สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างจากหนังเรื่องนี้ครับ แต่ดูแล้ว ไม่น่าจะตรงกับการเมืองไทยเท่าไหร่ ถ้าจะให้ตรงจริงๆ น่าจะเป็นเรื่อง the hunger games ภาคสุดท้ายมากกว่าครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีการปลุกระดมมวลชน ใส่ร้ายป้ายสีกัน และทำทุกวิถีทางให้ฝ่ายตนชนะ โดยไม่สนใจการสูญเสียใดๆ และสุดท้าย ผู้ชนะก็กลายเป็นเผด็จการคนใหม่
สปอยภาพยนต์เรื่อง Snowpiercer
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- พวกท้ายขบวนไม่ได้จ่ายเงินค่าตั๋ว ไม่ว่าจะชั้นเฟิร์สคลาส (ชนชั้นสูง) หรือชั้นบิสเนส (ชนชั้นกลาง)
- ช่วงแรกพวกท้ายขบวนถึงกับต้องกินกันเอง เพราะอดอยาก ซึ่งเจ้าของรถไฟ (ผู้ปกครอง) ไม่ได้เตรียมการสำหรับคนกลุ่มนี้มาก่อน
- ต่อมาผู้ปกครองได้คิดค้นอาหารให้พวกท้ายขบวน ซึ่งเรียกมันว่า "แท่งโปรตีน" เป็นการนำเศษอาหารจากชั้นเฟิร์สคลาส มารีไซเคิล
- พวกท้ายขบวนรอดตายจากแท่งโปรตีนเป็นเวลาถึง 17 ปี แต่กระนั้น ก็ยังอยากได้ความเป็นอยู่ที่ดีๆ เฉกเช่นชั้นเฟิร๋สคลาสได้รับ
- พวกท้ายขบวนคนไหนที่มีความสามารถ เป็นประโยชน์ให้กับพวกชั้นเฟิร์สคลาส ก็จะถูกคัดเลือกให้ไปใช้งาน และจะได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- พวกท้ายขบวนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกลูกออกหลาน จนความเป็นอยู่แออัด แย่งกันกิน แย่งกันใช้
- พวกท้ายขบวนจึงได้รวมตัวกันเพื่อจะก่อการปฎิวัติยึดอำนาจ โดยได้รับการร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญระบบความปลอดภัยของรถไฟ (หนุ่มเกาหลี) ในชั้นบิสเนส
- พวกท้ายขบวนถูกทหารของผู้ปกครองฆ่าตายไปมากมาย แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าผู้ก่อการก็ยังไม่ย่อท้อ บุกตะลุยไปเรื่อย จากโบกี้หนึ่ง สู่โบกี้หนึ่ง ผ่านโบกี้ของไฮโซ (เฟิร์สคลาส) จนถึงหัวจักร
- ในระหว่างทาง ผู้เชี่ยวชาญ (หนุ่มเกาหลี) ได้เสนอหัวหน้าผู้ก่อการว่า ทำไมเราไม่พังประตูรถไฟ ออกไปตั้งรกรากกันบนพื้นโลก เพราะเค้าสังเกตุเห็นหิมะมันละลายลงทุกปี
- หัวหน้าผู้ก่อการยังมีใจมุ่งมั่นที่จะยึดอำนาจให้ได้ และปฎิเสธการคิดนอกกรอบของผู้เชี่ยวชาญ และสุดท้ายเขาก็ได้เจอกับเจ้าของรถไฟที่หัวจักรนั้น
- เจ้าของรถไฟ อธิบายถึงความเป็นจริงว่า ที่พวกเฟิร์สคลาสมีความเป็นอยู่ที่ดี ก็เพราะพวกเขาจ่ายเงินค่าตั๋วที่แพง ในขณะที่พวกท้ายขบวนไม่ได้ลงทุนอะไร แค่กระโดดเกาะโบกี้เข้ามาเฉยๆ
- แต่ถึงกระนั้น เขา (เจ้าของรถไฟ) และพวกเฟิร์สคลาส ก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก เพราะต้องทนต่อเสียงที่ดังของเครื่องจักรตลอดเวลา
- แต่เขาก็ยังเห็นประโยชน์ของพวกท้ายขบวนในการคัดเลือกผู้คนมาใช้แรงงาน และล่าสุดคือเด็กตัวเล็กๆ 2 คน ที่ถูกนำมาใช้แทนเฟืองจักรที่ชำรุดและไม่มีอะไหล่
- เขายังอธิบายต่อไปอีกว่า เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตทุกชีวิตบนรถไฟขบวนนี้
- ในขณะที่ระบบในรถไฟมันคือนิเวศน์แบบปิด มีอัตราการเกิดมากกว่าการตาย โดยเฉพาะพวกท้ายขบวนที่นับวันจำนวนประชากรก็เพิ่มขึ้นนับเป็นพันๆ
- ดังนั้นเขาจึงได้คิดแผนการปลุกระดมพวกท้ายขบวนให้ลุกฮือก่อการปฎิวัติ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการลดจำนวนสิ่งมีชีวิตในรถไฟขบวนนี้
- หัวหน้าผู้ก่อการได้ฟัง เหมือนจะคล้อยตามในครั้งแรก ถ้าเค้ายึดอำนาจสำเร็จ เค้าก็คงจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าของรถไฟ ก็กำลังจะมอบอำนาจให้หัวหน้าผู้ก่อการอยู่แล้ว เพราะตัวเองแก่แล้วคงจะดูแลรถไฟไม่ไหว
- แต่สุดท้าย เค้าก็ไม่ยอมรับอำนาจที่ว่านี้ อาจเป็นเพราะรับไม่ได้กับการที่ต้องนำเด็กมาเป็นเฟืองจักร เลยส่งไม้ขีดไฟให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการระเบิดประตูรถไฟมันซะ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
- แรงของระเบิด สั่นสะเทือนจนทำให้ภูเขาหิมะถล่มลงมาทำให้รถไฟตกราง ขบวนรถไฟหลุดกระเด็นออกจากกัน กลิ้งไม่เป็นท่า คนในรถไฟคาดว่าน่าจะตายหมด เหลือรอดเพียงสาวเกาหลีขี้ยา กับเด็กชายผิวหมึก (ที่ถูกนำมาใช้เป็นเฟืองจักร)
- จบ
สปอยภาพยนต์เรื่อง Snowpiercer
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- พวกท้ายขบวนไม่ได้จ่ายเงินค่าตั๋ว ไม่ว่าจะชั้นเฟิร์สคลาส (ชนชั้นสูง) หรือชั้นบิสเนส (ชนชั้นกลาง)
- ช่วงแรกพวกท้ายขบวนถึงกับต้องกินกันเอง เพราะอดอยาก ซึ่งเจ้าของรถไฟ (ผู้ปกครอง) ไม่ได้เตรียมการสำหรับคนกลุ่มนี้มาก่อน
- ต่อมาผู้ปกครองได้คิดค้นอาหารให้พวกท้ายขบวน ซึ่งเรียกมันว่า "แท่งโปรตีน" เป็นการนำเศษอาหารจากชั้นเฟิร์สคลาส มารีไซเคิล
- พวกท้ายขบวนรอดตายจากแท่งโปรตีนเป็นเวลาถึง 17 ปี แต่กระนั้น ก็ยังอยากได้ความเป็นอยู่ที่ดีๆ เฉกเช่นชั้นเฟิร๋สคลาสได้รับ
- พวกท้ายขบวนคนไหนที่มีความสามารถ เป็นประโยชน์ให้กับพวกชั้นเฟิร์สคลาส ก็จะถูกคัดเลือกให้ไปใช้งาน และจะได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- พวกท้ายขบวนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกลูกออกหลาน จนความเป็นอยู่แออัด แย่งกันกิน แย่งกันใช้
- พวกท้ายขบวนจึงได้รวมตัวกันเพื่อจะก่อการปฎิวัติยึดอำนาจ โดยได้รับการร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญระบบความปลอดภัยของรถไฟ (หนุ่มเกาหลี) ในชั้นบิสเนส
- พวกท้ายขบวนถูกทหารของผู้ปกครองฆ่าตายไปมากมาย แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าผู้ก่อการก็ยังไม่ย่อท้อ บุกตะลุยไปเรื่อย จากโบกี้หนึ่ง สู่โบกี้หนึ่ง ผ่านโบกี้ของไฮโซ (เฟิร์สคลาส) จนถึงหัวจักร
- ในระหว่างทาง ผู้เชี่ยวชาญ (หนุ่มเกาหลี) ได้เสนอหัวหน้าผู้ก่อการว่า ทำไมเราไม่พังประตูรถไฟ ออกไปตั้งรกรากกันบนพื้นโลก เพราะเค้าสังเกตุเห็นหิมะมันละลายลงทุกปี
- หัวหน้าผู้ก่อการยังมีใจมุ่งมั่นที่จะยึดอำนาจให้ได้ และปฎิเสธการคิดนอกกรอบของผู้เชี่ยวชาญ และสุดท้ายเขาก็ได้เจอกับเจ้าของรถไฟที่หัวจักรนั้น
- เจ้าของรถไฟ อธิบายถึงความเป็นจริงว่า ที่พวกเฟิร์สคลาสมีความเป็นอยู่ที่ดี ก็เพราะพวกเขาจ่ายเงินค่าตั๋วที่แพง ในขณะที่พวกท้ายขบวนไม่ได้ลงทุนอะไร แค่กระโดดเกาะโบกี้เข้ามาเฉยๆ
- แต่ถึงกระนั้น เขา (เจ้าของรถไฟ) และพวกเฟิร์สคลาส ก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก เพราะต้องทนต่อเสียงที่ดังของเครื่องจักรตลอดเวลา
- แต่เขาก็ยังเห็นประโยชน์ของพวกท้ายขบวนในการคัดเลือกผู้คนมาใช้แรงงาน และล่าสุดคือเด็กตัวเล็กๆ 2 คน ที่ถูกนำมาใช้แทนเฟืองจักรที่ชำรุดและไม่มีอะไหล่
- เขายังอธิบายต่อไปอีกว่า เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตทุกชีวิตบนรถไฟขบวนนี้
- ในขณะที่ระบบในรถไฟมันคือนิเวศน์แบบปิด มีอัตราการเกิดมากกว่าการตาย โดยเฉพาะพวกท้ายขบวนที่นับวันจำนวนประชากรก็เพิ่มขึ้นนับเป็นพันๆ
- ดังนั้นเขาจึงได้คิดแผนการปลุกระดมพวกท้ายขบวนให้ลุกฮือก่อการปฎิวัติ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการลดจำนวนสิ่งมีชีวิตในรถไฟขบวนนี้
- หัวหน้าผู้ก่อการได้ฟัง เหมือนจะคล้อยตามในครั้งแรก ถ้าเค้ายึดอำนาจสำเร็จ เค้าก็คงจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าของรถไฟ ก็กำลังจะมอบอำนาจให้หัวหน้าผู้ก่อการอยู่แล้ว เพราะตัวเองแก่แล้วคงจะดูแลรถไฟไม่ไหว
- แต่สุดท้าย เค้าก็ไม่ยอมรับอำนาจที่ว่านี้ อาจเป็นเพราะรับไม่ได้กับการที่ต้องนำเด็กมาเป็นเฟืองจักร เลยส่งไม้ขีดไฟให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการระเบิดประตูรถไฟมันซะ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
- แรงของระเบิด สั่นสะเทือนจนทำให้ภูเขาหิมะถล่มลงมาทำให้รถไฟตกราง ขบวนรถไฟหลุดกระเด็นออกจากกัน กลิ้งไม่เป็นท่า คนในรถไฟคาดว่าน่าจะตายหมด เหลือรอดเพียงสาวเกาหลีขี้ยา กับเด็กชายผิวหมึก (ที่ถูกนำมาใช้เป็นเฟืองจักร)
- จบ
สมาชิกหมายเลข 1529650 ถูกใจ, CyberSPARCX ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3845599 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1554269 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1283684 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 952894 ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
Snowpiercer ยึดด่วนวันสิ้นโลก กับคำถามที่คาใจ(สปอย)
เลยทำให้ผมแอบนึกถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสของชนชั้นกรรมกรในหลายๆตอน มีบางครั้งประติดประต่อนู่นนี่นั่น/จับแพะชนแกะ มีใครคิดเหมือนผมบ้างว่า
1.รถไฟคือการปกครองโดยระบอบชนชั้น ระดับของชนชั้นเรียงจากหัวขบวน(ประมุข) ไปถึงท้ายสุด(กรรมกร) หน้าที่ของแต่ละคน ถูกระบุโดยชนชั้นมาตั้งแต่เกิด การเลื่อนจากชนชั้นล่างไปชนชั้นสูงสามารถทำได้ยากมาก ซึ่งเป็นจุดเด่นของระบอบนี้
2.ฉากที่พระเอกได้คุยกับประมุข และถูกเสนอให้เป็นประมุขคนต่อไป ตอนแรกผมฟังผ่านๆแล้วรู้สึกคล้อยตามเลย (พี่แกพูดเรื่องหน้าที่/ชนชั้นติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้) แต่มีเเว๊บนึง ผมนึกถึงระบอบอำนาจนิยม และนึกถึงประโยค"อำนาจมันเซ็กซี่และยั่วยวน" ของ อ.ยุกติ มุกดาวิจิตร (พอนึกได้เลยแอบบอกพระเอกในใจว่า"อย่าโดนมันยั่วนะ 555+")
3.ฉากจบ พระเอกเลือกที่จะระเบิดรถไฟ นั่นหมายความว่า พระเอกไม่ได้ปฏิวัติเพื่อที่จะยึดเอาอำนาจอันแสนยั่วยวนมาเป็นของตัวเอง(แม้จะถูกชักชวน)แต่พระเอกเลือกที่จะพังรถไฟทั้งขบวน(พระเอกรับรู้มาว่าข้างนอกเริ่มเปลี่ยนไป) เพื่อเปลี่ยนไปสู่ระบอบใหม่ซึ่งอาจจะดีขึ้นหรือแย่งลงกว่าเดิม
4.ฉากที่คุณครูสอนเด็กๆเรื่องพระคุณของท่านประมุข ความอัจฉริยะภาพต่างๆนาๆ ไม่มีเด็กคนไหนสงสัย ทุกคนล้วนภูมิใจกับผลงานของท่านประมุขมาก สาเหตุที่ต้องให้ทุกคนเรียนแบบนี้เพราะความเป็นเอกภาพและการตั้งคำถามไม่เป็นผลดีต่อระบบแบบนี้
5.ฉากที่มีผู้นำจากชนชั้นสูง(เจ๊ฟันปลอม) กำลังจะลงโทษคนที่ปาโรงเท้าใส่แก ได้พูดประมาณว่า"รองเท้าก็ต้องอยู่ที่เท้า หมวกก็ต้องอยู่บนหัว"
มันทำให้ผมนึกถึงการต่อต้านระบบลงคะแนนแบบ 1 คน 1 เสียงของการประชุมสภาฐานันดรเพราะ1เสียงชนชั้นสูงไม่สมควรเท่าชนชั้นกรรมกร
ปล.ผมขอเรียกคนที่อยู่ขบวนหน้าสุดว่าประมุขเพราะว่าในเรื่องเค้าเป็นศูนย์รวมทั้งทางจิตใจและอำนาจบริหาร
ปล2.จากความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ผมยอมรับว่าอาจมีเอนเอียงบ้าง
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA