กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์แล้วกัน
ผมก็เป็นเม่าเหมือนทุกๆท่าน จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่สามารถทำเงินจากตลาดหุ้นได้ (อาจมีกำไรเล็กๆน้อยๆ)
แต่สมัยนั้น (สมัยบ้านปูสี่ห้าร้อยบาท) ก็มองหาอาจาย์มาโดยตลอด ไปฟังคอร์สอบรมที่ ตลท.จัด หรือ โบรค์จัด
รวมถึงอ่านกระทู้ในห้องสินธร และเว็บอื่นๆ ซื้อโปรแกรมเทรดดิ้ง ปีละหมื่นกว่าบาท จนกระทั้งวันหนึ่งไปอบรมฟรีจากโบรคแห่งหนึ่ง
สัมมนาเสร็จก็พบว่า อาจารย์ท่านมีสอนต่อ แต่ จนท.บอกว่า ท่านสอนต่อเฉพาะ ลูกศิษย์ (เอาละ มีคอร์สลับด้วยอะ)
ก็เลยไปพบอาจารย์โดยตรง และบอกว่าอยากจะลงเรียน อาจารย์บอกว่า ตอนนี้ยังไม่สอนและให้เบอร์ ศิษย์อาจารย์เบอร์หนึ่งไว้
บอกว่า ถ้าเปิดสอนจะโทรมาบอก (ตอนนั้นยุคหุ้น "อัพเทรน" เล่นบ้านปูยังไงก็ตังค์ หลายหมื่นบาท)
หลายวันต่อมา ศิษย์อาจารย์เบอร์หนึ่ง โทรมาบอกว่า อาจารย์จะเปิดคอร์ส คอร์สนี้อาจเป็นคอร์สสุดท้าย เพราะ อาจารย์จะเลิกสอนแล้ว
อาจารย์จะกลับเข้ามาเทรดแล้ว คอร์สราคาคอร์สละ xx,xxx บาท ตัวเลข เอกซ์ ไม่ใช่แค่ หนึ่ง หรือ สอง หรือ สามแน่ๆ
ผมก็ลงเรียนไป ด้วยความหวังว่า เราจะได้มากกว่าที่ลงเรียน
แน่นอน ส่วนใหญ่อาจารย์ก็จะสอนเกี่ยวกับเทคนิคคอล มีการลงการฟตัวอย่าง สอนและบอกเสมอว่า ต้องคัทลอสให้เป็น
และบอกเสมอว่า เรียนคอร์สนี้คอร์สเดียวเป็นเพียงพื้นฐาน มีคอร์สเรียนต่อไปอีก (การคัทลอสจำเป็นมากๆ การมีวินัยทำตามกราฟสั่งจำเป็นมากๆ)
ถามว่าคอร์สนี้ให้อะไร ก็ให้ประสบการณ์ที่อาจารย์ประสบมา และ สิ่งที่อาจารย์บอกเสมอ การคัทลอสเป็นการรักษาต้นทุน
แต่อาจเนื่องด้วยสติปัญญาของผม และความไม่ขยัน ก็ทำให้ไม่สามารถใช้ความรู้เหล่านี้ สร้างตัวเองให้เป็นเศรษฐีจากตลาดหุ้นได้
ในขณะที่กำลังเรียนคอร์สนี้อยู่ ตลาดหุ้น ได้ทำจุดสูงสุด ยึกยัก ทำยอดที่สอง กำลังลง และระหว่างใกล้เรียนจบ ก็กำลังขึ้นยอดที่สาม
ตอนนั้น ในห้องไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าควรทำอย่างไร หรือ หุ้นกำลังตกครั้งใหญ่
แต่ตอนนั้น ก็ซื้อกองทุนหุ้น (เวรซื้อตอนยอดดอย) แต่ก็ตัดใจคัททิ้ง ในเวลาต่อมา
และแล้ว หุ้นก็ตกจริงๆ (สมัยนั้นมีที เฟกซ์แล้ว เล่นช็อทต์ เล่นลองค์ได้) แต่ต้องใจถึงจริงๆ
ผมตอนนั้น ก็เล่นเป็นแต่หุ้น ถือว่า ซื้อมาอย่างน้อยก็ได้หุ้นมากอด ได้ปันผล และแล้วก็ไม่ได้เล่นอีกยาวนาน โดยติดหุ้นตัวหนึ่ง ที่สุดท้ายเปลี่ยนชื่อเป็น
พีทีทีจีซี
ถามว่า ติดอยู่ที่ราคา แปลงจาก (ตัวเดิมอะไรไม่รู้) แต่ทุนอยู่ที่ เกือบเก้าสิบบาท (หลายคนอาจไม่เชื่อ เพราะ พีทีทีจีซี ไม่เคยถึงเก้าสิบ แต่ผม
เป็นหุ้นที่แปลงมาจากตัวเดิม) และก็หลุดตอนที่ซื้อเฉลี่ยวันที่หุ้นตกเป็นร้อยๆจุด (ผมคัทหุ้นไม่เป็นจริงๆ ไม่สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้)
ผมไม่ทราบว่า ทุกคนที่เสาะหาอาจารย์ จะเจออาจารย์ไหม
แต่ถ้าอาจารย์ท่านเรียกค่าเรียนที่สุงเกินไป สำหรับท่านแล้วลองตัดสินใจดีๆ ถ้าท่านมีเงินมาก อยากลงเรียนไม่เดือดร้อนก็ลงไปเถิด
แต่ถ้าท่านไม่มีเงิน ไม่มีทุน อย่าหวังไปเรียนเลย เพราะ ตลาดหุ้น "ต้องมีทุน" "มีทุนเป็นแสนๆบาท" เป็นอย่างน้อย
สรุป
๑. อาจารย์ส่วนใหญ่ เวลาท่านถาม เรื่องทางเทคนิค จะขึ้นหรือลง จากจุดนี้ สังเกต ส่วนใหญ่ท่านจะไม่ตอบ ท่านจะชี้จุด ตามเส้นตัด เอ็มเอซีดี
มูฟวิ่งเอเวอร์เรจ หรือ ลากเส้นเทรนไลน์ เพราะ เทคนิค คือ ต้องใช้เครื่องมือหลายๆตัวมารวมกัน ยิ่งเครื่องมือหลายตัวชี้ไปทางเดียวกัน ก็ยิ่ง
น่าเชื่อถือ แต่ อาจารย์เค้าก็ไม่แน่ใจจริงๆหรอก เพราะ เค้าก็เจอหลอกมาพอสมควร (จารย์ก็เสียตังค์มาเยอะ) ดังนั้น ความกลัวในอาจารย์ หรือ
ลูกศิษย์ ที่เคยโดนหลอกมาก่อน มีไม่ต่างกันหลอก อาจารย์หลายท่านที่ศึกษามามากก็ผันตัวมาสอนแทน เพราะ ได้เผยแพร่ความรู้ ซึ่งทานลงทุน
ศึกษามา ซื้อตำราจาก ตปท. ลงทุนเทรดเอง การที่ท่านมาเก็บค่าสอน ก็เหมือนท่าน "ถอนทุน" (บ้าง 55555) ดังนั้น ทุกอย่างก็มีเพียง
"ความน่าจะเป็น" ตอนนี้อาจารย์หลายท่านในหุ้นเริ่มลง ก็หันไปขายตรง ลูกศิษย์ก็กลายเป็นดาวน์ไลน์ 5555 เห็นตามเฟสเยอะแยะ
๒. เมื่อความน่าจะเป็นมันไม่เป็นไปตามที่ท่านคิด ท่านต้อง "คัทลอส" แต่ประสบการณ์คนคัทลอส ก็โดนมาเยอะ คัทลอสแล้วเด้ง หรือ ไม่ยอมคัทลอส
แล้วหุ้นลงไปแล้วเกิดเสียด่ายเงินที่สูญไป อันนี้อาจารย์ท่านก็บอกไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องทำตามวินัย (คัทลอสตามที่คุณตั้งไว้)
ถ้ามันเด้ง คุณก็ต้องทำใจว่า หุ้นตัวนี้คุณเล่นไม่ได้ แต่ก็ยังได้ทุนไปเล่นตัวอื่น แต่คนไทยส่วนใหญ่ ชอบไม่ยอมแพ้ ตัวนี้ไม่ชนะก็ต้องเล่นจนชนะมัน
๓. ถือหุ้น ที่ลงไปเรื่อยๆ จนผ่านไปหลายเดือน หุ้นกลับมา คุณก็รีบขาย "หลุดดอยแล้วโว่ย" แต่สุดท้าย หุ้นกลับทะยานขึ้นไปต่อ (อ้าว ขายหมู)
ดังนั้น ถ้าคุณเจออาจารย์ประเภท ไม่คอยพูดมาก ไม่อธิบาย แสดงแต่กราฟ ชี้จุด สันนิฐานไว้ก่อน ว่าคุณไม่ได้เจอ "เซียน" แต่คุณกำลังเจอ
อาจารย์ที่เค้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันจะไปทางไหน แต่เค้ารู้เรื่องเทคนิคคอล รู้ว่ามีสัญญาณ (อาจจะรู้เรื่องเทคนิคอลหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ)
ถ้าเค้าเสนอสอน เรียกเงินเท่านั้นเท่านี้ คุณไปชั่งใจเอง เงินของคุณ
ตอนนี้คนที่เล่นเก่งจริงๆ เค้าไปสนตลาดหุ้นไทยแล้ว เค้าเริ่มย้ายฐานไปดูตลาดหุ้นใกล้ๆบ้านเราแล้ว (เพื่อนบ้านป้าคนนี้ เค้าเล่นเอง กำไรเอง กำไร
เป็นล้านๆ แต่คัทลอสทีก็โดนเป็นล้านเหมือนกัน) เค้าก็ส่งลูกเค้าไปศึกษาตลาดหุ้น เออีซีแล้ว เค้าบอกเลยว่าตลาดไทยแลนด์
แลนด์ออฟบ้ายบาย แต่ผมก็ไม่มีช่องท่าง เงินทุนไม่สูง ก็ยังคง ดูตลาดหุ้นไทยต่อไป
ถ้าหุ้นไทยจะตกลงไปใหม่ ก็คงตกตามหุ้นไทยไปด้วยกัน (พีทีทีจีซี จากที่คิดว่า จะไม่ลงต่ำกว่าโลว์เดิม โลว์เวอร์โลว์ไปแล้ว และก็ไม่กล้าคัทอีกเช่นกัน
ตอนที่มัน พุ่งขึ้นก็ไม่ได้ขายอีก เฮ่อออออ)
ที่เล่ามาก็ประสบการณ์คนไม่เก่ง แต่ก็ดูๆ หุ้นไทยมากหลายปี จะเป็นอุทาหรณ์ หรือ อุทาหอนนนนนนนนนนนนน ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่าน
เมื่อเม่าตามหาศาสดา(อาจารย์)ในห้องสินธร
ผมก็เป็นเม่าเหมือนทุกๆท่าน จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่สามารถทำเงินจากตลาดหุ้นได้ (อาจมีกำไรเล็กๆน้อยๆ)
แต่สมัยนั้น (สมัยบ้านปูสี่ห้าร้อยบาท) ก็มองหาอาจาย์มาโดยตลอด ไปฟังคอร์สอบรมที่ ตลท.จัด หรือ โบรค์จัด
รวมถึงอ่านกระทู้ในห้องสินธร และเว็บอื่นๆ ซื้อโปรแกรมเทรดดิ้ง ปีละหมื่นกว่าบาท จนกระทั้งวันหนึ่งไปอบรมฟรีจากโบรคแห่งหนึ่ง
สัมมนาเสร็จก็พบว่า อาจารย์ท่านมีสอนต่อ แต่ จนท.บอกว่า ท่านสอนต่อเฉพาะ ลูกศิษย์ (เอาละ มีคอร์สลับด้วยอะ)
ก็เลยไปพบอาจารย์โดยตรง และบอกว่าอยากจะลงเรียน อาจารย์บอกว่า ตอนนี้ยังไม่สอนและให้เบอร์ ศิษย์อาจารย์เบอร์หนึ่งไว้
บอกว่า ถ้าเปิดสอนจะโทรมาบอก (ตอนนั้นยุคหุ้น "อัพเทรน" เล่นบ้านปูยังไงก็ตังค์ หลายหมื่นบาท)
หลายวันต่อมา ศิษย์อาจารย์เบอร์หนึ่ง โทรมาบอกว่า อาจารย์จะเปิดคอร์ส คอร์สนี้อาจเป็นคอร์สสุดท้าย เพราะ อาจารย์จะเลิกสอนแล้ว
อาจารย์จะกลับเข้ามาเทรดแล้ว คอร์สราคาคอร์สละ xx,xxx บาท ตัวเลข เอกซ์ ไม่ใช่แค่ หนึ่ง หรือ สอง หรือ สามแน่ๆ
ผมก็ลงเรียนไป ด้วยความหวังว่า เราจะได้มากกว่าที่ลงเรียน
แน่นอน ส่วนใหญ่อาจารย์ก็จะสอนเกี่ยวกับเทคนิคคอล มีการลงการฟตัวอย่าง สอนและบอกเสมอว่า ต้องคัทลอสให้เป็น
และบอกเสมอว่า เรียนคอร์สนี้คอร์สเดียวเป็นเพียงพื้นฐาน มีคอร์สเรียนต่อไปอีก (การคัทลอสจำเป็นมากๆ การมีวินัยทำตามกราฟสั่งจำเป็นมากๆ)
ถามว่าคอร์สนี้ให้อะไร ก็ให้ประสบการณ์ที่อาจารย์ประสบมา และ สิ่งที่อาจารย์บอกเสมอ การคัทลอสเป็นการรักษาต้นทุน
แต่อาจเนื่องด้วยสติปัญญาของผม และความไม่ขยัน ก็ทำให้ไม่สามารถใช้ความรู้เหล่านี้ สร้างตัวเองให้เป็นเศรษฐีจากตลาดหุ้นได้
ในขณะที่กำลังเรียนคอร์สนี้อยู่ ตลาดหุ้น ได้ทำจุดสูงสุด ยึกยัก ทำยอดที่สอง กำลังลง และระหว่างใกล้เรียนจบ ก็กำลังขึ้นยอดที่สาม
ตอนนั้น ในห้องไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าควรทำอย่างไร หรือ หุ้นกำลังตกครั้งใหญ่
แต่ตอนนั้น ก็ซื้อกองทุนหุ้น (เวรซื้อตอนยอดดอย) แต่ก็ตัดใจคัททิ้ง ในเวลาต่อมา
และแล้ว หุ้นก็ตกจริงๆ (สมัยนั้นมีที เฟกซ์แล้ว เล่นช็อทต์ เล่นลองค์ได้) แต่ต้องใจถึงจริงๆ
ผมตอนนั้น ก็เล่นเป็นแต่หุ้น ถือว่า ซื้อมาอย่างน้อยก็ได้หุ้นมากอด ได้ปันผล และแล้วก็ไม่ได้เล่นอีกยาวนาน โดยติดหุ้นตัวหนึ่ง ที่สุดท้ายเปลี่ยนชื่อเป็น
พีทีทีจีซี
ถามว่า ติดอยู่ที่ราคา แปลงจาก (ตัวเดิมอะไรไม่รู้) แต่ทุนอยู่ที่ เกือบเก้าสิบบาท (หลายคนอาจไม่เชื่อ เพราะ พีทีทีจีซี ไม่เคยถึงเก้าสิบ แต่ผม
เป็นหุ้นที่แปลงมาจากตัวเดิม) และก็หลุดตอนที่ซื้อเฉลี่ยวันที่หุ้นตกเป็นร้อยๆจุด (ผมคัทหุ้นไม่เป็นจริงๆ ไม่สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้)
ผมไม่ทราบว่า ทุกคนที่เสาะหาอาจารย์ จะเจออาจารย์ไหม
แต่ถ้าอาจารย์ท่านเรียกค่าเรียนที่สุงเกินไป สำหรับท่านแล้วลองตัดสินใจดีๆ ถ้าท่านมีเงินมาก อยากลงเรียนไม่เดือดร้อนก็ลงไปเถิด
แต่ถ้าท่านไม่มีเงิน ไม่มีทุน อย่าหวังไปเรียนเลย เพราะ ตลาดหุ้น "ต้องมีทุน" "มีทุนเป็นแสนๆบาท" เป็นอย่างน้อย
สรุป
๑. อาจารย์ส่วนใหญ่ เวลาท่านถาม เรื่องทางเทคนิค จะขึ้นหรือลง จากจุดนี้ สังเกต ส่วนใหญ่ท่านจะไม่ตอบ ท่านจะชี้จุด ตามเส้นตัด เอ็มเอซีดี
มูฟวิ่งเอเวอร์เรจ หรือ ลากเส้นเทรนไลน์ เพราะ เทคนิค คือ ต้องใช้เครื่องมือหลายๆตัวมารวมกัน ยิ่งเครื่องมือหลายตัวชี้ไปทางเดียวกัน ก็ยิ่ง
น่าเชื่อถือ แต่ อาจารย์เค้าก็ไม่แน่ใจจริงๆหรอก เพราะ เค้าก็เจอหลอกมาพอสมควร (จารย์ก็เสียตังค์มาเยอะ) ดังนั้น ความกลัวในอาจารย์ หรือ
ลูกศิษย์ ที่เคยโดนหลอกมาก่อน มีไม่ต่างกันหลอก อาจารย์หลายท่านที่ศึกษามามากก็ผันตัวมาสอนแทน เพราะ ได้เผยแพร่ความรู้ ซึ่งทานลงทุน
ศึกษามา ซื้อตำราจาก ตปท. ลงทุนเทรดเอง การที่ท่านมาเก็บค่าสอน ก็เหมือนท่าน "ถอนทุน" (บ้าง 55555) ดังนั้น ทุกอย่างก็มีเพียง
"ความน่าจะเป็น" ตอนนี้อาจารย์หลายท่านในหุ้นเริ่มลง ก็หันไปขายตรง ลูกศิษย์ก็กลายเป็นดาวน์ไลน์ 5555 เห็นตามเฟสเยอะแยะ
๒. เมื่อความน่าจะเป็นมันไม่เป็นไปตามที่ท่านคิด ท่านต้อง "คัทลอส" แต่ประสบการณ์คนคัทลอส ก็โดนมาเยอะ คัทลอสแล้วเด้ง หรือ ไม่ยอมคัทลอส
แล้วหุ้นลงไปแล้วเกิดเสียด่ายเงินที่สูญไป อันนี้อาจารย์ท่านก็บอกไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องทำตามวินัย (คัทลอสตามที่คุณตั้งไว้)
ถ้ามันเด้ง คุณก็ต้องทำใจว่า หุ้นตัวนี้คุณเล่นไม่ได้ แต่ก็ยังได้ทุนไปเล่นตัวอื่น แต่คนไทยส่วนใหญ่ ชอบไม่ยอมแพ้ ตัวนี้ไม่ชนะก็ต้องเล่นจนชนะมัน
๓. ถือหุ้น ที่ลงไปเรื่อยๆ จนผ่านไปหลายเดือน หุ้นกลับมา คุณก็รีบขาย "หลุดดอยแล้วโว่ย" แต่สุดท้าย หุ้นกลับทะยานขึ้นไปต่อ (อ้าว ขายหมู)
ดังนั้น ถ้าคุณเจออาจารย์ประเภท ไม่คอยพูดมาก ไม่อธิบาย แสดงแต่กราฟ ชี้จุด สันนิฐานไว้ก่อน ว่าคุณไม่ได้เจอ "เซียน" แต่คุณกำลังเจอ
อาจารย์ที่เค้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันจะไปทางไหน แต่เค้ารู้เรื่องเทคนิคคอล รู้ว่ามีสัญญาณ (อาจจะรู้เรื่องเทคนิคอลหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ)
ถ้าเค้าเสนอสอน เรียกเงินเท่านั้นเท่านี้ คุณไปชั่งใจเอง เงินของคุณ
ตอนนี้คนที่เล่นเก่งจริงๆ เค้าไปสนตลาดหุ้นไทยแล้ว เค้าเริ่มย้ายฐานไปดูตลาดหุ้นใกล้ๆบ้านเราแล้ว (เพื่อนบ้านป้าคนนี้ เค้าเล่นเอง กำไรเอง กำไร
เป็นล้านๆ แต่คัทลอสทีก็โดนเป็นล้านเหมือนกัน) เค้าก็ส่งลูกเค้าไปศึกษาตลาดหุ้น เออีซีแล้ว เค้าบอกเลยว่าตลาดไทยแลนด์
แลนด์ออฟบ้ายบาย แต่ผมก็ไม่มีช่องท่าง เงินทุนไม่สูง ก็ยังคง ดูตลาดหุ้นไทยต่อไป
ถ้าหุ้นไทยจะตกลงไปใหม่ ก็คงตกตามหุ้นไทยไปด้วยกัน (พีทีทีจีซี จากที่คิดว่า จะไม่ลงต่ำกว่าโลว์เดิม โลว์เวอร์โลว์ไปแล้ว และก็ไม่กล้าคัทอีกเช่นกัน
ตอนที่มัน พุ่งขึ้นก็ไม่ได้ขายอีก เฮ่อออออ)
ที่เล่ามาก็ประสบการณ์คนไม่เก่ง แต่ก็ดูๆ หุ้นไทยมากหลายปี จะเป็นอุทาหรณ์ หรือ อุทาหอนนนนนนนนนนนนน ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่าน