“จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ.ตร.ฉะ “ปวีณ” อดีตรอง ผบช.ภ.8 ต่อ บอกคดีโรฮีนจาไม่ได้มีเจ้าตัวทำคนเดียว พนักงานสืบสวนทำหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาอีกนับร้อยนายไม่เห็นมีปัญหาอะไร กลับมีปัญหาอยู่คนเดียว ฝากให้คิดทีคดีระเบิดแยกราชประสงค์ใหญ่ระดับชาติ มือทำงานหลายนายไม่ได้เลื่อนตำแหน่งซ้ำกลับถูกโยกย้าย ไม่เห็นมีใครออกมาตีโพยตีพาย เอาหน่วยงานไปขาย
กรณีสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีโรฮีนจา ขอลี้ภัยพร้อมครอบครัวที่ประเทศออสเตรเลีย อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.แถลงข่าวโต้อดีตรอง ผบช.ภ.8 ว่าพูดกับสื่อนอกไม่หมดทุกประเด็น สร้างความเสื่อมเสียเกียรติภูมิกับองค์กรตำรวจและประเทศ ไม่แน่ใจมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
ความคืบหน้า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบช.ตามปกตินั้น ผบ.ตร.ต้องหารือกับ ผบช.ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นอำนาจของผู้นำหน่วยงานที่จะเลือกคนไปทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ กรณีนี้ ผบช.ภ.8 ไม่เอา ตนจึงช่วยหาที่อยู่ให้ใหม่เพื่อให้ได้ทำงาน เหตุที่ไม่เอามาไว้ที่จเรตำรวจ หรือตำแหน่งประจำเพื่อให้ พล.ต.ต.ปวีณ ได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านการสอบสวน มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ที่เจ้าตัวออกมาให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ไม่มีวินัย ไปให้สัมภาษณ์ว่ากลัวตายถูกล็อกเป้า แล้วผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ บช.ศชต.จะคิดอย่างไร คนทำคดีโรฮีนจาไม่ใช่มี พล.ต.ต.ปวีณคนเดียว พนักงานสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาอีกหลายร้อยนายไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่ พล.ต.ต.ปวีณกลับมีปัญหาอยู่คนเดียว ต้องถามว่าทำงานเพื่อคาดหวังอะไรหรือคิดว่าเมื่อทำงานเรื่องนี้เสร็จจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น แต่ไม่ได้จึงผิดหวัง ในเมื่อพูดต้องพูดออกมาให้หมด พูดแบบนี้ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำอย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ตนรับราชการมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอตำรวจขอลี้ภัย
“ตำรวจ ทหาร ต้องมีวินัย ผู้ต้องหาในคดีโรฮีนจาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา อย่าเอาองค์กรมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ อย่าคิดว่าทำงานแล้วต้องได้ตำแหน่ง คดีระเบิดแยกราชประสงค์เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ มือทำงานหลายนายไม่ได้เลื่อนตำแหน่งปรับย้ายตำแหน่งให้ดีขึ้น แถมถูกโยกย้ายไม่เห็นมีใครออกมาโวยวายทำให้หน่วยเสียหาย เพราะทุกคนเข้าใจและคิดถึงภาพรวมขององค์กร” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 ขอลี้ภัยในออสเตรเลียว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย รับแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆ ต่อกรณีดังกล่าวเพราะทางการออสเตรเลียมีกฎหมายปกป้องความเป็นส่วนตัวทำให้ทราบเพียงข่าวขอลี้ภัยจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวที่ปรากฏทางสื่อเท่านั้น โดย พล.ต.ต.ปวีณเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว
http://www.thairath.co.th/content/548328
ผบ.ตร.จวกอีก ชี้‘ปวีณ’ผิดหวัง ไม่ได้เลื่อนขั้น
กรณีสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีโรฮีนจา ขอลี้ภัยพร้อมครอบครัวที่ประเทศออสเตรเลีย อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.แถลงข่าวโต้อดีตรอง ผบช.ภ.8 ว่าพูดกับสื่อนอกไม่หมดทุกประเด็น สร้างความเสื่อมเสียเกียรติภูมิกับองค์กรตำรวจและประเทศ ไม่แน่ใจมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
ความคืบหน้า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบช.ตามปกตินั้น ผบ.ตร.ต้องหารือกับ ผบช.ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นอำนาจของผู้นำหน่วยงานที่จะเลือกคนไปทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ กรณีนี้ ผบช.ภ.8 ไม่เอา ตนจึงช่วยหาที่อยู่ให้ใหม่เพื่อให้ได้ทำงาน เหตุที่ไม่เอามาไว้ที่จเรตำรวจ หรือตำแหน่งประจำเพื่อให้ พล.ต.ต.ปวีณ ได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านการสอบสวน มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ที่เจ้าตัวออกมาให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ไม่มีวินัย ไปให้สัมภาษณ์ว่ากลัวตายถูกล็อกเป้า แล้วผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ บช.ศชต.จะคิดอย่างไร คนทำคดีโรฮีนจาไม่ใช่มี พล.ต.ต.ปวีณคนเดียว พนักงานสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาอีกหลายร้อยนายไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่ พล.ต.ต.ปวีณกลับมีปัญหาอยู่คนเดียว ต้องถามว่าทำงานเพื่อคาดหวังอะไรหรือคิดว่าเมื่อทำงานเรื่องนี้เสร็จจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น แต่ไม่ได้จึงผิดหวัง ในเมื่อพูดต้องพูดออกมาให้หมด พูดแบบนี้ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำอย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ตนรับราชการมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอตำรวจขอลี้ภัย
“ตำรวจ ทหาร ต้องมีวินัย ผู้ต้องหาในคดีโรฮีนจาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา อย่าเอาองค์กรมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ อย่าคิดว่าทำงานแล้วต้องได้ตำแหน่ง คดีระเบิดแยกราชประสงค์เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ มือทำงานหลายนายไม่ได้เลื่อนตำแหน่งปรับย้ายตำแหน่งให้ดีขึ้น แถมถูกโยกย้ายไม่เห็นมีใครออกมาโวยวายทำให้หน่วยเสียหาย เพราะทุกคนเข้าใจและคิดถึงภาพรวมขององค์กร” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 ขอลี้ภัยในออสเตรเลียว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย รับแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆ ต่อกรณีดังกล่าวเพราะทางการออสเตรเลียมีกฎหมายปกป้องความเป็นส่วนตัวทำให้ทราบเพียงข่าวขอลี้ภัยจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวที่ปรากฏทางสื่อเท่านั้น โดย พล.ต.ต.ปวีณเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว http://www.thairath.co.th/content/548328