขึ้นแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้
10 บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว ดังนั้นทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ
11 เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
12 พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ"
มนุษย์ทุกคนต่างก็ได้กระทำบาป และบาปที่เราทำนั้น ทำให้เรากลายเป็นคนบาป พระเยซูตรัสว่า "ทุกคนที่กระทำบาปก็เป็นทาสของบาป" และบาปนั้นจะนำเราไปสู่ความพินาศและความตายในที่สุด ถ้าเราไม่กลับใจเสียใหม่ พระคัมภีร์กล่าวถึงความบาปทั้งหลายไว้ใน (รม. 1:20-32) เอาไว้ดังนี้
20 ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระองค์นั้น คือฤทธานุภาพอันนิรันดร์และเทวสภาพของพระเจ้า ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
21 เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป
22 เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป
23 และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
24 เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน
25 เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้สมจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ เอเมน
26 เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีราคะตัณหาอันน่าอัปยศ แม้แต่พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากการสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป
27 ฝ่ายผู้ชายก็เลิกการสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟแห่งราคะตัณหาที่มีต่อกัน ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันชั่วช้าอย่างน่าละอาย เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา
28 และเพราะเขาไม่เห็นชอบที่จะรู้จักพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีใจเลวทรามและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม
29 พวกเขาเต็มไปด้วยสรรพการอธรรม การล่วงประเวณี ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การวิวาท การเมื่อล่อลวง การคิดร้าย พูดนินทา
30 ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า หยาบคาย จองหอง อวดตัว ริทำชั่วอย่างใหม่ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา
31 อปัญญา ไม่รักษาคำสัญญา ไม่มีความรักกัน ไม่ยอมคืนดีกัน ปราศจากความเมตตา
32 แม้เขาจะรู้การพิพากษาของพระเจ้าที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น แต่ยังเห็นดีกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย
เมื่อมนุษย์กระทำบาปตามการตัดสินใจของตน มนุษย์ก็กลายเป็นคนบาปและถูกแยกออกจากพระเจ้าซึ่งบริสุทธิ์ปราศจากบาปโดยทันที เหมือนดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกไปจากต้นของมัน และจะเหี่ยวแห้งไปในที่สุด และเหมือนความมืดที่ไม่สามารถจะทนอยู่ในความสว่างได้อย่างไร คนบาปก็ไม่สามารถจะอยู่ใกล้พระเจ้าหรืออยู่ในสวรรค์ที่บริสุทธิ์ปราศจากความบาปและความชั่วร้ายอย่างนั้น
ความบาปนั้นลบล้างด้วยความดีไม่ได้ และโทษของความบาปมีอย่างเดียวคือความตาย ทั้งความตายและโลกนี้และความตายครั้งที่สองหรือการทนทุกข์ชั่วนิรันดร์ในนรกบึงไฟ คนที่ทำบาปต้องได้รับโทษบาปตามการกระทำของตนและไม่สามารถเข้าไปในสวรรค์ได้เลย คนที่โกหกจะต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับคนที่ฆ่าคน ถ้าคนคนหนึ่งฆ่าคนเพียง 1 คน แต่ช่วยชีวิตคน 1000 คน เข้าจะต้องตกนรกเพราะคนที่เขาฆ่า 1 คนนั้น แต่ถ้าคนคนนั้นไม่ได้กระทำบาปใดใดเลย เขาจะได้เข้าไปในสวรรค์และรับรางวัลสำหรับสิ่งดีทั้งสิ้นที่เขากระทำ
คนบาปนั้นก็เหมือนคนที่เป็นหนึ้ และเจ้าหนี้ก็เปรียบเหมือนพระเจ้า เจ้าหนี้ให้เงินแก่ลูกหนี้เพื่อไปลงทุนทำสิ่งที่ดี เหมือนพระเจ้าให้ชิวิตแก่เรา สร้างโลกนี้เพื่อเรา และให้สิ่งดีทั้งสิ้นแก่เราเพื่อให้เราไปทำสิ่งที่ดี แต่แทนที่ลูกหนี้จะทำสิ่งที่ดีก็นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่นไปเล่นการพนัน หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเงินหมด เหมือนกับมนุษย์ที่เอาทุกสิ่งที่พระเจ้าให้มาไปกระทำบาปและสิ่งชั่วร้าย ท้ายที่สุด ลูกหนี้ไม่เหลือเงินไปคืนเจ้าหนี้ เหมือนกับมนุษย์ที่ทำความบาป ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นมลทินและชั่วร้าย แม้แต่ชีวิตของเราเองก็มลทินเและเต็มไปด้วยความบาปและพลาดไปจากน้ำพระทัยของพระเจ้า ลูกหนี้ต้องได้รับโทษเพราะไม่มีเงินคืนเจ้าหนี้อย่างไร คนบาปก็ต้องได้รับโทษเพราะความบาปที่เราทำผิดไปอย่างนั้น ลูกหนี้อาจได้รับโทษในโลกนี้เท่านั้น แต่คนบาปต้องได้รับการลงโทษชั่วนิรันดร์
เพราะว่ามนุษย์ทุกคนทำบาป มนุษย์จึงต้องถูกลงโทษชั่วนิรันดร์ในนรกเพราะความบาปของตน แต่เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์จึงทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ พระเยซู เพื่อทนทุกข์ทรมาน ถูกตรึงการเขนและตายไถ่บาปมนุษย์ทุกคน ถ้ามนุษย์คนใดกลับใจใหม่จากบาปของตน และเชื่อวางในพระเยซู ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มาตายไถ่บาปของตน เชื่อฟังและกระทำตามสิ่งที่พระเยซูสั่งสอน เขาก็จะได้รับการอภัยบาป และ โปรดให้เป็นบุตรของพระเจ้าโดยทางองค์พระเยซูนั้น
นี่เป็นข่าวดีที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรามนุษย์ทุกคน เพื่อให้ทุกคนสามารถได้รับความรอดจากการลงโทษชั่วนิรันดร์ ผ่านทางความเชื่อในพระเยซู ไม่ใช่ตามการกระทำของตนเอง เพราะมาตรฐานของพระเจ้านั้นไม่เหมือนกับมาตรฐานของมนุษย์ และเมื่อพระเจ้าจะทรงตัดสินลงโทษมนุษย์นั้น พระองค์ก็ทรงใช้มาตรฐานของพระองค์ไม่ใช่ของเรา แต่ยิ่งมาตรฐานของพระองค์สูงมากเท่าใด ความรักของพระองค์ก็สูงมากเท่านั้น พระเจ้าทรงรักคนที่ทำบาปมากที่สุดเช่นเดียวกับคนที่ทำบาปน้อยที่สุด เหมือนกับที่พระเจ้าทรงรักพระเยซู
พระเจ้าทรงใช้ "ความเชื่อ" เพื่อให้มนุษย์ทุกคนมีโอกาสมารู้จักพระเยซู และเชื่อวางใจในพระองค์อย่างเท่าเทียม ไม่ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะร่ำรวยแค่ไหน พิการด้านไหน อายุเท่าไหร่ นับถือศาสนาอะไร ชอบอะไร เคยทำบาปมามากแค่ไหน ... เขาก็มีความเชื่อพร้อมอยู่แล้วในตัวที่จะเชื่อในพระเยซู และมีโอกาสได้รับความรอดของพระเจ้า และได้รับชีวิตใหม่
ถ้าลูกหนี้คนหนึ่งเป็นหนี้เจ้าหนี้คนนึง และไม่มีเงินจะใช้คืน ถ้าลูกหนี้คนนั้นจะไปหาเพื่อนของเขาซึ่งก็เป็นลูกหนี้ของเจ้าหนึ้เหมือนกัน และพูดกับเพื่อนว่าช่วยยกหนี้ให้ฉันด้วย หรือพูดกับตัวเองว่าไม่มีหนี้อีกแล้ว หนี้นั้นจะยังอยู่หรือไม่ ... ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือไปขอให้ใครยกหนี้ให้ (ยกเว้นเจ้าหนี้) หนึ้ของเขาก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ... มีแต่เจ้าหนี้เท่านั้นที่ยกหนี้ให้เขาได้ ... นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เช่นเดียวกัน มนุษย์ที่ทำบาปต่อพระเจ้า ก็มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ยกบาปให้กับมนุษย์ได้ แต่พระเจ้าไม่ได้แค่ "พูด" ว่ายกหนี้ให้มนุษย์ แต่ได้ "กระทำ" ด้วยการที่พระเยซูมารับโทษบาปและตายแทนเรามนุษย์บนไม้กางเขนด้วย
ถ้าเจ้าหนี้จะเพียงแค่ "พูด" ว่ายกหนี้ให้กับลูกหนี้ แต่ไม่ยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นไว้เอง คือ เงินที่สูญหายไปเพราะลูกหนี้ไม่สามารถนำมาคืนได้ คำพูดนั้นก็ไม่มีความหมาย เพราะท้ายที่สุด ลูกหนี้จะต้องนำเงินนั้นมาคืน หรือไม่ก็ต้องได้รับโทษแทนเงินที่สูญเสียไปนั้นอยู่ดี เช่นเดียวกัน ถ้าพระเจ้า "พูด" ว่ายกโทษให้มนุษย์ แต่ไม่ยอมมารับทรมานและความตายแทนมนุษย์ คำพูดของพระเจ้าก็ไม่มีความหมาย เพราะท้ายที่สุดมนุษย์จะต้องรับการลงโทษทั้งหมดนั้นไว้เอง ... แต่พระเจ้าทรงเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ พระเยซู เพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ และทรงปรารถนาจะช่วยเราให้รอดจากความบาป และการลงโทษชั่วนิรันดร์ที่รอคอยเราอยู่ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพราะความบาปของเรา แต่พระองค์ทรงกลับคืนชีพจากความตายและกำลังอธิฐานเพื่อเรา เพื่อให้เราได้รับของขวัญที่พระองค์นำมาให้เรา ของขวัญที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เราตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิดมา
ถ้าหากท่านอยากรู้จักพระเยซู ขอให้ท่านสงบใจและอธิษฐานตามข้อความเหล่านี้
"องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ข้าพเจ้าต้องการพระองค์ ข้าพเจ้าขอเปิดประตูใจของข้าพเจ้า ต้อนรับเอาพระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายอมรับกับพระองค์ว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป และขอสารภาพความผิดบาปทั้งสิ้นของข้าพเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงโปรดอภัยโทษบาปผิดให้ข้าพเจ้าแล้ว และได้โปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่ข้าพเจ้า ขอได้โปรดครอบครองชีวิตของข้าพเจ้า และกระทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นไปตามแนวทางของพระองค์เถิด อธิษฐานทูลขอในนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"