Snowpiercer
แนวแอ็คชั่นวิทยาศาสตร์
8/10 กบและกะลา
กำกับโดย Bong Joon-ho
ใครชื่นชอบหนัง แนวอะโพคาลิปส์ และแนวดิสโทเปีย พลาดไม่ได้กลับเรื่องนี้ที่ไม่ได้มีแค่โง่-ฉลาดของกบ แต่เป็นเรื่องของ มายาคติ (นอกกะลา)และวาทกรรม (ในกะลา)อีกด้วย
คือเรื่องราว17ปีให้หลังของผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ได้ขึ้นมาอาศัยอยู่บนรถไฟแร็ททลิงมาร์ทตามสภาพภูมิศาสตร์แบบปิด และเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ภายหลังโลกกลายได้เป็นน้ำแข็งจากวิกฤติความผิดพลาดในเรื่องแก้ปัญหาโลกร้อน
กลุ่มคนที่อยู่ท้ายขบวนนำโดยเคอร์ติส ต้องการนำพาคนกลุ่มดังกล่าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิมและต้องการความเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิวัติและยึดอำนาจ โดยมีเป้าหมายที่จะบุกยึดแต่ละโบกี้และไปให้ถึงขบวนหน้าสุด เพื่อจะได้ควบคุมรถไฟขบวนนี้
ต้องยอมรับว่า เนื้อหาและโทนเรื่อง ค่อนข้างแปลกใหม่ เมื่อนึกถึง แนวคิดการเดินทางสมัยใหม่ของรถไฟ ที่มิใช่แค่เครื่องจักรพาไปสู่จุดหมายเท่านั้น แต่รถไฟในเรื่องนี้พลิกไปจากหน้ามือ อีกทั้งภาพการใช้ชีวิตปกติบนรถไฟก็ถูกขัดเกาซะใหม่ ซึ่งก็มีไม่บ่อยนักของรถไฟที่ใช้ท้องเรื่องเช่นนี้
ขณะที่ท้องเรื่องหนังแม้จะเดินเรื่องไปตามแนวหนังอะโคพาร์ลิท ประเภทภัยพิบัติ แต่การนำเอาแนวทางดิสโทเปียมาใช้ในการเดินเรื่องควบคู่ กับการเดินเรื่องบนรถไฟใน ลักษณะพื้นที่ปิด การควบคุมทางสังคมขั้นสูงสุดและการปฏิวัติ ซึ่งสร้างสรรค์ได้ดีเยี่ยมทีเดียว และก็สามารถสื่ออารมณ์ของหนังได้พอได้ดี ซึ่งทำให้พอเห็นต้นฉบับนิยายภาพ หรือการ์ตูนฝรั่งเศสเรื่อง Le Transperceneige พอควรโดยไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำ
ดั่งเห็นได้จากโทนเรื่อง ช่วงแรก ขณะเดียวกันเนื้อเรื่องก็มิได้มีแค่แก่นความคิดประเภทดังกล่าวข้างต้น แต่ยังนำเสนอมุมมองใหม่คล้าย ลักษณะการวิพากษ์คุณค่าทางสังคม อีกด้วย และก็ทำได้ยอดเยี่ยมเรื่องคลี่คลายปมต่างๆ ยิ่งไคลแมกซ์จะเด่นมากในเรื่องการละคำพูดเชิงไว้ให้ขบคิด
มาเคาะเพิ่มเติมได้ที่นี้
https://www.facebook.com/NawaCreativity/
http://nawacreativity.blogspot.com/
ขอบคุณครับ
Snowpiercer (2013) ยึดด่วนวันสิ้นโลก โดยหนังเก่าเคาะใหม่
Snowpiercer
แนวแอ็คชั่นวิทยาศาสตร์
8/10 กบและกะลา
กำกับโดย Bong Joon-ho
ใครชื่นชอบหนัง แนวอะโพคาลิปส์ และแนวดิสโทเปีย พลาดไม่ได้กลับเรื่องนี้ที่ไม่ได้มีแค่โง่-ฉลาดของกบ แต่เป็นเรื่องของ มายาคติ (นอกกะลา)และวาทกรรม (ในกะลา)อีกด้วย
คือเรื่องราว17ปีให้หลังของผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ได้ขึ้นมาอาศัยอยู่บนรถไฟแร็ททลิงมาร์ทตามสภาพภูมิศาสตร์แบบปิด และเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ภายหลังโลกกลายได้เป็นน้ำแข็งจากวิกฤติความผิดพลาดในเรื่องแก้ปัญหาโลกร้อน
กลุ่มคนที่อยู่ท้ายขบวนนำโดยเคอร์ติส ต้องการนำพาคนกลุ่มดังกล่าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิมและต้องการความเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิวัติและยึดอำนาจ โดยมีเป้าหมายที่จะบุกยึดแต่ละโบกี้และไปให้ถึงขบวนหน้าสุด เพื่อจะได้ควบคุมรถไฟขบวนนี้
ต้องยอมรับว่า เนื้อหาและโทนเรื่อง ค่อนข้างแปลกใหม่ เมื่อนึกถึง แนวคิดการเดินทางสมัยใหม่ของรถไฟ ที่มิใช่แค่เครื่องจักรพาไปสู่จุดหมายเท่านั้น แต่รถไฟในเรื่องนี้พลิกไปจากหน้ามือ อีกทั้งภาพการใช้ชีวิตปกติบนรถไฟก็ถูกขัดเกาซะใหม่ ซึ่งก็มีไม่บ่อยนักของรถไฟที่ใช้ท้องเรื่องเช่นนี้
ขณะที่ท้องเรื่องหนังแม้จะเดินเรื่องไปตามแนวหนังอะโคพาร์ลิท ประเภทภัยพิบัติ แต่การนำเอาแนวทางดิสโทเปียมาใช้ในการเดินเรื่องควบคู่ กับการเดินเรื่องบนรถไฟใน ลักษณะพื้นที่ปิด การควบคุมทางสังคมขั้นสูงสุดและการปฏิวัติ ซึ่งสร้างสรรค์ได้ดีเยี่ยมทีเดียว และก็สามารถสื่ออารมณ์ของหนังได้พอได้ดี ซึ่งทำให้พอเห็นต้นฉบับนิยายภาพ หรือการ์ตูนฝรั่งเศสเรื่อง Le Transperceneige พอควรโดยไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำ
ดั่งเห็นได้จากโทนเรื่อง ช่วงแรก ขณะเดียวกันเนื้อเรื่องก็มิได้มีแค่แก่นความคิดประเภทดังกล่าวข้างต้น แต่ยังนำเสนอมุมมองใหม่คล้าย ลักษณะการวิพากษ์คุณค่าทางสังคม อีกด้วย และก็ทำได้ยอดเยี่ยมเรื่องคลี่คลายปมต่างๆ ยิ่งไคลแมกซ์จะเด่นมากในเรื่องการละคำพูดเชิงไว้ให้ขบคิด
มาเคาะเพิ่มเติมได้ที่นี้
https://www.facebook.com/NawaCreativity/
http://nawacreativity.blogspot.com/
ขอบคุณครับ