กลายเป็นตัวละครที่ถูกพูดถึงเป็นลำดับต้นๆ ในตอนนี้ สำหรับ "ส้มส้ม" แห่ง ฮอร์โมน 3 เดอะไฟนอล ซีซั่น
บ้างชอบในความ "สตรอง" พร้อมฝ่าฟัน ต่อให้ชีวิตต้องเจอบททดสอบทั้งพ่อเป็นเกย์ ทั้งผู้ชายที่ชอบมีเชื้อเอชไอวี ขณะที่อีกส่วนกลับหมั่นไส้ในคาแร็กเตอร์ตรงๆ แรงๆ ทว่าใครจะพูดถึงด้วยเหตุผลใด เชื่อได้เลยร้อยทั้งร้อยเป็นต้องอยากรู้จัก แพรว-นฤภรกมล ฉายแสง ผู้มารับบทนี้ว่าตัวจริง "เหวี่ยง" อย่างหน้าตาหรือเปล่า?

"จริงๆ เป็นสายกิน ไม่ได้เป็นสายเหวี่ยง" สาววัย 17 เล่าให้ฟังพลางยิ้มกว้าง

แล้วว่า "หน้าอาจดูเหวี่ยงเฉยๆ ในใจไม่ได้คิดอะไรเลย เวลาทำหน้านิ่งๆ ก็จะโดนเพื่อนล้อมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเหวี่ยงอีกแล้ว"

ถึงอย่างนั้นก็ชอบทำกิจกรรมตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดยมีที่บ้านให้ไฟเขียว ดังนั้นพอมีโครงการ "ฮอร์โมน เดอะ เน็กซ์เจน" คุณแม่เลยชวนมาจากราชบุรีเพื่อเข้าประกวดหานักแสดงหน้าใหม่ แล้วก็ได้เป็น 12 คนสุดท้ายสมใจอยาก

หากงานในวงการบันเทิงที่เคยคิดว่าง่ายๆ พอเอาเข้าจริงคนเล่นกลับบอก "บางทีก็แอบคิดว่า ทำไมถึงได้ยากขนาดนี้"
"นักแสดงทุกคนต้องมีวินัยสูงมาก ต้องมีความรับผิดชอบพอๆ กับพี่ทีมงานทุกคนที่เขาโตแล้ว"
ดังนั้น ภาระของเธอนอกจากต้องกลับไปตามงาน อ่านหนังสือเรียนให้ทันเพื่อนร่วมชั้น ม.6 โรงเรียนบอสโกพิทักษ์ จ.นครปฐม ในส่วนของงานแสดงก็ต้องเตรียมตัวค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเวิร์กช็อปล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน ทำการบ้าน อ่านบท หรือขนาดเปิดกล้องแล้วยังไม่วายต้องกลับมาทบทวนอยู่เรื่อยๆ
โดยเฉพาะบทหนักอย่าง "ส้มส้ม" ที่ชื่อดูเหมือนจะน่ารัก แต่กลับแปลว่า "อารมณ์ไม่ดี" ในภาษาใต้
"ก็ดูเหมาะนะ" คนเล่นว่าพลางหัวเราะ
ก่อนขยายความ "เพราะหน้าดูเหวี่ยงตลอดเวลา"
"คาแร็กเตอร์ส้มส้ม คนดูผิวเผินก็จะดูเหมือนร้ายมาก จ้องแต่จะมีปัญหากับคนนู้นคนนี้ แต่ความจริงลึกๆ ก็ไม่ใช่คนอย่างนั้น ลึกๆ แล้วเป็นคนจิตใจดีกว่าที่คนข้างนอกมองเข้ามา"
ซึ่ง "จริงๆ ก็มีความเหมือนแพรวหลายอย่าง"
"เหมือนตรงที่หน้าจะดูนิ่งๆ ที่จริงไม่มีอะไร เหมือนตรงความรักเพื่อน รักน้อง รักครอบครัวมาก"
ฉะนั้น จึงค่อนข้างเข้าใจตัวละคร เข้าใจขนาดว่าเวลาส้มส้มโดนด่ายังเจ็บตามไปด้วย
"ฉากที่ปากระโปรงใส่พ่อ จำได้เลยว่าฉากนั้นคนด่าเยอะมาก นั่นพ่อนะ ทำไมทำแบบนี้ เราก็เหมือนโดนด่าไปด้วย ตอนแรกก็รู้สึกนอยด์ รู้สึกว่าเขาไม่ได้ด่าแค่ส้มส้ม ด่าตัวเองด้วย เพราะเรารักตัวละครนี้ หลายเสียงที่ดูก็จะบอกว่าทำไมก้าวร้าวจัง เราเลยรู้สึกเจ็บไปด้วย"

อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ยอมรับว่า "ตอนที่อ่านบทฉากนี้ คือคิดเหมือนที่คนดูคิดว่ามันไม่ควรเลยนะ ทำไมไม่เข้าใจพ่อที่เป็นเกย์ นี่พ่อนะ เรื่องนี้น่าจะคุยกันได้ น่าจะมีทางออก"

"แต่พอมาแสดงฉากนี้ ด้วยความที่เป็นส้มส้ม ตอนที่อ่านบทก็เลยรู้ว่าเขาคงไปเจออะไรที่กดดันมา พอกลับบ้านมาแล้วเจอพ่อทำแบบนี้ก็เลยระเบิดลงแล้วก็ต้องหาทางออก คงไม่มีใครอยากทำกับพ่อแบบนั้นหรอก"

"ซึ่งถ้าเจอสถานการณ์เหมือนส้มส้ม ก็คงจะแก้ปัญหาเหมือนกัน แต่คงไม่แรงเท่า"

"ส้มส้มเป็นคนที่มีความคิด แต่คิดตื้นไปหน่อย ขนาดเราเป็นคนตรงๆ เหมือนกันแต่ก็ไม่เคยทำขนาดนั้น ก็อยากบอกส้มส้มว่าใจเย็นลงหน่อย อย่ารุนแรงขนาดนั้น ทำไมเลือดร้อนจัง" แพรวเล่าพลางหัวเราะ

ทว่าความกดดันก็ทำให้เล่นฉากนั้นพลาดในรอบแรก จน ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร ผู้กำกับต้องมาพูดคุยทำความเข้าใจ นอกเหนือไปจากการเอา "ขนม" มาล่อเป็นรางวัลในยามปกติ

"เราค่อนข้างสบายใจ เพราะพี่เขาไม่กดดันเรา เขาเข้าใจและให้โอกาส ค่อยๆ บอก ถ้าไม่ได้เดี๋ยวค่อยเอาใหม่ ซึ่งทำให้เราค้นพบการทำงานในแบบตัวเอง"

"ถ้าเรารีแลกซ์ เราจะทำได้ดี จะเล่นดีมาก ถ้าเกร็งก็จะเล่นไม่ผ่านสักที"



เช่นเดียวกับการทำงานกับคู่จิ้นอย่าง "พละ" ที่ สกาย-วงศ์รวี นทีธร รับบทนั้น เพราะแพรวว่าเข้าฉากด้วยกันบ่อยจนสนิทมากที่สุดในกอง

"สกายชอบทำตัวเป็นนักร้องประจำกองถ่าย" สาวสวยแอบเมาธ์ให้ฟัง

โดยว่า "เขาจะชอบร้องเพลงตลอดเวลา บางครั้งออกกองกันดึกๆ สกายก็จะร้องเพลงเสียงดัง จนทุกคนก็ไม่ได้นอน พอบอกว่าสกายขอพักหยุดร้องสัก 5 นาทีได้ไหมสกาย

ก็จะตั้งเวลา พอครบ 5 นาที แล้วก็ร้องเพลงต่อ"

"เรียกว่าเป็นตัวก่อกวน แต่ก็ช่วยสร้างสีสันระหว่างรอไปได้บ้าง"

ดูแล้วพละนอกจอกับในจอจึงต่างกันมากทีเดียว

และก็เพราะความต่างนี่ละที่ทำให้ "ส้มส้ม" กับ "พละ" กลายเป็นคู่จิ้นที่ใครๆ ก็พูดถึง

"ในเรื่องคือส้มส้มจะดูแรงๆ ในขณะที่ผู้ชายอย่างพละ ก็จะดูเซื่องๆ ซื่อๆ ซึ่งคนดูทางบ้านก็คงจะชอบเวลาได้เห็นคู่นี้เขาพูดจาโต้ตอบกัน" แพรวตั้งข้อสังเกต

ส่วนกับคนเห็นต่างที่ออกแนวหมั่นไส้ส้มส้ม เธอว่า "อยากให้คนดูได้ดูและเปิดใจ เพราะความจริงคนที่ลุคแรงๆ อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้"

"อยากบอกทุกคนว่า จริงๆ ส้มส้มเป็นคนดีนะคะ ดูดีๆ อย่ารีบตัดสินใจ อย่ามองจากแค่ภายนอกที่เห็น"

เพราะสิ่งที่ "เห็น" อาจไม่ใช่สิ่งที่ "เป็น" เสมอไป


ที่มา นสพ.มติชนรายวัน