MINI NOVEL #1 คานทองวิลลา

M I N I     N O V E L

-1-

คานทองวิลลา



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



1

          “โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่..ฮี้โห่...ฮี้โห่!...ฮี้โหยยยย...ฮิ้ววว!!! (มง มงแต๊งมง มงแต๊งมง แต๊งมง แต๊งมง) เอ้า! โสดก็ได้ ม่ายก็ดี เชิญมาอยู่กับพี่ที่คานทองวิลลา! (ที่คานทองวิลลา!) อยู่แล้วลั้ลลาไม่ต้องห่วงเรื่องแฟน (ไม่ต้องห่วงเรื่องแฟน!) ไม่ต้องหวงภรรยา (ไม่ต้องหวงภรรยา!) ไม่ต้องหึงภัสดา อ๊ะต๊ะละลาโห่ฮิ้วววว!!!”

          นาปีที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหยุดยืนดูและตั้งใจฟังสโลแกนของโฆษณาหมู่บ้านจัดสรรในโทรทัศน์อย่างสนใจ โดยคนที่โห่ร้องนั้นเป็นผู้หญิงหน้าตาดีทีเดียวสวมชุดไทย แต่ไอ้ท่ารำเซิ้งเธอนี่มันขัดกับความสวยและความน่าเชื่อถือดีอีกเหมือนกัน เขาขำพรืด แม้จะดูตลกไร้สาระแต่โฆษณากลับทำออกมาได้น่าสนใจมากทีเดียว มันน่าสนใจถึงขนาดที่...เขาอยากจะไปเห็นของจริง และอยากจะไปขอดูหน้าเจ้าของหน่อย ถ้ามีโอกาสจริงๆ ก็อยากจะถามด้วยว่าคิดยังไงถึงตั้งชื่อหมู่บ้านแบบนี้

          “คานทอง? สำหรับคนโสดคนม่ายเท่านั้นเหรอวะ? งี้เราก็อยู่ได้อะดิ ฮึๆ” เขาขำออกจมูก นึกถึงบรรยากาศน่าอยู่ของหมู่บ้านและใบหน้าจิ้มลิ้มของพรีเซ็นเตอร์ก็ให้คิดวางแผนจะเดินทางไปวันพรุ่งนี้เลย เผื่อว่าน่าอยู่จริงๆ จะได้ซื้อสักหลัง อันที่จริงเขาเองก็มองหมู่บ้านจัดสรรมาหลายที่แล้วนะ แต่ก็ไม่เคยถูกใจจริงๆ สักที ทุกที่มันเหมือนกันหมดคืออยู่ในตัวเมืองที่แออัด ดีไซน์ก็เป็นแบบโมเดิร์นสีขาวสีดำเสียส่วนใหญ่ พื้นที่หน้าบ้านก็มีแค่สนามหญ้าเล็กๆ ดูแล้วนึกถึงบ้านของพวกฝรั่งที่จัดวางบ้านออกแบบมาทุกหลังให้เหมือนกันทั้งหมด เขาไม่ได้ชอบแบบนั้น ทุกวันนี้ถึงยังต้องอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองสักที ที่อยากได้บ้านส่วนตัวเพราะเขาอยากหนีความวุ่นวายในตัวเมือง และอยากมีบ้านพักสงบๆ สักหลัง ไว้ทิ้งงานทิ้งเรื่องทุกอย่างเพื่อไปอยู่ที่นั่นพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งดันมาถูกสเป็คพอดีกับคานทองวิลลาอะไรนี่ บ้านไทยประยุกต์ แถมยังอยู่นอกตัวเมืองอีก โอ้ย! ยิ่งนึกยิ่งอยากไปเห็นเร็วๆ!




          วันรุ่งขึ้นนาปีเดินทางไปยังหมู่บ้านคานทองวิลลานอกตัวเมือง เขาขับมาตาม GPS บวกกับดูป้ายข้างทางที่บอกตลอดจนขับมาถึงซุ้มทางเข้าทำจากไม้ขอนใหญ่ มีชื่อหมู่บ้านทำจากโลหะเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘KANTHONG VILLA’ มองต่ำลงมากึ่งกลางระหว่างซุ้มทางเข้ามีป้อมยามสไตล์ไทยโมเดิร์น เป็นโครงไม้เรือนกระจก ทำให้สามารถมองเห็นได้ว่าข้างในนั้นมียามผู้ชายอยู่สองคนฝั่งเข้ากับออก หน้าป้อมมีป้ายใหญ่แจ้งว่า ‘โปรดแสดงบัตรประชาชน’ นาปีขับมาถึงป้อมยามล้วงกระเป๋าเงินออกมาหยิบบัตรมาแสดงตัวกับยามก่อนจะได้เข้าไปเมื่อยามคืนบัตรให้พร้อมตะเบ๊ะ

          เขาขับรถช้าๆ เพื่อดูบรรยากาศภายในหมู่บ้าน สองฝั่งข้างทางเป็นฟุตบาทที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยกว่าตัวถนน ฟุตบาทกว้างมีเนื้อที่มากพอให้ตั้งม้านั่งโลหะสีเขียวเข้มคู่กับเสาไฟโลหะสีเดียวกันเข้าชุดกันไปตลอดทาง ถัดจากฟุตบาทเป็นส่วนของสนามหญ้าที่เลือกปลูกต้นลีลาวดีไว้ขอบสนามหลังม้านั่งทุกตัว มองลึกเข้าไปในส่วนของสนามหญ้าทั้งสองฝั่งล้วนโปร่งโล่งน่านอนกลิ้ง

          นาปีขับมาจนสุดเขตทางเข้าก็เจอกับร้านอาหารทรงกระบอกของหมู่บ้านทางซ้ายมือซึ่งอยู่หัวมุมฟุตบาท มีป้ายชื่อร้านว่า ‘SOD MA KIN’ ชั้นล่างส่วนหลังติดสนามหญ้าเป็นไม้ทึบ ส่วนด้านหน้าที่ติดกับฟุตบาทเน้นกระจกโปร่งใส เผยให้เห็นชุดนั่งด้านในที่ล้อมลำต้นอินจันไว้ ซึ่งต้นยังคงสูงทะลุเพดานชั้นล่างขึ้นไปแผ่กิ่งก้านชั้นบนที่ทำเป็นลานกว้างมีชุดนั่งล้อมรอบ จินตนาการว่าตอนกลางคืนร้านนี้คงสวยน่าดูเชียวล่ะ สวยไม่แพ้ทางเข้า

          นาปีขับผ่านร้านโสดมากินก็เจอป้ายบอกทางเข้าไปยังสโมสรซึ่งอยู่ด้านในสุด อืม...ทำไมไม่อยู่หน้าๆ นะจะได้ติดต่อได้ง่ายหน่อย

           ชายหนุ่มละสายตามามองทางเข้าที่เริ่มเข้าเขตโซนบ้านอย่างเต็มตัว เขายิ้มออกเมื่อเห็นความร่มรื่นสวยงามน่าอยู่ของบ้านหลังใกล้ๆ เขาขับมาจอดหน้าบ้านหลังแรกฝั่งซ้ายที่เปิดประตูจนสุดอย่างเชื้อเชิญ ตอนแรกคิดว่าเจ้าของเขากล้ามากนะที่เปิดประตูรอโจรขนาดนี้ แต่ว่าก็เพิ่งเข้าใจเมื่อหันไปเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บนเสารั้ว เขาเลื่อนเปิดประจกรถลงมองเข้าไปด้านในตัวบ้านก็เห็นมีกล้องอีกจริงๆ อย่างที่เขาคิด นี่คงอยากจะแสดงให้เห็นว่าระบบความปลดภัยของที่นี่ดีสินะเนี่ย แต่ว่าถ้ายังไม่มีเหตุร้ายจริงๆ ก็ยังไม่รู้หรอกว่าดีจริงหรือเปล่า

           เขาขับผ่านบ้านแต่ละหลังมาก็มองดูอย่างเพลิดเพลิน ผ่านสี่หลังแรกซึ่งเป็นบ้านไทยประยุกต์สองชั้น ชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้มีจั่วแบบเรือนไทย ส่วนระเบียงนั้นคือความแตกต่าง เพราะสี่หลังนี้ยื่นออกไปไม่เหมือนกัน บางหลังยื่นออกไปหน้าบ้าน บางหลังเป็นระเบียงล้อมชั้นบนทั้งหมด ส่วนสวนหย่อมหน้าบ้านนั้นทั้งสี่หลังคล้ายๆ กัน แต่ที่เน้นคือต้นกล้วย ต้นปาล์มและต้นไม้ดอก ศาลานั่งเล่นในสวนก็ยังไม่เหมือนกันอีก เพราะบางหลังเป็นโครงหกเหลี่ยมสีขาว บางหลังที่เป็นสีธรรมชาติแต่เป็นโครงสี่เหลี่ยม ซึ่งเข้าชุดกับบ้านอย่างลงตัว เขาส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะถ้าแค่ให้ดูจากข้างนอกเขาเลือกไม่ถูกจริงๆ มันสวยทุกหลัง

           พอมาถึงสี่หลังที่สองก็เป็นบ้านชั้นเดียวเสาปูนยกพื้นสูง โครงเป็นปูนเรือนไม้ล้อมกระจก ความรู้สึกคล้ายกับรีสอร์ท มีน้ำตกเล็กๆ อยู่ในสวน ดูร่มรื่นไม่แพ้สี่หลังแรก เขาขับดูบ้านแต่ละหลังอย่างเพลิดเพลินไม่รู้จักเบื่อ กระทั่งมาถึงสี่หลังสุดท้ายที่เป็นเรือนไทยของแท้ เรือนไม้ยกพื้นสูง ทำจากไม้ทั้งหลัง เขายิ้มกว้างชอบมาก ตัดสินใจจอดรถแล้วลงไปดูถึงข้างในทันทีอย่างไม่ลังเล

           นาปีเข้าออกบ้านสี่หลังสุดท้ายเก็บข้อมูลรายละเอียดในใจก็ให้หันกลับไปมองบ้านหลังสุดท้ายฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นเรือนไทยไม้ทั้งหลังยกพื้นสูงสามารถเดินผ่านได้สบายๆ บันไดหน้าบ้านพาขึ้นผ่านซุ้มประตูเล็กๆ ก่อนเผยให้เห็นลานกว้างกลางเรือนซึ่งไม่ได้ปล่อยทิ้งโล่งไว้ แต่มีการยกพื้นขึ้นเล็กน้อยเป็นตั่งกว้างมีหลังคากันแดดกันฝนคล้ายในละครพีเรียด แถมบนตั่งนั้นยังมีชุดโต๊ะเตี้ยๆ เบาะรองนั่งทั้งสี่พร้อมหมอนอิงสามเหลี่ยม เขามองอย่างหมายมาด คิดว่าขอเดินให้ทั่วก่อนแล้วจะมานั่งเล่นตรงนี้ให้สมใจเลย

           ชายหนุ่มเดินเข้าออกดูห้องต่างๆ ทั้งห้องนอนที่ติดแอร์และติดพัดลม เตียงเป็นเตียงไม้สักฟูกนอนสีขาวหนาดูนุ่มน่านอน แต่เขาก็ยังไม่ได้สัมผัสความนุ่มเพราะยังมีพลาสติกห่อหุ้มอยู่ เฟอร์นิเจอร์ของที่นี่เน้นความเป็นไทย แต่เรื่องความสะดวกสบายก็ไม่ได้ทิ้งไปให้คนอยู่อาศัยลำบาก อย่างห้องน้ำที่เป็นแบบฝักบัวมีระบบน้ำอุ่น เครื่องสุภัณฑ์ทุกอย่างดูสะอาดน่าใช้ หรือเพราะยังใหม่ถึงยังดูดีก็ไม่รู้ แต่เขาปลื้มไปแล้วล่ะ เดินมาเรื่อยๆ ถึงห้องครัวที่เครื่องครัวเครื่องใช้นั้นทันสมัยทันยุค ไม่ได้อินถึงขนาดให้คนอาศัยนั่งพัดเตาถ่านเพื่อประกอบอาหาร เขาเดินมาจนถึงห้องที่แยกออกมาเล็กๆ เงียบๆ สันโดษก็พบว่าด้านในชิดผนังมีหิ้งพระตั้งพื้นทำจากไม้ เป็นหิ้งใหญ่ทีเดียว หน้าต่างเปิดได้รอบรับลมรับแสงเต็มที่ เขามองอุบะพลาสติกที่ห้อยอยู่บนหน้าต่าง ลองคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นดอกจริงจะอินแค่ไหนนะ คิดแล้วก็ยิ้ม ถ้าเขาได้บ้านหลังนี้แล้วเดี๋ยวจ้างให้ลูกน้องทำอุบะให้ดีกว่า

          นาปีเดินออกมาด้านนอก มองตั่งกลางเรือนแล้วก็ให้ชี้นิ้วไปที่มันอย่างมันเขี้ยวก่อนจะตรงรี่เข้าไปนั่งเอนตัวรับลมสดชื่น เขานั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นาน แหงนหน้ารับลมมองดูใบไม้พลิ้วไหว กลิ่นหอมของดอกส้มโอส่งกลิ่นอ่อนมาตามลมแม้จะอยู่ในช่วงตะวันกลางหัว เสียงน้ำพุจากในสวนดังเบาๆ เคล้ากับเสียงนกที่คุยกันบนกิ่งไม้ อา...เขาชอบที่นี่จัง บ้านหลังนี้ล่ะที่เขาต้องการ แต่ว่า...ราคาจะสู้ไหวมั้ยนะ งบที่เขามีก็อยู่ในวงจำกัดที่ห้าสิบล้าน เขาทำงานมาจนอายุปาเข้าไปสามสิบกลางๆ แล้ว มีเงินเก็บก็เท่าที่จะซื้อบ้านได้ไม่เกินงบห้าสิบล้าน หากมากกว่านั้นเขาคงต้องอยู่บ้านพ่อแม่ต่อไป เฮ้อ...คิดแล้วก็ให้เสียดายล่วงหน้า เขาเหลียวมองไปทั่วเรือน ก่อนจะหันกลับมาแหงนหน้าหลับตารับลมดมกลิ่นหอมดอกไม้...

          ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกประทับใจที่มีมันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นท่ามกลางความสงบของบรรยากาศโดยรอบ เขาลืมตาขึ้น ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าถ้าไม่เกินงบเขาจะเอาบ้านหลังนี้! คิดแล้วก็ไม่รอช้า รีบลงจากเรือนไป ออกตัวรถขับออกจากโซนบ้านเข้าสู่โซนการให้บริการที่เหนือคาดหมาย นาปีขับผ่านสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ฝั่งซ้ายมีต้นไม้รายรอบ ซึ่งคงได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำตกในป่าเพราะมันไม่ใช่สระว่ายน้ำวงกลมสีฟ้าอมเขียวธรรมดา หากแต่มีหินผาไล่เลียงน้ำลงมาเอื่อยๆ เขาห่อปาก

          “โคตรลงทุนเลย คงต้องเสียค่าสาธารณูปโภคอีกหลายโขแน่”

          เขาหันไปมองฝั่งขวา เป็นฟิตเนสสองชั้นไม่ใหญ่มาก เพราะบ้านมีอยู่แค่สามสิบสองหลัง หากทำฟิตเนสใหญ่มากไปคงเปลืองงบประมาณเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแน่ เพราะงั้นเท่านั้นเขาคิดว่าเหมาะแล้วล่ะ


          ขับมาอีกเริ่มเห็นเส้นทางแคบลงเป็นถนนเลนเดียว ล้อมกลมเป็นวงเวียนก่อนจะพาเข้าสู่สโมสรใหญ่โตที่ตั้งเด่นอยู่หลังสุดท่ามกลางต้นปาล์มน้อยใหญ่และต้นลีลาวดีออกดอกงามสะพรั่ง เขาขับเข้ามาจอดในโรงจอดรถด้านข้าง เปิดประตูลงมากดรีโมทล็อกรถเรียบร้อยแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังสโมสรฯ




********************
ปล. ขออนุญาตแก้ไขชื่อนาปัง เป็น นาปรังนะคะ ขออภัยในความสะเพร่าค่ะ T-T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่