เพิ่งดูจบไป แนะนำเลยสำหรับคนที่ชอบสายโหดแบบนี้ การปูเรื่องอาจจะยาวนานหลายตอนมาก กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เลยครึ่งเรื่องไปละ ทำให้อาจจะหน่วงๆไปบ้าง แต่เรื่องก็ขมวดปมเข้าเส้นชัยได้อย่างสวยงาม โดยไม่ออกทะเลไปจากโครงเรื่องและแนวคิดสำคัญของเรื่องที่วางไว้ อาจจะขาดความหวานอย่างแรง (มาก) แทบไม่มีฉากเรียกเสียงฮาเลย เข้าโหมดดาร์คจนหนักอก และมีบรรยากาศชวนขนหัวลุกเป็นระยะๆ แต่ก็ส่งพลังอย่างมหาศาลจากแนวคิดของเรื่องโดยถ่ายทอดผ่านคดีฆาตกรรมหญิงรายหนึ่งในหมู่บ้านอาชีอารา
"แม่ไม่ได้รักลูกทุกคนหรอกนะ"
ทันทีที่ประโยคนี้โผล่ขึ้นมาครั้งแรกในเรื่อง ก็ทำให้ผมเก็บมาคิดว่าเป็นความจริงแค่ไหน แม่ที่ไหนนะจะไม่รักลูก ส่วนตัวแล้วมีความคิดที่ว่าแม่จะรักลูกมากกว่าที่ลูกจะรักแม่ตอบได้ สาเหตุที่คิดแบบนั้นถ้าอยากรู้ดูใน spoil นะครับ เป็นเรื่องครอบครัวของผมนี่แหละ ถ้าข้ามไปก็คงไม่พลาดอะไรมากมั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอเท้าความก่อนว่า ผมรู้สึกว่าผมเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นมาก พี่น้องรักกัน แม้จะไม่ได้สนิทกันมากทุกคนทุกคู่ แต่ก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่แต่ละคนมีให้แก่กันได้ พ่อผมเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าห่วงลูกทุกคนและใจดีมากก ส่วนแม่ผมแสดงออกเรื่องความรักตลอดเวลา (555+) ให้เด็กที่ไหนมาดูก็รู้เลยว่าเป็นแม่ที่รักลูกมาก เอาใจใส่ลูกทุกคนมาก มักเก็บอาการความเป็นห่วงไม่ค่อยอยู่ แต่ก่อนตอนผมเด็กๆก็ไม่ค่อยได้รับรู้นะ อาจจะคิดว่าเป็นของตาย (ไม่ดีเลย) มารู้ซึ้งก็ตอนที่ผมป่วยหนักนี่แหละ แม่เห็นผมทรมานแล้วเครียดลงท้องจนไม่สบายไปอีกคนเลย อ่านสายตาก็รู้ว่าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา อยู่ที่ไหนก็จะคอยถามอาการตลอด ไลน์นี่เด้งตลอด 555+ ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงรำคาญหรือไม่อ่านไปแล้วล่ะ เพราะคิดว่าจู้จี้จุกจิก แต่หลังจากได้รับรู้ความรักของแม่ ผมก็พยายามตอบกลับเท่าที่จะตอบได้ พยายามคุยกับท่านให้เยอะขึ้น เพราะคิดว่าชีวิตคนเป็นแม่สิ่งแรกๆที่เฝ้ารอในแต่ละวันอาจจะเป็นแค่ข้อความๆเดียวของลูก รอแค่ลูกโทรหาบ้าง ผมจึงพยายามจะเข้าใจแม่มากขึ้น แม้แต่เวลาที่แม่บ่นผมจะคิดว่าแม่หวังดี (แม้บางทีอากาศร้อนๆและจิตใจที่หงุดหงิดอยู่แล้วของผมอาจจะทำให้อารมณ์เสียบ้าง) ผมพยายามอ่านสายตาและน้ำเสียงของแม่มากขึ้น นี่ผมได้ทำอะไรให้แม่บ้างนะ ทำไมแม่ถึงรักผมแบบนี้ ทำให้แม่ภูมิใจก็นับครั้งได้ แถมยังทำให้ชอบอารมณ์เสียบ่อยๆด้วย คำตอบก็อาจจะเป็น "ผมไม่ต้องทำอะไรเลย แม่ก็รัก" แม่รักตั้งแต่รู้ว่าจะมีผมเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว
และอีกอย่างนึงที่ย้ำความเชื่อของผมก็คือการที่มีเจ้าตัวน้อยๆมาเกิดบนโลกนี้เมื่อเร็วๆนี้ หลานของผม ลูกของพี่สาว ผมได้เฝ้าดูตั้งแต่ที่พี่สาวท้องเก้าเดือน ได้เห็นพี่สาวที่เดินอุ้ยอ้ายอย่างลำบาก จะไปทำงานก็ลำบาก จนคลอดออกมา ก็ได้เห็นความเหน็ดเหนื่อยของทุกคนที่ช่วยกันเลี้ยง พี่สาวที่ต้องคอยปั๊มนมทุกวัน จนเจ็บไปหมดแล้ว คุณยาย (คุณแม่ของผม) ที่ไปช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็ก ต้องเอาใจใส่ไม่ห่างแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง นอนหลับก็คงจะไม่เต็มตื่น ผมก็คิดไปว่านี่จะเหมือนกับตอนที่แม่เลี้ยงเราตั้งแต่แบเบาะรึเปล่านะ ดูหน้าแม่กับพี่สาวดูเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้เลี้ยงเจ้าตัวเล็ก แม้จะเหนื่อยมากก็ตาม ทุกครั้งที่ได้เห็นพัฒนาการเล็กๆของเจ้าตัวเล็ก ทั้งคู่ส่งเสียงร้องดีใจอย่างกับประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิต ยิ้มแก้มปริไม่หุบกันเลย ผมจึงได้เข้าใจมากขึ้น...
แต่ผมคงจะลืมนึกถึงข่าวแม่ทิ้งลูกที่มีอยู่บ่อยๆ ลืมนึกถึงการมีอยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ลืมนึกถึงการทำแท้งที่มีกันให้เห็นเกลื่อนกลาด ใครจะรู้ได้ว่าคนที่กำลังจะเป็นแม่คนเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่บ้าง ผมก็ไม่มีวันรู้เพราะไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกัน อาจจะเป็นความยากจน ความไม่พร้อม การไม่มีความรับผิดชอบ หรือไม่มีสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ (ขอละพ่อไว้ในฐานะที่เข้าใจนะ รู้ว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ประเด็นนี้ขอโฟกัสที่ผู้หญิง) หรือประเด็นสำคัญอีกประเด็นนึงในเรื่องนี้คือการท้องโดยถูกขืนใจ
เหยื่อเคราะห์ร้ายผู้น่าสงสาร...หญิงสาวที่มีอนาคตที่ดีรออยู่ต้องมาถูกทำลายชีวิตเพียงเพราะ การขาดจิตสำนึกของคนๆเดียว จริงอยู่ที่หลายคนอาจจะแย้งได้ว่า การเลือกเส้นทางดำเนินชีวิตของยุนจีซุก (แม่ยุนนา) อาจจะทำได้ดีกว่านี้หลังจากถูกข่มขืน แต่เมื่อเรามองในฐานะคนไกลก็อาจจะพูดได้ง่าย แต่เราไม่รู้ว่าคนที่ถูกข่มขืนจะต้องเผชิญอะไรบ้าง โดยเฉพาะข้างในจิตใจ มันกลายเป็นตราบาปที่ตนไม่ได้ก่อ เกิดอาการปฏิเสธการตั้งครรภ์ (Pregnancy Denial) อย่างไม่รู้ตัว ลูกเกิดออกมาแม้ไม่มีความผิดแต่ก็โดนมองว่าเป็น "อสูร" ไม่ไช่มนุษย์จากผู้ให้กำเนิด ทำให้เด็กโดนทอดทิ้ง จีซุกก็ต้องใช้ชีวิตแบบมีชนักติดหลัง เกิดภาพหลอนอยู่ตลอด พยายามลบล้างเรื่องในอดีต และก้าวไปสู่ชีวิตที่มีหน้ามีตาด้วยการแต่งงานเข้าตระกูลที่ดี แต่ในใจก็กลัวที่จะต้องกลับไปกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไร ต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อคอยปกปิดอดีตและความผิดของตน เมื่อทำความผิดบ่อยๆ ในใจอาจจะรู้สึกหนักอึ้ง แต่มันก็อาจจะกลายเป็นความเคยชิน จนเป็นสิ่งที่ทำไปโดยอัตโนมัติ
หรือในกรณีของคยองซุน (แม่คายอง) ที่ถูกข่มขืนเช่นกัน แต่เลือกที่จะไม่แจ้งความในตอนนั้น เพราะกลัวอับอาย และจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน อย่างที่คยองซุนว่าเอาไว้ คนในสังคมอาชีอาราอาจจะเห็นใจเหยื่อที่โดนทำร้ายบาดเจ็บ แต่กับเหยื่อที่ถูกข่มขืนแล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายและนำไปพูดถึงในทางที่ไม่ดี ทั้งๆที่มันเป็นตราบาปที่คยองซุนไม่ได้ก่อ คยองซุนเลือกที่จะใช้ชีวิตใหม่ เพื่อที่จะได้ลืมอดีตอันเลวร้าย ถ้าคิดว่าไม่เป็นอะไรมันก็ต้องไม่เป็นอะไร แม่ของคายองคิดแบบนั้น... แต่โชคชะตาก็เล่นงานคยองซุนกับลูกอย่างร้ายกาจ ลูกต้องป่วยเป็นโรคประหลาดทางกรรมพันธุ์ โรค Fabry ที่น้อยคนจะเป็น การไม่แจ้งความเพราะกลัวอับอายตอนนั้น และการพยายามปกปิดอาการป่วยของลูกไว้แว้งกลับมากัดคยองซุนอย่างโหดร้าย เพราะห่วงหน้าตาในสังคม (เป็นเปลือกที่ใครหลายคนห่วงนักห่วงหนา) ทำให้ต้องเสียลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ และฉากที่คยองซุนเข้าไปแจ้งความหลังลูกเสียนั้นน่าเศร้าเหลือเกิน คยองซุนที่เดินเข้ามาแจ้งความอย่างไร้วิญญาณได้รับคำตอบกลับไปเพียงแค่ คดีหมดอายุความแล้ว น่าเศร้าที่ได้เห็นว่าเมื่อเคราะห์ร้ายมาถึงตนเอง ตอนนั้นคยองซุนกลับทนได้ และคิดว่าจะเลี้ยงลูกให้ดีได้ แต่พอเคราะห์ไปตกอยู่กับลูกโดยตรงกลับทำให้เหมือนโดนมีดแทงหัวใจ ความอยุติธรรมที่เคยรู้สึกบัดนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า...
The Village: Achiara's Secret โครงเรื่องดีจังเลย (spoiled)
"แม่ไม่ได้รักลูกทุกคนหรอกนะ"
ทันทีที่ประโยคนี้โผล่ขึ้นมาครั้งแรกในเรื่อง ก็ทำให้ผมเก็บมาคิดว่าเป็นความจริงแค่ไหน แม่ที่ไหนนะจะไม่รักลูก ส่วนตัวแล้วมีความคิดที่ว่าแม่จะรักลูกมากกว่าที่ลูกจะรักแม่ตอบได้ สาเหตุที่คิดแบบนั้นถ้าอยากรู้ดูใน spoil นะครับ เป็นเรื่องครอบครัวของผมนี่แหละ ถ้าข้ามไปก็คงไม่พลาดอะไรมากมั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ผมคงจะลืมนึกถึงข่าวแม่ทิ้งลูกที่มีอยู่บ่อยๆ ลืมนึกถึงการมีอยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ลืมนึกถึงการทำแท้งที่มีกันให้เห็นเกลื่อนกลาด ใครจะรู้ได้ว่าคนที่กำลังจะเป็นแม่คนเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่บ้าง ผมก็ไม่มีวันรู้เพราะไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกัน อาจจะเป็นความยากจน ความไม่พร้อม การไม่มีความรับผิดชอบ หรือไม่มีสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ (ขอละพ่อไว้ในฐานะที่เข้าใจนะ รู้ว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ประเด็นนี้ขอโฟกัสที่ผู้หญิง) หรือประเด็นสำคัญอีกประเด็นนึงในเรื่องนี้คือการท้องโดยถูกขืนใจ
เหยื่อเคราะห์ร้ายผู้น่าสงสาร...หญิงสาวที่มีอนาคตที่ดีรออยู่ต้องมาถูกทำลายชีวิตเพียงเพราะ การขาดจิตสำนึกของคนๆเดียว จริงอยู่ที่หลายคนอาจจะแย้งได้ว่า การเลือกเส้นทางดำเนินชีวิตของยุนจีซุก (แม่ยุนนา) อาจจะทำได้ดีกว่านี้หลังจากถูกข่มขืน แต่เมื่อเรามองในฐานะคนไกลก็อาจจะพูดได้ง่าย แต่เราไม่รู้ว่าคนที่ถูกข่มขืนจะต้องเผชิญอะไรบ้าง โดยเฉพาะข้างในจิตใจ มันกลายเป็นตราบาปที่ตนไม่ได้ก่อ เกิดอาการปฏิเสธการตั้งครรภ์ (Pregnancy Denial) อย่างไม่รู้ตัว ลูกเกิดออกมาแม้ไม่มีความผิดแต่ก็โดนมองว่าเป็น "อสูร" ไม่ไช่มนุษย์จากผู้ให้กำเนิด ทำให้เด็กโดนทอดทิ้ง จีซุกก็ต้องใช้ชีวิตแบบมีชนักติดหลัง เกิดภาพหลอนอยู่ตลอด พยายามลบล้างเรื่องในอดีต และก้าวไปสู่ชีวิตที่มีหน้ามีตาด้วยการแต่งงานเข้าตระกูลที่ดี แต่ในใจก็กลัวที่จะต้องกลับไปกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไร ต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อคอยปกปิดอดีตและความผิดของตน เมื่อทำความผิดบ่อยๆ ในใจอาจจะรู้สึกหนักอึ้ง แต่มันก็อาจจะกลายเป็นความเคยชิน จนเป็นสิ่งที่ทำไปโดยอัตโนมัติ
หรือในกรณีของคยองซุน (แม่คายอง) ที่ถูกข่มขืนเช่นกัน แต่เลือกที่จะไม่แจ้งความในตอนนั้น เพราะกลัวอับอาย และจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน อย่างที่คยองซุนว่าเอาไว้ คนในสังคมอาชีอาราอาจจะเห็นใจเหยื่อที่โดนทำร้ายบาดเจ็บ แต่กับเหยื่อที่ถูกข่มขืนแล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายและนำไปพูดถึงในทางที่ไม่ดี ทั้งๆที่มันเป็นตราบาปที่คยองซุนไม่ได้ก่อ คยองซุนเลือกที่จะใช้ชีวิตใหม่ เพื่อที่จะได้ลืมอดีตอันเลวร้าย ถ้าคิดว่าไม่เป็นอะไรมันก็ต้องไม่เป็นอะไร แม่ของคายองคิดแบบนั้น... แต่โชคชะตาก็เล่นงานคยองซุนกับลูกอย่างร้ายกาจ ลูกต้องป่วยเป็นโรคประหลาดทางกรรมพันธุ์ โรค Fabry ที่น้อยคนจะเป็น การไม่แจ้งความเพราะกลัวอับอายตอนนั้น และการพยายามปกปิดอาการป่วยของลูกไว้แว้งกลับมากัดคยองซุนอย่างโหดร้าย เพราะห่วงหน้าตาในสังคม (เป็นเปลือกที่ใครหลายคนห่วงนักห่วงหนา) ทำให้ต้องเสียลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ และฉากที่คยองซุนเข้าไปแจ้งความหลังลูกเสียนั้นน่าเศร้าเหลือเกิน คยองซุนที่เดินเข้ามาแจ้งความอย่างไร้วิญญาณได้รับคำตอบกลับไปเพียงแค่ คดีหมดอายุความแล้ว น่าเศร้าที่ได้เห็นว่าเมื่อเคราะห์ร้ายมาถึงตนเอง ตอนนั้นคยองซุนกลับทนได้ และคิดว่าจะเลี้ยงลูกให้ดีได้ แต่พอเคราะห์ไปตกอยู่กับลูกโดยตรงกลับทำให้เหมือนโดนมีดแทงหัวใจ ความอยุติธรรมที่เคยรู้สึกบัดนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า...