[CR] ท่องไปในอิตาลี่ ตอน ซาน จิมิญาโน่ ป้อมปราการแห่งทัสคานี ( San Gimignano Of Tuscany )

กระทู้รีวิว
เมืองน่ารักแห่งแคว้นทัสคานี่ของอิตาลี่ เป็นเมืองหนึ่งในหลายร้อยเมืองที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของตึกรามบ้านช่อง และสถาปัตยกรรมแบบยุคกลาง (Medieval Town) ได้อย่างสมบูรณ์มาก เหมือนดังว่าเราหลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่งอย่างนั้นเลยเชียว

                                 ในตอนแรกที่ได้ยินชื่อนี้คิดว่าเมืองอะไรชื่อเรียกยากจัง  San Gimignano หรือซาน จิ มิญาโน่  เราไม่เคยรู้จักเมืองนี้มาก่อนไม่เคยรู้ว่ามีเมืองนี้อยู่ใกล้ๆกับเซียน่าที่ไปเมื่อปีที่ผ่านมา   แต่ได้เห็นในเฟสบุค ITALY ที่มักจะมีสถานที่สวยๆมาหลอกล่อให้เราอยากไปเยือนเสมอๆ   ได้เห็นภาพก่อนจะเดินทางไม่นาน...แล้วก็นึกเลยเดี๋ยวนั้นว่า   ตรูจะต้องไปให้ได้  

                                   มาอ่านข้อมูลของคนที่เคยไปเมืองนี้  มีน้อยและหายากมาก  จะเดินทางอยู่ไม่กี่วันแล้ว  ไปหาข้อมูลเอาดาบหน้าละกัน  มันคงไม่ยากอะไรนักหรอก   อย่างดีก็ซื้อตั๋วรถไฟไปเหมือนเมืองอื่นๆนั่นแหละ จากนั้นก็วุ่นวายเรื่องเก็บข้าวของ จัดการเรื่องร้าน ของฝากคนที่อิตาลี่และต่างๆนาๆไม่ได้ใส่ใจอ่านข้อมูลอะไรอีก



                                    ได้ฤกษ์วันหนีจากบ้านอันเดรมาเที่ยวฟลอเร้นซ์คนเดียว  พอจับรถไฟมาได้ถึงฟลอเร้นซ์ประมาณ11โมงเช้าลากกระเป๋ามาเช็คอินโรงแรมประจำที่เคยมาพักก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร   หาเพื่อนคือคริสเตียนเจ้าของโรงแรมไม่เจอ   เจอคุณพ่อก็ถามคุณพ่อนี่ละ  ว่าจะไปยังไงเมืองซาน  จิมิญาโน่เนี่ยคะ  คุณพ่อก็อธิบายว่าจะไปรถไฟหรือรถบัสก็ได้  ไปลงเซียน่าและนั่งรถบัสไปต่อ  เราก็สงสัยว่าไม่มีไดเร็คเทรนหรือบัสเหรอคะ   แกบอกไม่มี   เวรละ  นี่มันสิบเอ็ดโมงละแล้วตรูจะไปถึงกี่โมง  พอบอกขอบคุณแกได้ก็รีบบึ่งมาสถานีรถไฟเลย                                       

                                     ถามคุณหญิงคนขายตั๋วรถไฟ เธอบอกว่าให้นั่งรถไปเซียน่าแล้วไปต่อบัส เหมือนคุณลุงที่โรงแรมเป๊ะ  เราก็ไม่เอา....พยายามสู้  ไปบัสก็ได้ เผื่อมีรถบัสถึงเลยไม่อยากไปต่อเสียเวลา วิ่งไปที่สถานีรถบัสที่คุณลุงบอกว่าอยู่หลังสถานีรถไฟ  หาเท่าไรๆก็หาไม่เจอ.....เจอคุณตำรวจแถวๆนั้นเลยปรี่เข้าไปถามว่าไอ้สถานีรถบัสนี่มันอยู่ตรงไหน  ..... โน่น อยู่ในซอยลึกไปอีก  ตรงข้ามโบสถ์เล็กๆ  เราก็วิ่งไปมาเหมือนหนูเพราะมันเที่ยงกว่าละ เสียเวลามาเยอะแล้ว  แต่ต้องไปให้ได้วันนี้



                                      สรุป...น้องชายคนขายตั๋วก็บอก ยังไงพี่ก็ต้องไปต่อรถอีกสายไม่มีรถบัสถึงเมืองนี้ง่ายๆนะครับแถมส่งตารางรถบัสน่ามึนงงประกอบภาษาอิตาเลี่ยน  และแถมวงๆไว้ให้ว่ามีเที่ยวบ่ายโมงจะไปมั้ย  .....ค่ะ...ไปก็ไปค่ะ....ไปถึงบ่ายสาม  อะไรมันจะนานขนาด  ระยะทางไม่ได้ไกลเลย แล้วก็เอาตั๋วมาพร้อมนั่งดูตารางรถบนบิลบอร์ดดิจิตอลอย่างตาลาย  พอถึงเวลาตารางดิจิตอลนั้นก็จะบอกหมายเลขรถพร้อมด้วยช่องเข้าจอด   ตอนนี้ละก็ดูให้ดีๆ  มิฉะนั้นจะหลงไปเมืองอื่นได้อย่างง่ายดาย   เพราะไม่มีกระเป๋ากระปี๋คอยบอกเหมือนรถทัวร์บ้านเรา

                                     รถบัสไม่แน่น  นั่งสบายพอสมควรแถมไม่หนาว ลืมบอกไปว่าวันนั้นฝนตกตอนเช้าที่มาจากฟลอเร้นซ์อุณหภูมิลดฮวบเหลือแค่ 3  องศา ทั้งหมวกทั้งเสื้อและผ้าพันคอก็ยังหนาวอยู่ .... นั่งไม่นานก็ออกนอกเมืองนั่งมองไรองุ่นไม่นาน  .... อุ่นๆแถมเพลียอีกก็หลับไปหน่อยหนึ่ง ตื่นมารถบัสก็เข้ามาในเมืองแล้ว.........ใจก็ตื่นเต้นอีกละว่าตรูจะลงตรงไหนและขึ้นรถบัสคันไหน  

                                      รถเริ่มจอดเป็นจุดๆเพราะมีคนลง    เราก็เดินไปถามพี่คนขับว่าจะลงได้หรือยังคะต่อรถไปซานจิ  มิญาโน่ แกก็รัวภาษาอิตาเลี่ยนมาประมาณว่าป้ายหน้าเป็นป้ายสถานีรถไฟอะไรประมาณนี้  ไม่นานก็ถึงป้ายสถานีรถไฟชื่อน่ารักและน่าจดจำอย่างมาก ป๊อกจิ-บอนสิ  Poggibonsi  พอลงรถก็เคว้งคว้างอีกทีนี้  แล้วตรูจะขึ้นรถไปซานจิตรงไหน  คนที่ลงก็แตกตัวไปกันหมดแล้ว  แปลว่าเค้าไม่ได้ไปกับเรา   หนาวก็หนาวข้างนอกแบบนี้   เหลือบไปเห็นป้ายจอดิจิตอลอีกละ  บอกเวลารถที่จะไปแต่ไม่เห็นบอกว่ารถจอดตรงไหน  คือมันเป็นที่กว้างๆ มีรถบัสจอดเป็นระยะ  เอาละลองเดินดู.....เดินรอบหนึ่งไม่มีรถหมายเลขตรงกับที่ไปซานจิซักคัน  กลับมามองป้ายอีก  เค้าบอก area 1 อ้าวก็ตรงนี้ละแอเรีย1....รถก็ไม่เห็นมีจอดแต่ไม่เดินไปไหนละ  ยืนเด่นรออยู่ตรงนั้นคนเดียวแม้จะหนาวจนมือแข็ง  ยังไม่ปวดหัวเท่าไรเพราะมีหมวกแต่จมูกเย็นเจี๊ยบ  รอประมาณ 10 นาทีใกล้แข็งละ  รถสวรรค์คันนั้นก็มาถึง  เฮ้อ  พอรถมาถึงผู้คนในสถานีที่หลบอุ่นๆอยู่ก็มาขึ้นกันจนเกือบเต็มรถ  เค้าคงว่าอินี่บ้ายืนอยู่ได้หนาวๆ



                                      พอรถวิ่งไปได้ครึ่งทางก็รู้ว่าบัสนี้คนขับต้องชำนาญทางทีเดียว มันเป็นทางขึ้นเขา  โค้งหักศอก  และมีเหวลึกๆเขียวขจีเป็นระยะ  คือเป็นแบบทางขึ้นดอยนั่นเอง  อ้อ...เมืองนี้มันอยู่บนเขารถต้องวิ่งไปช้าๆระยะทางไม่ไกลถึงใช้เวลานานนัก  ............. พอใกล้ถึงน้ำตาแทบไหล เมืองป้อมปราการที่เห็นอยู่ลิบๆนั่นเหมือนกับในนิยาย   โอบล้อมด้วยขุนเขาที่งดงามแห่งทัสคานี  ป้อมสูงมากๆจนเห็นได้ในระยะไกล.... เริ่มหลงรักเมืองนี้ซะแล้ว     พอใกล้ถึงเมฆฝนมาเลยแล้วฝนก็เริ่มตก  ไม่มากแต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร  อะไรมันจะผจญภัยขนาดนี้   หนาวอีกแล้วตรูต้องลงจากรถแน่ๆ  เพราะถึงแล้ว  เอาหมวกใส่แถมด้วยฮู้ดกันฝนทับ  วิ่งฝ่าจนมาถึงประตูเมือง   พอถึงฝนก็หยุดซะงั้น  คนที่ขึ้นรถบัสมาด้วยกันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  อากาศวันนี้ประหลาดเหลือเกิน   ..............แต่ก็ดีละ   จะได้ถ่ายรูปท้องฟ้าใสๆบ้าง  เบื่อฝนจริง



                                   เข้ามาในเมืองนี้ประทับใจมากๆ  เค้ายังคงความสมบูรณ์ของเมืองไว้ได้ 99 % เลยนะ เมืองและร้านต่างๆที่แฝงตัวอยู่ไม่ทำให้เมืองเสียเลย  น่ารักมากๆ ความสำคัญของซานจีมิญญาโนเป็นเมืองที่ยังรักษาลักษณะเมืองในยุคกลาง (Medieval)ไว้อย่างพร้อมมูลโดยเฉพาะหอคอยซึ่งจะมองเห็นได้แต่ใกล .......เมืองซานจีมิญญาโนได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)

                                  อธิบายไปก็อาจจะไม่เห็นภาพเท่าไร  ดูรูปเอานะคะ   เราเดินเที่ยวชมเมืองไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน  แดดเริ่มออก อากาศเริ่มดีขึ้น  ร้านค้าต่างๆน่าแวะชมก็มีหลากหลายทั้งเซรามิคสวยๆ   เครื่องหนัง งานไม้  อาหารแห้งพวกเส้นพาสต้า  ซาลามี่  เครื่องเทศต่างๆ  ร้านเบเกอรี่  และที่สำคัญคนเดินสวนทางเราลงมาทุกคนต้องถือคือเจลาโต้นั่นเอง   เง้อ ..... ทุกคนจริงๆ  เค้าจะกินบ้าง รีบเดินขึ้นเนินมาโดยเร็ว  เมืองจะเป็นเนินขึ้นๆลงๆแบบนี้ละคะ  ไม่นานก็เจอร้านมีสองร้านใกล้ๆกัน  เราก็เลือกร้านหนึ่ง ทั้งสองร้านเขียนว่าเป็นที่สุด  เวิลดิ์แชมป์โลกไอศครีมอะไรประมาณนี้  คนแน่นร้านมากและเจลาโต้เหลือน้อยแล้ว  เข้าไปรุมๆต่อคิวกะเค้าบ้างจนได้มา ตามรูป ก็อร่อยเข้มข้นจริงๆ  จากนั้นก็เดินเที่ยวต่อ  มีเวลาเดินถึงหกโมงซึ่งเราจะกลับรถเที่ยวนั้นถึงฟลอเร้นซ์ไม่ดึกเกินไป



                                   บ้านเมืองตึกรามล้วนเป็นสีเอิร์ธโทนแนวเดียวกันไปหมด บางตึกมีรากเถาวัลย์ขึ้นแทรก ดูคลาสสิคและลึกลับไปในคราวเดียวกัน เหมือนมาเดินอยู่อีกยุคหนึ่งหรือไม่ก็ในเทพนิยายที่จินตนาการได้ถึงเจ้าหญิงบนหอคอย  ป้อมและหอคอยเค้าสูงมากจริงๆ  เพื่อเอาไว้เป็นปราการดูเมืองได้รอบด้าน  ซอกซอยต่างๆล้วนชวนให้หลงไหล   อยากอยู่เมืองนี้นานๆ  มันเหมือนกับว่าหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ทำให้เราลืมความวุ่นวาย  ปลดปล่อยสมองและร่างกายให้เบา   ไปกับจินตนาการ

                                 ห้าโมงกว่าๆ   เริ่มมืดฟ้ามัวดินมาอีกละ เฮ้อ   เอาไงดีละถ้าตกหนักต้องฝ่าไปป้ายรถเมล์อีก.....นึกแล้วก็กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง  ซอกซอยที่ชวนให้หลงไหลก็กลับเป็นชวนให้หลง   เพราะถนน บ้าน ตึกต่างๆล้วนเหมือนๆกันไปหมด พูดเลยว่าคือเขาวงกฎตึกสีอิฐนั่นเอง  เอาละวา....เริ่มเดินหาทางออกโดยนึกย้อนกลับไปเหมือนแฮนเซลและเกรเทลโรยเศษขนมปัง   แต่เราไม่ได้โรยอะไร  ใช้ทิศทางจากร้านต่างๆที่ผ่านมา  ค่อยๆย้อนกลับไปเส้นทางเดิม  คราวหน้าจะเอาเข็มทิศมาด้วย  ใครจะคิดว่ามาเดินป่าก็ช่าง                                           

                                  สุดท้ายก็มาจนเกือบถึงหน้าประตูเมืองจนได้  เริ่มหิวอีกและอยากลองขนมพื้นบ้านเซียน่า   มองเห็นร้านเบเกอรี่เลยเดินเข้าไป   มันมีขนมเค้กของ Siena อยู่จริงๆ  มีหลายแบบด้วย มีทั้งแบบนิ่มและแข็ง   เรียกว่า Panforte (Di Siena)  เราเลือกแบบแข็งจะได้นั่งแทะในรถไปเรื่อยๆ  เป็นรสชินนามอนหรือ อบเชย หอมมากๆ  ราคาเกือบสองยูโร....ชิ้นเล็กๆสามเหลี่ยมแบบในรูปน่ะค่ะ



                                  ซื้อเสร็จก็เดินออกมาจากประตูเมือง มานั่งรอหนาวสั่นอยู่ที่ป้ายรถบัส กว่ารถจะมาอีกเกือบยี่สิบนาที คิดว่าถ้าเรานั่งแข็งตายอยู่นี่จะมาใครมาเก็บมั้ย  เพราะมันหนาวมากจนทำให้คิดแบบนั้น แก้หนาวด้วยการจ๊อกกิ้งอยู่กับที่และแทะแพนฟอร์เต้ไปพลางจนรถบัสมา   อย่างไรก็ตามแม้อากาศจะแย่ขนาดนั้น  การเดินทางไม่สะดวก   แต่เราก็ยังคงประทับใจในการมาซานจิ  มิญาโน่มาก....ด้วยความน่ารักของเมือง  ร้านรวง   ขนม ผู้คน รถบัสออกแล้วเพื่อกลับไปป๊อกจิ บอนสิ.....ในใจพลางคิดว่าฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง.

******************************************************************************************************
ชื่อสินค้า:   ซาน จิมิญาโน่ ( San Gimignano Of Tuscany )
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่