[CR] เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองด้วย Google Map และ App มือถือ (ธ.ค. 2015) by Jo Geo11 (ตอนที่ 3)

ตอนที่ 1 เราวางแผนเดินทางและเตรียมแผนที่ Google Map และ Application มือถือไว้ในกระทู้นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/34548155

ตอนที่ 2 เราต่อกันในส่วนบันทึกการเดินทางครับ
http://ppantip.com/topic/34548286


ตอนที่ 3 เราก็ยังต่อกันในส่วนบันทึกการเดินทางครับ

กินเสร็จเดินกลับมารอรถ ฝนเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ คำนวณดูเวลา รถน่าจะผ่านมาแถวนี้ราวบ่ายโมงครึ่ง รอขึ้นรถไป Stanley Market รถมาบ่ายครึ่งเป๊ะเลย แต่พอขึ้นรถปุ๊บ ฝนกระหน่ำเลย ทีนี้ในรถก็เริ่มเละละ ฝรั่งที่นั่งชั้นสองก็ลงมายืนกันชั้นล่าง แถมน้ำจากพื้นชั้นสอง (เพราะไม่มีหลังคา) ก็ไหลย้อยมาเปียกเต็มพื้นชั้นหนึ่งอีก พอรถไปถึง Stanley Market คนก็ขึ้นมาเพิ่มอีก ไม่มีใครอยากลงเดินเที่ยวละ แต่ต้องรอรถวิ่งตามเส้นทางไปจนถึง Central Pier ดังนั้น ก่อนซื้อตั๋วควรดูพยากรณ์อากาศให้ดี เพราะถ้าฝนตกจะเที่ยวไม่สนุกละ

มาถึง Central Ferry เดินต่อไป ท่าเรือ 7 เพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปจิมซาจุ่ย เรือมีสองชั้น จ่ายค่าเรือด้วยบัตร Octopus ได้ เรานั่งชั้นล่าง ถูกกว่าและลมโกรก เย็นสะใจมาก





ข้ามฝั่งมาแล้วรีบเดินหาร้านอาหาร ลงชั้นใต้ดินไปดู Café de Coral ตามลายแทง ปรากฏว่า อาหารหมดหลายเมนู พอเดินขึ้นมาเหลือบไปเห็นร้านน้ำมะม่วง Hui Lau Chan เลยรองท้องไปก่อน อร่อยมากครับ (39 hkd)




เริ่มมีแรงก็เลยเดินตะลุยห้างร้านแถวนั้น จนมาจบลงที่ Food Republic ตรงถนน Haiphong RD. ชั้นใต้ดิน รอดไปอีกมื้อ 555 จริงๆ แล้วมันก็เหมือน Food court บ้านเราล่ะ จ่ายเงินสด รับใบเสร็จแล้วค่อยเดินมาเอา มีหลายร้าน หลายเมนูให้เลือก ราคาประมาณ 50-70 hkd รสชาติก็ใช้ได้ครับ





อิ่มแล้วฝนยังตกปรอยๆ ตัดสินใจเดินลุยฝนไปหาทางลง MTR เพื่อไป Ladies Market กับ Fa Yuan Street แถวๆ MTR Mongkok ไปเดินหาซื้อของจนปวดขาละ จะหาแท็กซี่กลับหาไม่ได้ เลยต้องเดินมาขึ้น MTR กลับโรงแรม


วันที่สาม

วันนี้ตามแผนเดิมเราจะไปกินอาหารที่ Relax for a while หรือ Yuen Kee restaurant แล้วไปชมพิพิธภัณฑ์ ในย่านจิมซาจุ่ย แต่เนื่องจากปวดขามาก เพราะสองวันที่ผ่านมาเดินไปแล้ว 5 หมื่นก้าว (นับโดย Galaxy Note 4) เลยตัดสินใจกินอาหารที่โรงแรม แล้วแพ็คกระเป๋าเพื่อเตรียมไปวัดโปลิน (ขึ้นกระเช้านองปิง) เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เรียกแท็กซี่ไป MTR Kaoloon station เพื่อทำ In town Check In สายการบิน HK Airlines แล้วซื้อตัว Airport Express ไปลงสนามบิน




นั่งแท็กซี่ราวสิบนาทีก็มาถึง Kaoloon station ค่าแท็กซี่เริ่มที่ 22 hkd รวมจ่ายไป 28 hkd เข้าไปซื้อตั๋ว Airport Express แล้วแตะบัตรเพื่อเข้าไปเช็คอิน โหลดกระเป๋าไปเลย เพราะมีเป้ขนาด day pack สำหรับซื้อของที่ city gate ไว้แล้ว ที่จริงสามารถลากกระเป๋าไปฝากที่ city gate หรือสนามบินได้ แต่คุยกันแล้วว่าการแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆ เดินขึ้น MTR มันไม่สะดวก โดยเฉพาะตอนนี้ปวดขามาก และค่าฝากกระเป๋าก็ไม่ได้ถูก ซื้อตั๋ว Airport Express แล้วเช็คอินเลยน่าจะดีกว่า





นั่งรถ Airport Express มาลงสนามบิน แล้วเดินลงมาที่ arrival hall เพื่อออกไป bus station แล้วขึ้นรถสาย S1 ไป City Gate outlet (รถขับวนเป็นวงกลม) ท่ารถอยู่ทางขวามือของป้ายรวมเส้นทางรถ พอไปถึง City Gate เห็นคนเข้าแถวซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าเต็มไปหมดสองฝั่งเลย ใจคิดว่า แหมจริงอย่างเพื่อนบอก โชคดีที่ซื้อตั๋วมาก่อน

แต่.........ความจริงคือ ครึ่งนึงของคนที่เข้าแถวรอทั้งหมด ก็ซื้อตั๋วออนไลน์มาแล้วเหมือนเรานั่นล่ะ หลังจากให้แฟนเข้าคิวรอแล้วเดินถามหา fast lane แบบที่ agent ขายตั๋วบอกพักนึง เจ้าหน้าที่บอกฝั่งนั้นล่ะ ที่เข้าแถวกันยาวๆ น่ะ นั่นล่ะ online ticket from agency ทำไงได้ ตั๋วเปลี่ยนชื่อก็ไม่ได้ เข้าแถวรอจากขั้น 1 ขึ้นไปชั้น 2 นึกว่าจะเร็วขึ้น ก็ไปรอบนชั้น 2 อีก สิริรวมรอไป 2 ชั่วโมงกว่า เนื่องจากก่อนวันที่เรามาเขาปิดปรับปรุง 5 วัน คงอัดอั้นน่ะ





รอจนขาชา เพราะเดินมากจนปวดขาตั้งแต่เมื่อคืนละ ใกล้ถึงคิวขึ้นกระเช้า เห็นเจ้าหน้าที่คอยถ่ายรูปตอนนั่งในกระเช้า ใจก็คิดว่าถ้าถึงคิวเราจะบอกไม่เอา เพราะรู้ว่าต้องโดนเก็บตังค์แน่ แต่คิดอีกทีน่าจะเก็บไว้จำว่า ต้องมายืนเมื่อย ทั้งเหนื่อยทั้งหิว และปวดขาเพื่อฝ่าฟันไปไหว้พระ เลยยิ้มสู้กล้องไปเลยครับ ขึ้นไปถึงปลายทางรูปเสร็จพอดี มาตามคาด เป็นเซ็ตพร้อมกรอบรูป และ snow globe ต่อรองกันไปมาจนจะไม่เอารูปละ สุดท้าย....100 hkd เฉพาะรูป
อ่ะ....ไม่เป็นไร เดี๋ยวแฟนจะไม่สบายใจ เพราะเขาอยากมามากๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้วกัน 463 บาท หึ หึ
นั่งกระเช้าขึ้นมาก็เห็นวิวสวยดี แต่กระจกสกปรกมาก ถ่ายรูปอะไรก็จะดูหมองๆ น่าจะเช็ดกระจก (ด้านนอก) ด้วยนะ ขึ้นมาถึงยอดเขา จุดสนใจเราอยู่ที่พระใหญ่อย่างเดียวเลย Starbuck คนรอเยอะมาก เราก็กินกาแฟจากโรงแรมมาแล้ว ร้านค้า ซุ้ม ข้าวของต่างๆ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจ เดินผ่านไป





ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนแฟนหิว เพราะนี่ก็บ่ายสองละ เลยต้องไปซื้อไส้กรอกกินประทังหิว ไม้ละ 20 hkd (ราว 90 บาท)



รองท้องเสร็จก็เดินต่อไปไหว้พระ ใจคิดแล้วว่าต้องพยายามเดินให้เร็ว เพราะขาขึ้นมารอสองชั่วโมงกว่า แล้วขาลงล่ะ? อากาศข้างบนก็เย็นดี ลมพัดจนหน้าชาเลย เดินขึ้นไปไหว้พระ ปวดขาสะใจ ขอพรพระไปแล้ว รับลมเย็นๆ พักนึง แล้วเดินลงมาชมวัด









ขากลับรอคิวลงประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วมาปิดทริปกันที่ City Gate Outlet ใช้บริการ Food Republic อีกครั้ง และเดินหาซื้อของให้พ่อแฟน แล้วขึ้นรถบัส S1 เข้าสนามบินครับ
ที่สนามบิน Departure Hall อยู่ชั้น 7 ด้านหลังซุ้มของสายการบินต่างๆ (HK Airlines แถว K) ใช้เวลาไม่นานก็ผ่าน immigration มาเดินเล่นด้านในได้ สนามบินใหญ่มาก มีร้านค้าเต็มไปหมด แต่ราคาค่อนข้างสูง เรามองหาทางไป gate ไว้ก่อนเพราะได้ยินว่า ต้องนั่งรถไฟภายใน terminal ไป gate อีกทีนึง เจอทางไป gate แล้ว รถมาทุก 2 นาที ใช้เวลาราว 5 นาที ถึงอีกสถานีนึง เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าขึ้นรถไฟไปแล้วจะกลับมาอีกได้มั้ย เค้าว่าไม่ได้แล้ว งั้นขอกลับขึ้นไปเดินชมร้านรวงในโซนนี้ก่อน





ปวดขาจนสาแก่ใจแล้วก็เดินกลับลงมาขึ้นรถไฟไป gate 68 หลังลงรถไฟระหว่างทางเดินไปก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร เหมือนๆ ด้านนอก แต่อาจมีจำนวนน้อยกว่า gate อยู่ไกลมาก จนต้องมีทางเลื่อนไว้ มีห้องน้ำและห้องสูบบุหรี่ให้บริการด้วย หรูเชียวครับ  รวมแล้วทริปนี้เดินไปทั้งสิ้น ประมาณ 70,000 ก้าว วัดโดย Note 4………………. จบครับ






5. คำแนะนำในการเที่ยวฮ่องกง

หารองเท้าผ้าใบดีๆ สักคู่ เพื่อใช้เดิน เราเดินเยอะมาก

อากาศเย็น / ฝน ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนไป 20 องศาไม่หนาวมาก แต่ถ้ามีลม มีฝนจะเที่ยวไม่สนุก

ที่สูบบุหรี่ ฮ่องกงมีที่สูบบุหรี่เกือบทุกสี่แยก มีถังขยะสีส้มๆ ยืนสูบแถวนั้น

ตรวจคนเข้าเมือง ตรวจเร็วมาก เขาว่าห้ามเอาบุหรี่เข้าไปเกิน 19 ตัว แต่ไม่เห็ยตรวจใครสักคน

รสชาติอาหาร หนักทางมัน หวาน เค็ม ก่อนใส่พริกเผาผัดควรชิมด้วย บางร้านพริกผัดเค็มมากกว่าเผ็ด

ราคาสินค้า ไม่ค่อยต่างจากไทยเท่าไหร่ โดยเฉพาะใน brand name shop ในห้าง และสนามบิน

การเดินทาง สะดวกมาก เราเดินทางครบทุกแบบเลย เครื่องบิน รถไฟด่วน รถไฟใต้ดิน เรือ แท็กซี่ รถเมล์ กระเช้า

สนามบินฮ่องกง ใหญ่มาก ควรตรวจสอบช่องเช็คอิน gate ให้พร้อม จะได้ไม่ต้องวิ่งกระหืบกระหอบ

กล้องและไม้เซลฟี่ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องแบก DSLR หรอก กล้องมือถือดีๆ กับไม้เซลฟี่ (เห็นทัวร์พกมาหลายคนเลย)

อินเตอร์เน็ตเช็คอิน เร็วและสะดวกกว่ามาก ทั้งในไทย และ in town check in ที่ Kaoloon station

น้ำแปล่า ราคาในเซเว่น บางสาขาไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวและสนามบิน

บุหรี่แพงกว่าในไทย 2 เท่า (50 hkd)

รถไฟสายสีฟ้า คล้ายรถดีเซลรางบ้านเรา ลงใต้ดินบ้าง ขึ้นบนดินบ้าง ขบวนยาวมากๆ มีทั้ง standard และ first class
ชื่อสินค้า:   เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองด้วย Google Map และ App มือถือ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่