ออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่ใช่หน้าม้าใครเลย ทั้งน้องพลอยชมพู น้องบอม หรือแม้กระทั่งคุณวิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ผกก.เรื่องนี้ แต่ต้องมาบอกความประทับใจต่อหนังเรื่องนี้จริงๆค่ะ เพราะเพิ่งไปดูมาสดๆร้อนๆ เมื่อเย็นนี้เองค่ะ เลยอยากมารีวิวไว้ เผื่อจะได้เปนตัวเลือกนึงสำหรับคนที่กำลังหาภาพยนตร์ดูสักเรื่องในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ค่ะ
"รุ่นพี่" เปิดตัวมาอย่างน่าประทับใจด้วยฉากความแปลกแยกและแตกต่างของ "ม่อน" นางเอกของเรื่อง เปนพลอตที่พบได้ทั่วไปเรื่องตัวเอกของเรื่องมีพลังสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติได้ แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างเปนธรรมชาติและแนบเนียนด้วยการแสดงที่น้อยแต่มาก (Less is More) ในความรู้สึกของเราค่ะ นางเอกเรื่องนี้ น้องพลอยชมพูแสดงได้เหมือนไม่ได้แสดง คือเล่นได้เปนธรรมชาติมากถึงมากที่สุด การแสดงของน้องมีพลังดึงดูดให้เราอยากติดตามและดูความหมายในท่าทางแม้แต่การขยับตัวหรือการแสดงสีหน้า การพูดไดอะล็อกบางฉากยังเปนการท่องอยู่บ้าง แต่เรียกได้ว่าน้องสามารถ carry หนังเรื่องนี้ไว้ได้ครึ่งนึงด้วยพลังการแสดงของน้องที่สามารถสะกดคนดูได้ทั้งโรง ทั้งความอ่อนหวานน่ารัก และความเด็ดเดี่ยวในบทของม่อน ทำให้เราเอาใจช่วยว่าตัวละครจะมีพัฒนาการไปทางไหน และจะต้องผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้อย่างไร เปนการแสดงของเด็กอายุไม่ถึง 15 ที่มีเสน่ห์มากมายจริงๆค่ะ
หนังเล่นเรื่องปมฆาตกรรมในวังพรรณวดีได้อย่างซับซ้อนและน่าติดตาม การปูพื้นฐานตัวละครที่เปนผู้ต้องสงสัยทำได้กลมกล่อมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่มีข้อติติงเรื่องการดำเนินเรื่องในช่วงนี้ที่เร็วเกินไปบางช่วง ทำให้คนดูรู้สึกสับสน และในส่วนพาร์ทของเพื่อนนางเอกทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ และสอนใจวัยรุ่นสาวๆได้ดีเรื่องของการคิดก่อนทำ และการยอมรับผลของการกระทำของตนเองทั้งดีและร้าย เรียกได้ว่าเปนการสอนอย่างแนบเนียนของผกก.โดยไม่ต้องพูดออกมาตรงๆสักคำเลยทีเดียว
และที่สำคัญฉากโรแมนติกระหว่าง ม่อน และรุ่นพี่ ก้ทำออกมาได้กลมกล่อมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เปนความน่ารักในแบบที่กำลังพอดี หนังไม่ยัดเยียดความรักปุบปับฉับพลันแบบที่หนังไทยหลายเรื่องชอบทำ จึงเปนความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ช่วยเหลือ และไว้วางใจกัน ตัวละครรุ่นพี่ทำให้คนดูสามารถเชื่อได้ว่าเปนคนที่ทลายกำแพงความแปลกแยกแตกต่าง และเก็บตัวของม่อนลงได้ คนดูสามารถสัมผัสถึงเคมีของพระ-นางคู่นี้ได้แม้ม่อนจะมองไม่เห็นรุ่นพี่ด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าเปนความละมุนละไมของบท เปนความสามารถเฉพาะตัวและเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้จริงๆ
ซีจีหลายๆฉากทำออกมาได้ดีจนต้องยกนิ้วให้ ความต่อเนื่องของหนังเท่าที่ดูก้ยังไม่มีจุดไหนผิดพลาดจนต้องตำหนิ ส่วนที่มากเกินไปของหนังเรื่องนี้คือการพยายามใส่เพลงเข้ามาแทนความรู้สีกของตัวละครมากไปในบางช่วง จนทำให้อารมณ์ของคนดูสะดุดเพราะยังไม่อินกับความสัมพันธ์ในช่วงนั้นของตัวละครเท่าที่ควร และส่วนของการเฉลยความจริงที่รวบรัดไปหน่อย แต่ก้เข้าใจว่าด้วยเงื่อนไขของเวลาและคนดูที่มีหลายระดับจึงต้องพยายามเคลียร์คัทให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด ส่วนของเพลงก้ค่อนข้างทำออกมาได้ดีและตอบโจทย์ พูดแทนตัวละครได้ในหลายสถานการณ์ เปนเพลงที่ติดหูคนฟังได้อย่างแน่นอน
สรุปว่าเปนหนังไทยที่ชอบมากที่สุดในปีนี้ ให้คะแนนอยู่ที่ 9/10 เสียดายที่ฉายไม่ตรงกับช่วงวันหยุดยาวหรือวันครอบครัว และไม่ใช่หน้าหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่คนไทยนิยมดูกัน จึงอาจจะทำให้กลุ่มผู้ชมเปนกลุ่มเฉพาะทางมากไปหน่อย แต่อยากให้เปนอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูหนังไทยดีๆสักเรื่อง หนังเรื่องนี้ของคุณวิศิษฎ์ อาจไม่ใช่หนังที่ยอดเยี่ยมขนาดวางไว้บนหิ้ง แต่ก้สามารถอวดในตู้โชว์หน้าบ้านได้อย่างน่าภาคภูมิใจเช่นเดียวกันค่ะ
"รุ่นพี่" หนังดีๆนอกสายตา (รีวิวแบบละเอียดค่ะ)
"รุ่นพี่" เปิดตัวมาอย่างน่าประทับใจด้วยฉากความแปลกแยกและแตกต่างของ "ม่อน" นางเอกของเรื่อง เปนพลอตที่พบได้ทั่วไปเรื่องตัวเอกของเรื่องมีพลังสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติได้ แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างเปนธรรมชาติและแนบเนียนด้วยการแสดงที่น้อยแต่มาก (Less is More) ในความรู้สึกของเราค่ะ นางเอกเรื่องนี้ น้องพลอยชมพูแสดงได้เหมือนไม่ได้แสดง คือเล่นได้เปนธรรมชาติมากถึงมากที่สุด การแสดงของน้องมีพลังดึงดูดให้เราอยากติดตามและดูความหมายในท่าทางแม้แต่การขยับตัวหรือการแสดงสีหน้า การพูดไดอะล็อกบางฉากยังเปนการท่องอยู่บ้าง แต่เรียกได้ว่าน้องสามารถ carry หนังเรื่องนี้ไว้ได้ครึ่งนึงด้วยพลังการแสดงของน้องที่สามารถสะกดคนดูได้ทั้งโรง ทั้งความอ่อนหวานน่ารัก และความเด็ดเดี่ยวในบทของม่อน ทำให้เราเอาใจช่วยว่าตัวละครจะมีพัฒนาการไปทางไหน และจะต้องผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้อย่างไร เปนการแสดงของเด็กอายุไม่ถึง 15 ที่มีเสน่ห์มากมายจริงๆค่ะ
หนังเล่นเรื่องปมฆาตกรรมในวังพรรณวดีได้อย่างซับซ้อนและน่าติดตาม การปูพื้นฐานตัวละครที่เปนผู้ต้องสงสัยทำได้กลมกล่อมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่มีข้อติติงเรื่องการดำเนินเรื่องในช่วงนี้ที่เร็วเกินไปบางช่วง ทำให้คนดูรู้สึกสับสน และในส่วนพาร์ทของเพื่อนนางเอกทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ และสอนใจวัยรุ่นสาวๆได้ดีเรื่องของการคิดก่อนทำ และการยอมรับผลของการกระทำของตนเองทั้งดีและร้าย เรียกได้ว่าเปนการสอนอย่างแนบเนียนของผกก.โดยไม่ต้องพูดออกมาตรงๆสักคำเลยทีเดียว
และที่สำคัญฉากโรแมนติกระหว่าง ม่อน และรุ่นพี่ ก้ทำออกมาได้กลมกล่อมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เปนความน่ารักในแบบที่กำลังพอดี หนังไม่ยัดเยียดความรักปุบปับฉับพลันแบบที่หนังไทยหลายเรื่องชอบทำ จึงเปนความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ช่วยเหลือ และไว้วางใจกัน ตัวละครรุ่นพี่ทำให้คนดูสามารถเชื่อได้ว่าเปนคนที่ทลายกำแพงความแปลกแยกแตกต่าง และเก็บตัวของม่อนลงได้ คนดูสามารถสัมผัสถึงเคมีของพระ-นางคู่นี้ได้แม้ม่อนจะมองไม่เห็นรุ่นพี่ด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าเปนความละมุนละไมของบท เปนความสามารถเฉพาะตัวและเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้จริงๆ
ซีจีหลายๆฉากทำออกมาได้ดีจนต้องยกนิ้วให้ ความต่อเนื่องของหนังเท่าที่ดูก้ยังไม่มีจุดไหนผิดพลาดจนต้องตำหนิ ส่วนที่มากเกินไปของหนังเรื่องนี้คือการพยายามใส่เพลงเข้ามาแทนความรู้สีกของตัวละครมากไปในบางช่วง จนทำให้อารมณ์ของคนดูสะดุดเพราะยังไม่อินกับความสัมพันธ์ในช่วงนั้นของตัวละครเท่าที่ควร และส่วนของการเฉลยความจริงที่รวบรัดไปหน่อย แต่ก้เข้าใจว่าด้วยเงื่อนไขของเวลาและคนดูที่มีหลายระดับจึงต้องพยายามเคลียร์คัทให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด ส่วนของเพลงก้ค่อนข้างทำออกมาได้ดีและตอบโจทย์ พูดแทนตัวละครได้ในหลายสถานการณ์ เปนเพลงที่ติดหูคนฟังได้อย่างแน่นอน
สรุปว่าเปนหนังไทยที่ชอบมากที่สุดในปีนี้ ให้คะแนนอยู่ที่ 9/10 เสียดายที่ฉายไม่ตรงกับช่วงวันหยุดยาวหรือวันครอบครัว และไม่ใช่หน้าหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่คนไทยนิยมดูกัน จึงอาจจะทำให้กลุ่มผู้ชมเปนกลุ่มเฉพาะทางมากไปหน่อย แต่อยากให้เปนอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูหนังไทยดีๆสักเรื่อง หนังเรื่องนี้ของคุณวิศิษฎ์ อาจไม่ใช่หนังที่ยอดเยี่ยมขนาดวางไว้บนหิ้ง แต่ก้สามารถอวดในตู้โชว์หน้าบ้านได้อย่างน่าภาคภูมิใจเช่นเดียวกันค่ะ